สรุปค่ำคืนเดือดศึกฟีฟ่า อาหรับคัพ
ค่ำคืนวันพุธในศึก ฟีฟ่า อาหรับคัพ เต็มไปด้วยดราม่าลูกหนังครบทุกอารมณ์ ทั้งแชมป์เก่าอย่าง แอลจีเรีย ที่โดน ซูดาน เบรกเครื่องตั้งแต่นัดเปิดสนาม, “สิงโตแห่งเมโสโปเตเมีย” อิรัก ประเดิมสามแต้มเหนือ บาห์เรน และ จอร์แดน ที่อาศัยความคมเชือด ยูเออี ที่เหลือสิบคนตั้งแต่ครึ่งแรก
สามเกมนี้ไม่ใช่แค่เรื่องของ ผลบอล แต่สะท้อนให้เห็นสไตล์การเล่น, แท็กติก และสภาพจิตใจของชาติยักษ์ใหญ่และม้ามืดในตะวันออกกลาง ซึ่งแฟนบอลชาวไทยที่ตาม บ้านผลบอล หรือคอยลุ้นทัวร์นาเมนต์ระดับทีมชาติควรจับตาไว้ให้ดี เพราะหลายทีมในรายการนี้กำลังใช้เวทีนี้เป็นห้องทดลองก่อนศึกใหญ่ระดับทวีปและระดับโลก
แอลจีเรีย 0-0 ซูดาน: แชมป์เก่าติดเครื่องไม่ติด โดนซูดานแบ่งแต้มสำเร็จ
เกมกลุ่ม D ที่สนามอาห์มัด บิน อาลี แชมป์เก่าอย่าง แอลจีเรีย ลงสนามนัดแรกด้วยความคาดหวังสูง แต่สุดท้ายต้องยอมรับแต้มเดียวจากผลเสมอ ซูดาน 0-0 แถมยังต้องเล่นสิบคนตลอดครึ่งหลัง
ช่วงครึ่งแรก แอลจีเรียเปิดเกมบุกกดดันอย่างต่อเนื่อง ได้โอกาสลุ้นประตูจากลูกโหม่งของ โซฟียน เบนเด็บก้า ที่เฉียดเสาออกไปไม่ไกล และจังหวะยิงของ อาดิล บูลบิน่า ที่บังคับให้ผู้รักษาประตูอย่าง โมฮาเหม็ด อัลนูร์ ต้องออกแรงเซฟสวยๆ เพื่อพาทีมรอดพ้นการเสียประตู
จุดเปลี่ยนสำคัญของเกมมาถึงก่อนหมดครึ่งแรก เมื่อ อดัม อูนาส หัวหอกตัวเก่งของแอลจีเรียโดนใบเหลืองที่สอง กลายเป็นใบแดงไล่ออกจากสนาม ทำให้แชมป์เก่าต้องเล่นด้วยผู้เล่นสิบคนตลอดครึ่งหลัง
ครึ่งหลังรูปเกมเปลี่ยนทันที ซูดานที่ตัวมากกว่าเริ่มคุมบอล ครองเกม และบุกใส่หนักขึ้น โอกาสใกล้เคียงที่สุดมาจากจังหวะของ อับเดลราซิก ยากูบ ที่กดเต็มข้อแต่บอลพุ่งเข้าข้างตาข่ายอย่างได้ลุ้น แต่อย่างไรก็ตาม พวกเขายังขาดความเฉียบคมในพื้นที่สุดท้าย
ฝั่งแอลจีเรียแม้จะตัวน้อยกว่า แต่ยังแสดงให้เห็นถึงวินัยเกมรับและความมุ่งมั่นในการป้องกัน พยายามปิดทุกช่อง ไม่เปิดพื้นที่ให้ซูดานเข้าทำง่ายๆ สุดท้ายยันสกอร์ 0-0 ไว้ได้ เก็บหนึ่งแต้มเปิดหัวแบบฝืดๆ ในฐานะแชมป์เก่า
รางวัล Player of the Match ตกเป็นของ โมฮาเหม็ด อัลนูร์ นายด่านซูดาน ที่โชว์ฟอร์มหนึบ เซฟลูกสำคัญช่วยทีมรอดพ้นความพ่ายแพ้หลายครั้ง
