ภาพรวมทีมชาติเนเธอร์แลนด์บนเวทีฟุตบอลโลก
ทีมชาติเนเธอร์แลนด์ เป็นหนึ่งในขาประจำบนเวที FIFA World Cup ที่ทุกทัวร์นาเมนต์ต้องจับตา พวกเขาเคยเข้าชิงชนะเลิศมาแล้วถึง 3 ครั้ง จากการผ่านเข้ารอบสุดท้ายทั้งหมด 11 หน และนับตั้งแต่ปี 1974 เป็นต้นมา ทุกครั้งที่ได้ตั๋วไปฟุตบอลโลก พวกเขาทะลุถึงรอบน็อกเอาต์ได้ทุกสมัย นับเป็นผลงานสุดโหดสำหรับชาติที่มีประชากรราว 18 ล้านคนเท่านั้น
ฟุตบอลโลก 2026 ที่แคนาดา เม็กซิโก และสหรัฐอเมริกา จะเป็นอีกครั้งที่ “ออรันเย่” เดินหน้าล่าความสำเร็จขั้นสุดท้าย เป้าหมายชัดเจนเพียงอย่างเดียวคือ “ก้าวจากรองแชมป์สู่แชมป์โลกให้ได้เสียที”
รอนัลด์ คูมัน แม่ทัพใหญ่คืนบัลลังก์มาคุมส้มดัตช์
ตำแหน่งเฮดโค้ชของเนเธอร์แลนด์อยู่ในมือของ รอนัลด์ คูมัน อดีตเซ็นเตอร์ฮาล์ฟระดับตำนานที่เคยพาทีมชาติลงเล่นฟุตบอลโลกในปี 1990 และ 1994 จุดเด่นของเขาคืออ่านเกมรับเฉียบขาด และขึ้นชื่อเรื่องลูกฟรีคิกกับจุดโทษตั้งแต่สมัยเป็นนักเตะ
คูมันกลับมาคุมทัพเป็นครั้งที่สองในเดือนมกราคม 2023 หลังจาก หลุยส์ ฟาน กัล วางมือหลังจบฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์ ตลอดกว่า 25 ปีในอาชีพกุนซือ เขาผ่านการคุมทีมใหญ่มาแล้วทั้ง บาร์เซโลนา, พีเอสวี, อาแจ็กซ์, เบนฟิกา, เอฟเวอร์ตัน ทำให้ทีมชาติชุดนี้ได้ผู้นำที่ทั้งเก๋าเกมและเข้าใจดีเอ็นเอฟุตบอลดัตช์อย่างลึกซึ้ง
ครั้งแรกที่คุมออรันเย่เขาต้องแยกทางกลางคันเมื่อบาร์ซาเข้ามาทาบทาม คราวนี้เขามีโอกาสพาบ้านเกิดของตัวเองกลับขึ้นไปท้าทายแชมป์บนเวทีโลกแบบเต็มตัว
เส้นทางคัดเลือก: จ่าฝูงกลุ่ม G ผ่านเข้ารอบแบบไร้พ่าย
ในรอบคัดเลือกโซนยุโรป ฟุตบอลโลก 2026 เนเธอร์แลนด์ถูกจับให้อยู่ในกลุ่ม G ร่วมกับ โปแลนด์ ฟินแลนด์ มอลตา และลิทัวเนีย ผลงานสุดท้ายคือการจบอันดับ 1 ของกลุ่มแบบไม่แพ้ใคร แข่ง 8 นัด ชนะ 6 เสมอ 2 ยิง 27 เสียเพียง 4 ประตู เก็บได้ 20 คะแนน ทิ้งโปแลนด์รองแชมป์กลุ่มที่มี 17 แต้มอย่างเด็ดขาด
เกมชี้ชะตาเกิดขึ้นในนัดสุดท้ายของรอบคัดเลือก เมื่อเนเธอร์แลนด์ต้องการชัยชนะเพื่อการันตีตั๋วไปแคนาดา–เม็กซิโก–สหรัฐอเมริกา และพวกเขาก็ไม่ทำให้แฟนบอลผิดหวัง ด้วยการไล่ต้อนลิทัวเนีย 4-0 เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน
ตลอดทั้งแคมเปญ พวกเขาทำคะแนนหล่นเพียงสองนัดเท่านั้น คือเสมอ 1-1 ทั้งเหย้าและเยือนกับโปแลนด์ ส่วนอีก 6 นัดที่เจอฟินแลนด์ มอลตา และลิทัวเนีย พวกเขากดรวมถึง 25 ประตู เสียเพียง 2 ลูก แสดงให้เห็นว่าแนวรุกดุดันและเกมรับแน่นขนาดไหน
กลุ่มและโปรแกรมฟุตบอลโลก 2026
