บ้านผลบอล สรุปหลังเกม ลาลีกา ดุเดือดเอ็มบัปเป้กดแฮตทริก พาเรอัล มาดริดบุกถล่มบิลเบา 3-0 จี้จ่าฝูงแต้มเดียว

ดูบอลสด ดูบอลออนไลน์ฟรี 24 ชั่วโมง

จาก : ผลบอลสด ลาลิกา ระหว่าง แอธเลติก บิลเบา 0-3 เรอัล มาดริด วันนี้ 4/12/68 – บ้านกีฬา

ศึก ลาลีกา ที่ซาน มาเมส คืนนี้เป็นอีกค่ำคืนที่แฟนบอลเปิดหน้าเช็ค ผลบอลสด กันแบบไม่กะพริบตา เมื่อแอธเลติก บิลเบา เปิดรังรับการมาเยือนของมหาอำนาจอย่าง เรอัล มาดริด และสุดท้ายเป็นราชันชุดขาวที่โชว์คลาสเหนือชั้น บุกถล่ม 3-0 จากแฮตทริกของคีลิยาน เอ็มบัปเป้ ทำให้สถานการณ์บนหัวตารางยิ่งร้อนแรงเข้าไปใหญ่

⏱ ครึ่งแรก: มาดริดบุกใส่ไม่ยั้ง เอ็มบัปเป้เปิดสวิตช์ตั้งแต่ต้นเกม

เสียงนกหวีดเริ่มเกมไม่ทันจะจบลมหายใจแรก แฟนเจ้าถิ่นก็ต้องเงียบกริบเมื่อแนวรับบิลเบาพลาดปล่อยให้แนวรุกชุดขาวเชื่อมบอลกันลื่นไหล นาทีที่ 7 เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ เติมสูงขึ้นมาทางขวาแล้วหยอดบอลโค้งเข้าเขตโทษให้คีลิยาน เอ็มบัปเป้สอดทะลุแนวรับไปยิงจ่อๆ ไม่มีเหลือ เรอัล มาดริด ออกนำ 1-0 อย่างรวดเร็ว

หลังเสียประตู บิลเบาพยายามตั้งสติเล่นในสไตล์บอลเพรสซิ่งของตัวเอง ใช้การบีบพื้นที่กลางสนามและโยนความหวังไปที่สองริมเส้นอย่างนิโก้ วิลเลียมส์กับอเล็กซ์ เบเรนเกร์ แต่ปัญหาคือเจาะแผงกลางที่มีชูอาเมนี่–คามาวิงก้า–เบลลิงแฮมไม่เข้า แถมโดนสวนกลับแบบเจ็บๆ หลายครั้ง

นาทีที่ 42 ความผิดพลาดเล็กๆ ในการเช็คไลน์ของแนวรับเจ้าบ้านถูกลงโทษอีกครั้ง คามาวิงก้าแทงทะลุช่องให้เอ็มบัปเป้วิ่งตัดแนวรับก่อนซัดด้วยขวาเสียบเสาอย่างเยือกเย็น เป็นประตูที่สองของดาวยิงฝรั่งเศสและทำให้ราชันนำห่าง 2-0 ก่อนจบครึ่งแรก ทิ้งให้แฟนบิลเบาในสนามต้องมองหน้ากันแบบพูดไม่ออก

🔁 ครึ่งหลัง: เปลี่ยนตัวแก้เกมไม่ทัน มาดริดปิดบัญชี 3-0

เปิดครึ่งหลังเออร์เนสโต้ บัลเบร์เด รู้ดีว่าถ้าปล่อยให้เกมไหลไปแบบเดิมมีโอกาสเละแน่ๆ จึงส่งอูไน โกเมซ และเฆซุส อาเรโซ ลงมาเติมความสดแทนอิเกร์ มุนญายิน…ไม่ใช่ แต่เป็นอีญีโก้ เลกูเอ กับกาลาร์เรตตา เพื่อเพิ่มสปีดการเล่นและการเชื่อมเกมรุกจากแดนกลาง