อิรัก 2-1 บาห์เรน: สิงโตเมโสโปเตเมียออกสตาร์ตแรง คว้าชัยสำคัญกลุ่ม D
คู่ต่อมาในกลุ่ม D ที่โดฮา เป็นการเจอกันระหว่าง อิรัก กับ บาห์เรน ซึ่งเคยอยู่กลุ่มเดียวกันเมื่อ 4 ปีก่อนและต่างไม่ผ่านเข้ารอบ แต่คราวนี้ “สิงโตแห่งเมโสโปเตเมีย” ไม่ยอมให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย บดเอาชนะไป 2-1 เก็บสามแต้มเปิดหัวได้ตามเป้า
แค่ 10 นาทีแรก อิรักก็ออกนำเมื่อ ไอมาน ฮุสเซน ได้จังหวะยิง บอลไปโดนแนวรับของบาห์เรนอย่าง อิบราฮิม ลุตฟัลลาห์ สกัดผิดเหลี่ยมเข้าประตูตัวเอง กลายเป็นสกอร์ 1-0 พร้อมจังหวะโชคร้ายของนายด่านที่ได้รับบาดเจ็บในช็อตนั้นจนต้องถูกเปลี่ยนตัวออกให้ โอมัร ซาเลม ลงมาเฝ้าเสาแทน
ยังไม่ทันตั้งตัวดี นาทีที่ 26 แฟนบอลอิรักได้เฮอีกครั้ง เมื่อ โมฮานัด อาลี ดาวยิงตัวเก่งจมูกไวประจำทีมใช้โอกาสไม่เปลือง ซัดจ่อๆ ในระยะเผาขนให้ทีมหนีเป็น 2-0 ตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงแรกของเกม
ครึ่งหลังบาห์เรนพยายามเดินหน้าบุกเพื่อกลับสู่เกม และมาประสบความสำเร็จในช่วงท้าย เมื่อตัวสำรองอย่าง ซาเยด ฮาชิม โฉบเข้ายิงจากลูกครอสสุดแม่นของ อับดุลลอฮ อัล คอลไซ ให้ทีมไล่มาเป็น 2-1 ในนาทีที่ 79 แต่ก็ไม่ทันเวลา
จบเกม อิรัก เก็บชัย 2-1 ประเดิมสามแต้มสำคัญในกลุ่ม D พร้อมส่งสัญญาณชัดเจนว่าครั้งนี้มาเพื่อเข้ารอบจริงจัง โดย โมฮานัด อาลี ได้รางวัล Player of the Match จากผลงานยิงหนึ่งประตูและป่วนแนวรับบาห์เรนตลอดทั้งเกม
จอร์แดน 2-1 ยูเออี: หมดสิทธิ์ยื้อเมื่อเหลือสิบคน จอร์แดนเฉือนสนุก กลับบ้านพร้อมสามแต้มกลุ่ม C
เกมสุดท้ายของคืนเป็นศึกในกลุ่ม C ระหว่าง จอร์แดน ตัวแทนเอเชียที่จองตั๋วไปบอลโลก 2026 ได้แล้ว พบกับ ยูเออี ที่หวังโชว์ศักยภาพเช่นกัน แต่ทุกอย่างพังตั้งแต่ช่วงต้น เพราะโดนใบแดงเร็วและสุดท้ายต้านไม่อยู่ พ่ายไป 2-1
เกมเริ่มเปิดหน้าบู๊กันเร็ว นาทีที่ 18 กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ เมื่อ คอลิด อัล ดันฮานี กองหลังยูเออีเข้าทำฟาวล์หนักใส่ ยาซาน อัล นาอิมัต ในเขตโทษ กรรมการไม่ลังเลควักใบแดงโดยตรงไล่ออกจากสนามทันที พร้อมเป่าให้เป็นจุดโทษ