เนเธอร์แลนด์จะรู้ว่าอยู่ร่วมกลุ่มกับใครในรอบแบ่งกลุ่ม ฟุตบอลโลก 2026 หลังการจับสลากอย่างเป็นทางการที่จะจัดขึ้นที่ John F. Kennedy Center for the Performing Arts กรุงวอชิงตัน ดีซี เวลา 12.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น (18.00 น. CET) วันศุกร์ที่ 5 ธันวาคม ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นให้แฟนบอลได้วิเคราะห์เส้นทางของออรันเย่กันแบบเข้มข้น
สถิติฟุตบอลโลกของทีมชาติเนเธอร์แลนด์
ข้อมูลสำคัญบนเวทีฟุตบอลโลกของออรันเย่มีดังนี้
- สังกัด: UEFA
- ผลงานดีที่สุด: รองแชมป์โลก (1974, 1978, 2010)
- ฟุตบอลโลกครั้งล่าสุด: ฟุตบอลโลก 2022 กาตาร์ (ตกรอบก่อนรองชนะเลิศ)
- ฟุตบอลโลกครั้งแรก: 1934 ที่อิตาลี
- จำนวนนัดที่ได้ไปเล่นรอบสุดท้าย: 12 ครั้ง (1934, 1938, 1974, 1978, 1990, 1994, 1998, 2006, 2010, 2014, 2022 และ 2026)
- สถิติการเข้ารอบต่อเนื่องปัจจุบัน: 2 สมัยติด
- สถิติโดยรวมฟุตบอลโลก: แข่ง 55 นัด ชนะ 30 เสมอ 14 แพ้ 11 ยิง 96 เสีย 52 ประตู
ตัวเลขเหล่านี้ยืนยันชัดเจนว่าเนเธอร์แลนด์คือทีมระดับท็อปที่ยืนระยะบนเวทีโลกได้อย่างสม่ำเสมอ แม้ยังไม่ได้ชูถ้วยแชมป์จริง ๆ แต่พวกเขาแทบไม่เคยหลุดวงโคจรทีมลุ้นแชมป์เลย
สามนัดชวดแชมป์โลก ความเจ็บที่ยังตามหลอน
คำว่า “อีกแค่ 90 นาที” คือภาพจำของแฟนบอลดัตช์ในฟุตบอลโลก เพราะเนเธอร์แลนด์เคยเข้าชิงชนะเลิศถึง 3 ครั้ง แต่พลาดทั้งหมด เริ่มจากปี 1974 ที่นำทัพโดย โยฮัน ครัฟฟ์ แพ้เยอรมนีตะวันตกเจ้าภาพ 1-2 ทั้งที่เป็นทีมเล่นสวยและโดดเด่นที่สุดทัวร์นาเมนต์
สี่ปีถัดมาในปี 1978 พวกเขาเข้าชิงอีกครั้ง คราวนี้เจอกับอาร์เจนตินาเจ้าภาพ และต้องพ่าย 1-3 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ โดยไม่มีครัฟฟ์ในทีมแล้ว หลังจากนั้นต้องรอถึงปี 2010 ที่แอฟริกาใต้ ก่อนได้โอกาสล้างแค้นสเปน แต่สุดท้ายก็โดนประตูชัยของ อันเดรส อิเนียสตา ในช่วงต่อเวลาพิเศษ ทำให้แพ้ 0-1 และชวดแชมป์โลกเป็นครั้งที่สาม
ทัวร์นาเมนต์ล่าสุดที่กาตาร์ 2022
ในฟุตบอลโลก 2022 เนเธอร์แลนด์เดินหน้าทำผลงานได้อย่างแข็งแกร่ง ตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่มที่จบด้วยการเป็นแชมป์กลุ่มเหนือ เซเนกัล เอกวาดอร์ และกาตาร์เจ้าภาพ ก่อนจะอัดสหรัฐอเมริกา 3-1 ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย
ฉากดราม่าที่สุดเกิดขึ้นในรอบก่อนรองชนะเลิศกับอาร์เจนตินา เมื่อพวกเขาตามหลัง 0-2 จากฟอร์มสุดโหดของ ลิโอเนล เมสซี จน หลุยส์ ฟาน กัล ต้องส่ง วูต เวกฮอร์สต์ ลงมาในนาที 78 จากนั้นหัวหอกร่างยักษ์ก็ตีไข่แตกในนาที 83 ก่อนมาจบสกอร์จากลูกฟรีคิกสูตรในนาทีที่ 11 ของช่วงทดเจ็บ พาเกมยื้อเข้าสู่ช่วงต่อเวลาและดวลจุดโทษ