ช่วงต้นครึ่งหลังบิลเบาได้ครองบอลมากขึ้น มีจังหวะบุกเป็นชุด แต่เมื่อดันไลน์สูงเกินไปก็เปิดพื้นที่ด้านหลังกองหลังให้เอ็มบัปเป้และวินิซิอุสจูเนียร์เล่นงาน นาที 59 แบ็กซ้ายดาวรุ่งอย่างอเล็กซ์ การ์เรราส เติมขึ้นมาทางซ้ายก่อนเปิดเรียดเข้ากลางให้เอ็มบัปเป้ชาร์จไม่เหลือ เป็นแฮตทริกสุดเฉียบขาด สกอร์ไหลเป็น 3-0 แบบหมดคำจะบรรยาย

จากนั้นซาบี อลอนโซ่ถอดตัวหลักหลายคนออกไปพัก ส่งราฮูล อาเซนซิโอ, อาร์ดา กูลเลอร์, บราฮิม ดิอาซ, โรดรีโก และกอนซาโล การ์เซีย ลงมาเก็บนาที ส่วนบิลเบาพยายามใช้มิเกล เบสก้า, นิโก้ เซร์ราโน และเซลตัน ซานเชซ ลงมาเปลี่ยนรูปเกมแต่จังหวะสุดท้ายยังไม่คมพอ จบเกม เรอัล มาดริด บุกอัด แอธเลติก บิลเบา 3-0 แบบไม่ต้องลุ้นยาว

🧾 รายชื่อนักเตะตัวจริงและการเปลี่ยนตัว

🔴 แอธเลติก บิลเบา (4-1-4-1) – ผู้จัดการทีม: เออร์เนสโต้ บัลเบร์เด

ผู้รักษาประตู

  • อูไน ซิม่อน (7.3) – เซฟสวยๆ หลายครั้ง แม้โดนยิงสามประตูแต่ถ้าไม่ใช่เขาสกอร์อาจถึงห้า

กองหลัง

  • อิญีโก้ เลกูเอ (กัปตัน) (5.9) – แบ็กขวาที่โดนความเร็วของวินิซิอุสโจมตีหนัก ถูกเปลี่ยนออกช่วงพักครึ่ง
  • ดานี่ บีเวียน (5.6) – เจองานช้างในการรับมือเอ็มบัปเป้ มีจังหวะหลุดตำแหน่งให้เห็น
  • อายเมริก ลาปอร์กต์ (6.5) – พยายามคุมแนวรับและออกบอลจากหลังแต่ก็โดนเพรสจนเสียจังหวะ
  • อเล็กซ์ เบเรนเกร์ (6.3) – ถูกดันยืนต่ำช่วยเกมรับฝั่งซ้าย แต่ต้องวิ่งขึ้นลงจนหมดแรงช่วงท้าย

กองกลาง

  • อันเดร์ ร. เด กาลาร์เรตตา (6.2) – รับบทโฮลดิ้งมิดฟิลด์ คอยเชื่อมเกม แต่เจอแดนกลางมาดริดกดดันหนัก อยู่ไม่ครบ 90 นาที
  • อาเซียร์ อาร์. โมรา (6.6) – ขึ้นลงช่วยทั้งรุกและรับ มีใบเหลืองติดตัวนาที 76
  • มิเกล จาอูเรกิซาร์ (6.0) – เติมเกมรุกจากแถวสอง แต่หาโอกาสยิงจะแจ้งไม่เจอ
  • อเล็กซ์ โบอิโร (6.2) – พยายามลากเลื้อยทางซ้ายแต่ถูกปิดพื้นที่
  • นิโก้ วิลเลียมส์ (6.6) – ตัวทีเด็ดริมเส้นขวา มีจังหวะกระชากสวยๆ แต่จบไม่ได้

กองหน้า

  • เกอร์เซต้า (กูรูเซต้า) (6.0) – ยืนหอกเดี่ยวแต่แทบไม่ได้บอลในเขตโทษ

ตัวสำรองที่ลงสนาม

  • เฆซุส อาเรโซ (6.4) – ลงมานาที 46 แทนเลกูเอ เติมเกมรุกฝั่งขวาได้ดีขึ้น
  • อูไน โกเมซ (6.7) – นาที 46 แทนกาลาร์เรตตา ช่วยให้กลางสนามมีความสร้างสรรค์
  • มิเกล เบสก้า (6.8) – นาที 69 แทนจาอูเรกิซาร์ เติมความดุดันกลางสนาม
  • นิโก้ เซร์ราโน (6.4) – นาที 69 แทนเบเรนเกร์ พยายามหาช่องยิงไกล
  • เซลตัน ซานเชซ (6.4) – นาที 78 แทนนิโก้ วิลเลียมส์ ลงมาไล่เพรสและวิ่งกดดันแนวรับมาดริด