อาลี โอลวาน รับหน้าที่สังหาร และไม่พลาด ซัดเข้าไปอย่างมั่นใจให้ จอร์แดน ขึ้นนำ 1-0 ในนาทีที่ 20
จอร์แดนมาได้จุดโทษลูกที่สองในนาทีที่ 39 จากจังหวะที่ ฮามัด อัล เมกบาลี ทำฟาวล์อัล นาอิมัตอีกครั้ง แต่คราวนี้โชคไม่เข้าข้าง โอลวานยิงไปโดนผู้รักษาประตูยูเออีเซฟไว้ได้ ทำให้จบครึ่งแรกด้วยสกอร์นำเพียง 1-0
ครึ่งหลัง ยูเออีแม้เหลือสิบคนแต่ไม่ยอมถอยง่ายๆ และพยายามตอบโต้จนได้ผล หลังเริ่มครึ่งหลังไม่นาน บรูโน่ แนวรุกยูเออีวิ่งมาเข้าชาร์จบอลจากครอสอันตรายของ ลูอัน เปเรย์ร่า แล้วซัดด้วยหลังเท้าแบบสุดเนียน ส่งบอลพุ่งเสียบตาข่าย เป็นประตูตีเสมอ 1-1 นาทีที่ 47
แต่ความมุ่งมั่นของจอร์แดนยังไม่หมด นาทีที่ 65 ยาซาน อัล นาอิมัต อ่านจังหวะหลุดกับดักล้ำหน้าได้อย่างเฉียบคม หลังรับบอลต่อมาจากการขึ้นเกมสวยๆ ของ นิซาร์ อัล รัชดาน บอลเด้งลอยสูงจากการสัมผัสแรก แต่ดาวยิงจอร์แดนยังตามไปแปจ่อๆ ไม่พลาด เป็นประตูชัย 2-1
จบเกม จอร์แดน เปิดหัวศึกอาหรับคัพด้วยสามแต้มสำคัญ ขณะที่ ยูเออี ต้องเก็บเอาบทเรียนจากใบแดงเร็วไปคิดต่อ โดยเกมนี้ ยาซาน อัล นาอิมัต ทำหนึ่งประตู เรียกสองจุดโทษ และได้รางวัล Player of the Match ไปแบบไร้ข้อโต้แย้ง
ฟีฟ่า อาหรับคัพ: เวทีสร้างตัวและบททดสอบแท็กติกทีมชาติ
ศึก ฟีฟ่า อาหรับคัพ ไม่ได้เป็นเพียงทัวร์นาเมนต์เช็คฟอร์มนักเตะ แต่กลายเป็นเวทีให้โค้ชแต่ละชาติได้ลองแท็กติกใหม่ๆ ปรับสมดุลทีม และให้ดาวรุ่งได้เก็บประสบการณ์ในเกมระดับนานาชาติจริงๆ หลายทีมใช้รายการนี้ต่อยอดสู่ฟุตบอลโลกและศึกชิงแชมป์ทวีป ทำให้ทุกแมตช์เต็มไปด้วยความจริงจังไม่แพ้ทัวร์นาเมนต์ใหญ่
สำหรับแฟนบอลชาวไทย นี่คืออีกหนึ่งรายการที่น่าติดตาม เพราะมักมีสไตล์การเล่นที่ดุดัน เกมเร็ว แถมเต็มไปด้วยบรรยากาศเชียร์ในสนามที่เดือดไม่แพ้ลีกยุโรป ใครอยากดูบอลให้ “ลึก” กว่าเดิม ลองมองดูแท็กติก การยืนโซน การเพรสซิ่ง และการเปลี่ยนจากรับเป็นรุกของชาติจากตะวันออกกลาง จะช่วยเพิ่มมิติการดูบอลให้สนุกขึ้นแบบคนดูบอลจริงๆ
แฟนบอลที่อยากตามทุกจังหวะของโลกฟุตบอล ไม่ว่าจะเป็น ผลบอล ทัวร์นาเมนต์ทีมชาติ, ข่าวซื้อขาย หรือไฮไลต์เกมเดือดจากทุกมุมโลก อย่าลืมติดตามความเคลื่อนไหวมันส์ๆ ได้ที่ ข่าวกีฬาฟุตบอลบ้านกีฬา