เวกฮอร์สต์ยิงจุดโทษเข้าไปอีกครั้ง แต่ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ และ สตีเฟ่น เบิร์กไฮส์ ถูก เอมิเลียโน มาร์ติเนซ เซฟได้ ทำให้อาร์เจนตินาชนะในการดวลเป้า 4-3 และเขี่ยออรันเย่ตกรอบอย่างเจ็บปวด
จุดเริ่มต้นบนเวทีฟุตบอลโลก
เนเธอร์แลนด์ประเดิมฟุตบอลโลกครั้งแรกในปี 1934 ที่อิตาลี โดยทัวร์นาเมนต์ตอนนั้นใช้ระบบน็อกเอาต์ตั้งแต่รอบแรก พวกเขาจับฉลากไปเจอสวิตเซอร์แลนด์ และพ่าย 2-3 ตกรอบทันที
แม้จะกลับมาเล่นรอบสุดท้ายอีกครั้งในปี 1938 แต่หลังจากนั้นก็หายไปจากเวทีโลกนานถึง 36 ปี ก่อนจะกลับมาอย่างยิ่งใหญ่ในปี 1974 ที่เยอรมนีตะวันตก พร้อมสไตล์ “โททั่ลฟุตบอล” จนถึงขั้นทะลุไปถึงรอบชิงชนะเลิศและเปลี่ยนภาพลักษณ์ฟุตบอลดัตช์ไปตลอดกาล
ดาวยิงสูงสุดฟุตบอลโลกของทีมชาติเนเธอร์แลนด์
ตำแหน่งดาวยิงสูงสุดของออรันเย่ในฟุตบอลโลกเป็นของ จอห์นนี เรป หนึ่งในกำลังสำคัญชุดเข้าชิงปี 1974 และ 1978 เขายิงไป 4 ประตูในเวิลด์คัพ 1974 ที่เยอรมนีตะวันตก โดยยิง 2 ลูกใส่อุรุกวัย และอีก 1 ลูกในเกมชนะบัลแกเรีย ก่อนซัดอีก 1 ประตูในเกมถล่มอาร์เจนตินา 4-0 ในรอบแบ่งกลุ่ม
ในฟุตบอลโลก 1978 ที่อาร์เจนตินา เขายิงเพิ่มอีก 3 ประตู หนึ่งในนั้นมาจากเกมแพ้สกอตแลนด์ 2-3 ในรอบแบ่งกลุ่ม ก่อนจะกดอีก 2 ลูกในแมตช์ถล่มออสเตรีย 5-1 พาทีมทะลุเข้าชิงกับเจ้าภาพได้สำเร็จ
แข้งขาประจำเวทีโลก: สไนจ์เดอร์ และ ฟาน เพอร์ซี
สถิติลงเล่นฟุตบอลโลกมากที่สุดของเนเธอร์แลนด์เป็นของสองแนวรุกระดับตำนาน เวสลีย์ สไนจ์เดอร์ และ โรบิน ฟาน เพอร์ซี ที่ต่างลงสนามในฟุตบอลโลกรวม 17 นัดเท่ากัน ตลอด 3 ทัวร์นาเมนต์
ทั้งคู่เริ่มต้นเส้นทางเวิลด์คัพร่วมกันในปี 2006 ที่เยอรมนี ลงเล่นครบ 4 นัด พาทีมไปถึงรอบ 16 ทีมสุดท้าย ก่อนกลับมาพาทีมเข้าชิงในปี 2010 ที่แอฟริกาใต้ ลงเพิ่มอีกคนละ 7 นัด และในปี 2014 ที่บราซิล ทั้งสองลงเล่นอีกฝ่ายละ 6 นัด พาออรันเย่เข้าถึงรอบรองฯ ก่อนแพ้อาร์เจนตินาในการดวลจุดโทษ แต่ยังปิดจบทัวร์นาเมนต์ด้วยการคว้าอันดับ 3 จากการชนะเจ้าภาพบราซิล
โมเมนต์ในตำนานของออรันเย่บนเวทีโลก
เนเธอร์แลนด์ฝากโมเมนต์ระดับตำนานไว้มากมายในฟุตบอลโลก เริ่มจาก “Cruyff Turn” จังหวะที่ โยฮัน ครัฟฟ์ รับบอลจาก อารี ฮาน พบกับกองหลังสวีเดนตามประกบ ก่อนหมุนตัวหลอกจนคู่แข่งหลงทิศในปี 1974 กลายเป็นท่าไม้ตายที่เด็กทั่วโลกหัดตาม