⚪ เรอัล มาดริด (4-3-3) – ผู้จัดการทีม: ซาบี อลอนโซ่

ผู้รักษาประตู

  • ติโบต์ กูร์กตัวส์ (8.0) – ยืนตำแหน่งนิ่ง เซฟลูกยิงไกลของบิลเบาหลายครั้ง เกมนี้คลีนชีตอย่างหล่อ

กองหลัง

  • เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ (7.6) – แบ็กขวาจอมบุก แอสซิสต์ลูกแรกให้เอ็มบัปเป้ ก่อนพักครึ่งหลังถูกถอดไปเซฟสภาพ
  • เอแดร์ มิลิเตา (7.5) – คุมพื้นที่กลางแนวรับ อ่านจังหวะตัดบอลสูง
  • อันโตนิโอ รูดิเกอร์ (7.3) – ดุดันตามสไตล์ เข้าปะทะแน่นอนไม่กลัวชน
  • อเล็กซ์ การ์เรราส (7.3) – แบ็กซ้ายดาวรุ่ง เติมเกมได้เนียนตา แอสซิสต์ลูกสามให้เอ็มบัปเป้

กองกลาง

  • โอเรเลียง ชูอาเมนี่ (7.7) – หัวใจแดนกลาง ตัดเกมและคุมจังหวะได้อย่างอยู่หมัด
  • เอดูอาร์โด้ คามาวิงก้า (8.3) – กลางไดนาโม วิ่งไม่มีหมด จ่ายทะลุช่องให้เอ็มบัปเป้ยิงลูกสอง
  • จู๊ด เบลลิงแฮม (8.1) – เชื่อมเกมรุกแดนสาม ลากเลื้อยดึงกองหลังบิลเบาออกจากตำแหน่งตลอด

กองหน้า

  • วินิซิอุส จูเนียร์ (6.7) – ปั่นป่วนริมเส้นซ้าย สร้างปัญหาให้แนวรับเจ้าบ้าน
  • คีลิยาน เอ็มบัปเป้ (10.0) – แฮตทริกแมนของเกมนี้ เคลื่อนที่หาตำแหน่งได้สุดโหด
  • เฟเดริโก้ วัลเวร์เด (6.9) – รับบทตัวรุกฝั่งขวา คอยตัดเข้ากลางหาช่องยิง

ตัวสำรองที่ลงสนาม

  • ราฮูล อาเซนซิโอ (6.9) – นาที 55 แทนเทรนต์ เติมความสดทางกราบขวา
  • อาร์ดา กูลเลอร์ (6.9) – นาที 69 แทนคามาวิงก้า ลงมาลองของด้วยลูกยิงไกล
  • บราฮิม ดิอาซ (6.6) – นาที 78 แทนวินิซิอุส เพิ่มความเหนียวในแดนหน้า
  • โรดรีโก (6.4) – นาที 78 แทนเอ็มบัปเป้ รับช่วงปิดเกม
  • กอนซาโล การ์เซีย (6.6) – นาที 78 แทนมิลิเตา ยืนเซ็นเตอร์ในช่วงท้าย

นักเตะโดดเด่นพิเศษ
บ้านกีฬา ขอชูสามชื่อคือ เอ็มบัปเป้ (แฮตทริก), คามาวิงก้า (คุมแดนกลางและแอสซิสต์), เบลลิงแฮม (สร้างสรรค์เกมรุกต่อเนื่อง) สามประสานนี้คือหัวใจของชัยชนะในค่ำคืนนี้อย่างแท้จริง

📊 วิเคราะห์บอลการรุกและการรับของทั้งสองทีม

ในมุม วิเคราะห์บอล เชิงแท็กติก เกมนี้คือการดวลกันระหว่างระบบ 4-1-4-1 ของบิลเบากับ 4-3-3 ของเรอัล มาดริด

ฝั่งเจ้าบ้านเริ่มต้นด้วยแผนเน้นเพรสสูง ใช้กาลาร์เรตตาคอยคุมหน้าเซ็นเตอร์ แล้วให้จาอูเรกิซาร์กับโมราขึ้นไปบีบคู่กลางมาดริด เป้าคือบังคับให้ชุดขาวเล่นบอลยาว แต่ปัญหาคือเมื่อเพรสไม่ถึงตัว ชูอาเมนี่และคามาวิงก้าสามารถหมุนตัวหนีแรงกดดันแล้วจ่ายทะลุไลน์แรกได้ตลอด ส่งผลให้แนวรับบิลเบาต้องถอยกรูดและเปิดช่องว่างระหว่างกองหลังกับแดนกลาง

ด้านเกมรุก บิลเบาอาศัยการขึ้นบอลจากริมเส้นเป็นหลัก ใช้นิโก้ วิลเลียมส์หาจังหวะดวลหนึ่งต่อหนึ่งกับการ์เรราส ส่วนอีกฝั่งเป็นโบอิโรที่พยายามลากตัดเข้าใน แต่เมื่อบอลเข้าสู่พื้นที่สุดท้ายมักถูกมิลิเตา–รูดิเกอร์อ่านทางไว้ก่อน ทำให้โอกาสจบสกอร์ส่วนใหญ่จบแค่การยิงไกลหรือเปิดลึกเกินไป

ตรงกันข้าม เรอัล มาดริดใช้จุดแข็งของแนวรุกความเร็วสูงได้อย่างเต็มที่ เกมรุกของราชันขึ้นจากสามเหลี่ยมฝั่งซ้าย การ์เรราส–เบลลิงแฮม–เอ็มบัปเป้ ผสมกับการเติมจากคามาวิงก้า เมื่อใดที่บิลเบาดันไลน์สูง แค่บอลแทงช่องเดียว เอ็มบัปเป้ก็พร้อมจะสปีดหนีหลังแนวรับไปลุ้นหลุดเดี่ยว ขณะที่ฝั่งขวาเทรนต์เปิดบอลยาวสลับจังหวะ ให้เกมรุกมาดริดมีมิติทั้งครอสและทะลุช่อง

เกมรับของมาดริดก็ยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน การเพรสซ้อนกันระหว่างแนวรุกกับแดนกลางทำให้บิลเบาเซ็ตบอลขึ้นลำบาก เมื่อเจ้าบ้านตัดสินใจเล่นบอลยาว รูดิเกอร์และมิลิเตาก็ชนะลูกกลางอากาศเป็นส่วนใหญ่ ทำให้กูรูเซต้าถูกตัดขาดจากเพื่อนร่วมทีมไปโดยปริยาย

โดยรวมแล้ว แท็กติกของซาบี อลอนโซ่ชัดเจนและเฉียบคมกว่าเยอะ ทั้งการเคลื่อนที่ของแนวรุก การปรับจังหวะรุก–รับ และการเปลี่ยนตัวที่ช่วยล็อกผลการแข่งขันตั้งแต่กลางครึ่งหลัง

📈 สถิติการแข่งขันสะท้อนความเหนือชั้น

แม้เล่นในบ้าน แต่บิลเบากลับเป็นฝ่ายตามเกมตลอด เจ้าถิ่นมีโอกาสยิงทั้งหมด 7 ครั้ง เข้ากรอบ 4 ครั้ง ส่วนราชันชุดขาวจัดเต็ม 10 ครั้ง เข้ากรอบถึง 8 ครั้ง เปลี่ยนเป็นสามประตูแบบไร้ความปรานี

การครองบอลก็ชัดเจน เรอัล มาดริดครองเกมได้ 58% ต่อ 42% ของบิลเบา และยังจ่ายบอลมากกว่าชัดเจน 543 ต่อ 341 ครั้ง แถมมีความแม่นยำในการจ่ายถึง 93% ขณะที่เจ้าบ้านอยู่ที่ 83% เท่านั้น แสดงให้เห็นว่าชุดขาวเล่นบอลกันไหลลื่นและผิดพลาดน้อยมาก

ในแง่เกมดุเดือด บิลเบาทำฟาวล์ถึง 14 ครั้ง ได้ใบเหลือง 2 ใบ (โมราและเบเรนเกร์) ขณะที่มาดริดฟาวล์เพียง 4 ครั้ง ไม่มีใบเหลืองเลย ลูกเตะมุมเจ้าถิ่นได้ 5 ลูก ส่วนราชันได้ 7 ลูก ชี้ชัดว่าทีมเยือนบุกมากกว่าและกดดันกรอบเขตโทษเจ้าถิ่นอย่างต่อเนื่อง