ในปี 1998 เดนนิส เบิร์กแคมป์ ก็สร้างช็อตอมตะด้วยการจับบอลยาวจาก แฟรงค์ เดอ บูร์ อย่างนิ่มแล้วลากหนึ่งจังหวะก่อนยิงสุดเนียนใส่อาร์เจนตินา พาทีมชนะ 2-1 ส่วนในปี 2014 โรบิน ฟาน เพอร์ซี ก็โขกประตู “ดำน้ำพุ่ง” ใส่สเปนแบบสุดสวย กลายเป็นหนึ่งในประตูที่ถูกยกให้สวยที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลโลก
ทัวร์นาเมนต์เดียวกันนั้น หลุยส์ ฟาน กัล ยังสร้างหมุดหมายแท็กติกใหม่ด้วยการเปลี่ยนผู้รักษาประตูในช่วงท้ายต่อเวลา ส่ง ทิม ครูล ลงมาเพื่อดวลจุดโทษกับคอสตาริกา เขาพุ่งถูกทางทั้งห้าลูกและเซฟได้สองครั้ง พาเนเธอร์แลนด์ชนะดวลเป้า 4-3 กลายเป็นต้นแบบให้กุนซือหลายคนกล้าเปลี่ยนโกล์เพื่อยิงจุดโทษในเวลาต่อมา
ชัยชนะขาดลอยที่สุด: ถล่มเกาหลีใต้ 5-0
ฟุตบอลโลก 1998 ที่ฝรั่งเศส เป็นอีกทัวร์นาเมนต์ที่เนเธอร์แลนด์เดินหน้าไกลถึงรอบรองชนะเลิศ ก่อนจบอันดับ 4 หลังแพ้บราซิลและโครเอเชีย แต่ในรอบแบ่งกลุ่ม พวกเขาสร้างสถิติเก็บชัยชนะขาดลอยที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลโลกของตัวเอง ด้วยการถล่มเกาหลีใต้ 5-0 ที่สต๊าด เวโลโดรม เมืองมาร์กเซย
เกมนั้นออรันเย่ขนแนวรุกชุดใหญ่ลงครบ ทั้ง ฟิลลิป โคคู, มาร์ค โอเวอร์มาร์ส, เดนนิส เบิร์กแคมป์, ปิแอร์ ฟาน ฮอยดองก์ และ โรนัลด์ เดอ บูร์ ที่ช่วยกันเรียงหน้าทำประตูใส่คู่แข่งแบบไม่ไว้หน้า
ทำไมแฟนบอลทั่วโลกยังหลงรักสไตล์ดัตช์
แม้ยังไม่เคยคว้าแชมป์โลก แต่เนเธอร์แลนด์คือหนึ่งในทีมที่มีอิทธิพลต่อฟุตบอลยุคใหม่มากที่สุด สไตล์ “โททั่ลฟุตบอล” การต่อบอลเท้าสู่เท้า การเคลื่อนที่สลับตำแหน่ง และระบบ 4-3-3 กลายเป็นต้นแบบให้หลายชาติและหลายสโมสรนำไปปรับใช้
พวกเขาผลิตซูเปอร์สตาร์ให้โลกลูกหนังมาแล้วนับไม่ถ้วน ตั้งแต่ โยฮัน ครัฟฟ์, มาร์โก ฟาน บาสเทน, รุด กุลลิต, แพทริก ไคลเวิร์ต, อาร์เยน ร็อบเบน จนถึง เวอร์จิล ฟาน ไดค์ ในปัจจุบัน แฟนบอลไทยจำนวนไม่น้อยก็เติบโตมากับเสื้อสีส้มและสไตล์บอลดุดันของออรันเย่ ทำให้ทุกครั้งที่เนเธอร์แลนด์ลงสนามบนเวทีโลก กระแสเชียร์ในบ้านเรายังคงแน่นเสมอ
ลุ้นออรันเย่บนเส้นทางล่าแชมป์โลกที่สหรัฐ–แคนาดา–เม็กซิโก
เมื่อดูจากสถิติที่ผ่านมา บวกกับการคุมทีมของคูมัน และขุมกำลังที่เต็มไปด้วยดาวเด่นทั้งรุ่นเก๋าและดาวรุ่ง เนเธอร์แลนด์ยังคงเป็นหนึ่งในทีมที่ไม่มีใครกล้ามองข้ามในฟุตบอลโลก 2026 แน่นอนว่าเป้าหมายสูงสุดคือการลบคำสาปรองแชมป์ และพาทีมสีส้มยืนบนยอดโลกให้ได้เสียที
แฟนบอลที่อยากตามทุกจังหวะของโลกฟุตบอล ตั้งแต่ข่าวอัปเดต ฟุตบอลโลก 2026 ผลงานของทีมชาติเนเธอร์แลนด์ ไปจนถึงข่าวบอลลีกดังทั่วโลก อย่าลืมติดตามความเคลื่อนไหวมันส์ ๆ ได้ที่ ข่าวกีฬาฟุตบอลบ้านกีฬา