🕒 เหตุการณ์สำคัญของเกม

  • ⚽ นาที 7: เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ เปิดบอลจากฝั่งขวาให้คีลิยาน เอ็มบัปเป้โฉบโหม่ง/ยิงจ่อๆ เรอัล มาดริดออกนำ 0-1
  • ⚽ นาที 42: เอดูอาร์โด้ คามาวิงก้า แทงทะลุช่องให้เอ็มบัปเป้หลุดเดี่ยว ก่อนซัดเสียบเสา เป็นประตู 0-2 ก่อนพักครึ่ง
  • 🔁 นาที 46: แอธเลติก บิลเบาเปลี่ยนสองคนรวด ส่งอูไน โกเมซ แทนกาลาร์เรตตา และเฆซุส อาเรโซ แทนเลกูเอ เพื่อเร่งเกมรุก
  • 🔁 นาที 55: เรอัล มาดริดส่งราฮูล อาเซนซิโอลงมาแทนเทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ปรับสมดุลเกมริมเส้น
  • ⚽ นาที 59: อเล็กซ์ การ์เรราส เติมขึ้นมาทางซ้าย ก่อนเปิดเรียดให้เอ็มบัปเป้ชาร์จจ่อๆ เป็นแฮตทริกส่วนตัวและนำห่าง 0-3
  • 🔁 นาที 69: บิลเบาปรับเกมกลาง ส่งมิเกล เบสก้า และนิโก้ เซร์ราโน ลงแทนจาอูเรกิซาร์และเบเรนเกร์
  • 🔁 นาที 69: มาดริดถอดคามาวิงก้า ส่งอาร์ดา กูลเลอร์ลงมาทดลองเกมบุก
  • 🟨 นาที 76: อาเซียร์ อาร์. โมรา โดนใบเหลืองจากจังหวะตัดฟาวล์กลางสนาม
  • 🔁 นาที 78: บิลเบาส่งเซลตัน ซานเชซแทนนิโก้ วิลเลียมส์ หวังเพิ่มความสดในแดนหน้า
  • 🔁 นาที 78: มาดริดเปลี่ยนสามคนรวด ส่งบราฮิม ดิอาซ, โรดรีโก และกอนซาโล การ์เซีย ลงแทนวินิซิอุส, เอ็มบัปเป้ และมิลิเตา เพื่อปิดเกมให้แน่นอน

(ไม่มีใบแดงในเกมนี้)

⭐ Player of the Match – คีลิยาน เอ็มบัปเป้

รางวัล Player of the Match ไม่ต้องลุ้นให้เสียเวลา คะแนนเต็ม 10 จาก Sofascore บอกทุกอย่าง คีลิยาน เอ็มบัปเป้คือฝันร้ายของแนวรับบิลเบาในค่ำคืนนี้อย่างแท้จริง

เขาใช้ความเร็วและการวิ่งตัดไลน์แนวรับได้อย่างโหด แทบทุกครั้งที่บอลทะลุช่องมาถึง เท่ากับมีสัญญาณอันตรายในเขตโทษทันที สามประตูของเขามาจากการเคลื่อนที่อันชาญฉลาดทั้งหมด – ลูกแรกจมโหม่ง/ยิงจากครอสของเทรนต์, ลูกสองวิ่งสอดคัทแบ็กจากจ่ายทะลุช่องของคามาวิงก้า, ลูกสามอ่านจังหวะวิ่งไปชาร์จลูกเปิดของการ์เรราส

นอกจากประตู เอ็มบัปเป้ยังดึงตัวประกบหลายคน เปิดพื้นที่ให้เบลลิงแฮมและวินิซิอุสเล่นง่ายขึ้น บ้านกีฬา ต้องยอมรับว่าถ้าคืนนี้ไม่มีเขา เกมอาจไม่ขาดขนาดนี้ก็ได้

📌 สถานการณ์ในตารางคะแนนลาลีกา

ชัยชนะเกมนี้ทำให้ เรอัล มาดริด เก็บเพิ่มเป็น 36 คะแนนจาก 15 นัด สถิติชนะ 11 เสมอ 3 แพ้ 1 ลูกได้–เสีย 32-13 ผลคือยังรั้งอันดับ 2 ของตารางตามหลังบาร์เซโลนาเพียง 1 คะแนนเท่านั้น สถานการณ์ลุ้นแชมป์ ลาลีกา ยังคงเดือดและพร้อมพลิกได้ทุกสัปดาห์

ด้าน แอธเลติก บิลเบา แพ้ในบ้านตัวเองทำให้มี 20 คะแนนจาก 15 นัด หล่นไปอยู่กลุ่มกลางตารางในอันดับ 8 ลูกได้–เสีย 20-26 ซึ่งหากอยากลุ้นพื้นที่ยุโรปต่อไป ต้องรีบเก็บแต้มให้สม่ำเสมอมากกว่านี้ เพราะทีมอย่างโซเซียดาด, ราโย และเซบีย่า ไล่จี้มาแบบหายใจรดต้นคอ

📅 ตารางบอลลาลีกาและโปรแกรมสำคัญนัดถัดไป

เมื่อมองไปที่ โปรแกรมบอล นัดต่อไปของทั้งสองทีม แฟนบอลต้องเตรียมตัวกันให้ดี เพราะงานของแต่ละสโมสรไม่เบาเลย

ฝั่ง แอธเลติก บิลเบา

  • ลาลีกา: แอธเลติก บิลเบา เปิดซาน มาเมส รับมือแอตเลติโก มาดริด วันที่ 07/12/25 เวลา 03.00 น. เกมนี้คือบททดสอบใหญ่ เพราะตราหมีฟอร์มร้อนแรงและยืนหนึ่งเรื่องเกมรับ
  • ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก: ต่อด้วยเกมยุโรปสุดหิน พบปารีส แซงต์-แชร์กแมง (PSG) วันที่ 11/12/25 เวลา 03.00 น. แฟนเจ้าบ้านต้องลุ้นว่าฟอร์มในลีกจะรีบคืนมาทันหรือไม่

ฝั่ง เรอัล มาดริด

  • ลาลีกา: เปิดซานติอาโก เบร์นาเบว ดวลเซลตา วันที่ 08/12/25 เวลา 03.00 น. หากเก็บสามแต้มได้ก็มีโอกาสแซงบาร์ซ่าขึ้นจ่าฝูงขึ้นอยู่กับผลคู่อื่นบน ตารางบอลวันนี้
  • ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก: นัดใหญ่รับมือแมนเชสเตอร์ ซิตี้ วันที่ 11/12/25 เวลา 03.00 น. เกมที่ทั้งยุโรปจับตา เพราะเป็นการรีแมตช์สองยักษ์ใหญ่ที่เน้นเกมบุกสุดมันส์แน่นอน

โปรแกรมแน่นขนาดนี้ ทั้งสองทีมไม่มีเวลาพักมากนัก การโรเตชันและการจัดการสภาพร่างกายจะเป็นกุญแจสำคัญว่าพวกเขาจะยืนระยะได้ดีแค่ไหนในช่วงโค้งสำคัญปลายปีนี้

📺 ติดตาม บ้านผลบอล และข่าวบอลมันส์ๆ ได้ที่บ้านกีฬา

แฟนบอลที่อยากเช็กสกอร์แบบเรียลไทม์ อัปเดตทุกจังหวะสำคัญเหมือนนั่งอยู่ขอบสนาม อย่าลืมกดเปิดหน้า บ้านผลบอล ของ บ้านกีฬา เอาไว้ เรารวบรวมทั้งสกอร์สด สถิติสำคัญ ไฮไลต์ และบทวิเคราะห์ครบทุกคู่ ไม่ว่าจะเป็นลาลีกา พรีเมียร์ลีก หรือฟุตบอลถ้วยยุโรปต่างๆ

บ้านกีฬา จะยังเกาะติดทุกความเคลื่อนไหวของเรอัล มาดริด, แอธเลติก บิลเบา และทุกทีมบนแผนที่ลูกหนังให้คุณไม่ตกข่าวแน่นอน

ตรวจหวย 24 ชั่วโมง หวยลาว หวยฮานอย

แอดไลน์ @Bankeela รับลิ้งดูบอล ทีเด็ด วิเคราะห์บอลจากทางบ้านกีฬา