
จาก : ผลบอลสด พรีเมียร์ลีก ระหว่าง เชลซี 1-1 อาร์เซนอล วันนี้ 30/11/68 – บ้านกีฬา
ศึกพรีเมียร์ลีกที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ เกมนี้ “สิงห์บลูส์” เชลซี ของเอ็นโซ่ มาเรสก้า เปิดบ้านรับจ่าฝูง อาร์เซนอล ของมิเกล อาร์เตต้า แมตช์นี้กดดันตั้งแต่นกหวีดแรก เพราะไม่ใช่แค่ศักดิ์ศรีลอนดอนดาร์บี้ แต่ผลการแข่งขันยังส่งแรงสั่นสะเทือนต่อเส้นทางลุ้นแชมป์โดยตรง บ้านกีฬาเกาะติดเกมนี้แบบอารมณ์ ผลบอลสด ทุกจังหวะ และต้องบอกเลยว่า 90 นาทีเต็มมันส์เข้มข้น ดราม่าหนักตั้งแต่ใบแดงครึ่งแรก ไปจนถึงประตูตีเสมอสุดแสบของทีมเยือน
🔹 ครึ่งแรก: อาร์เซนอลครองบอล สิงห์เหลือ 10 คนตั้งแต่นาที 38
เปิดเกมมา อาร์เซนอลจัดแผน 4-3-3 เน้นต่อบอลเท้าสู่เท้าจากแดนกลางอย่าง เดแคลน ไรซ์, มิเกล เมรีโน่ และ มาร์ติน ซูบีเมนดี้ ส่วนเชลซีวาง 4-2-3-1 ให้ มอยเซส ไคเซโด้ ยืนตัดเกมคู่กับ เอ็นโซ่ แฟร์นานเดซ คอยปกป้องแนวรับ
ช่วง 15 นาทีแรก “ปืนใหญ่” ครองบอลเหนือกว่าอย่างชัดเจน จ่ายบอลเนียนกริบไหลผ่านแดนกลางเชลซีอยู่เรื่อยๆ จนแนวรับเจ้าบ้านต้องตัดฟาวล์บ่อยครั้ง เห็นได้จากใบเหลืองของ มาร์ก กูกูเรย่า ตั้งแต่นาที 11 และ การ์โดบราอย่าง โมสเกวรา กับ คาลาฟิออรี่ ที่ฝั่งอาร์เซนอลก็โดนจดชื่อไว้เช่นกัน
จุดเปลี่ยนของเกมมาถึงช่วงนาที 37-38 เมื่อ ไคเซโด้ เข้าปะทะหนักจนผู้ตัดสิน แอนโธนี่ เทย์เลอร์ ต้องเช็ก VAR ก่อนเปลี่ยนคำตัดสินให้เป็นใบแดง ไล่ห้องเครื่องเอกวาดอร์ออกจากสนาม เชลซีเหลือ 10 คนตั้งแต่ก่อนจบครึ่งแรก ทำให้แท็กติกต้องถอยบล็อกลงมาเล่นเกมรับแน่นๆ ปล่อยให้อาร์เซนอลต่อบอลล้อมหน้ากรอบเขตโทษ แต่ยังเจาะไม่เข้าเพราะ โรเบิร์ต ซานเชซ เซฟเนียน เก็บทุกลูกยิงให้สกอร์ยังคง 0-0 เมื่อจบครึ่งแรก
🔹 ครึ่งหลัง: 10 คนสิงห์บลูส์กัดไม่ปล่อย ยิงนำก่อนแต่โดนเมรีโน่กู้ชีพ
ครึ่งหลังเริ่มมาเชลซีแก้เกมทันที ส่ง อเลฮานโดร การ์นาโช่ ลงมาแทน เอสเตวาว์ เพิ่มความสดริมเส้น ขณะที่อาร์เตต้าถอด ริคคาร์โด้ คาลาฟิออรี่ออกให้ดาวรุ่ง มายล์ส ลูอิส-สเคลลี่ ลงเก็บเกมริมเส้นฝั่งซ้าย
และเพียงนาที 48 แฟนเจ้าบ้านก็ได้เฮลั่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ เมื่อ รีซ เจมส์ กัปตันทีมสอดเติมขึ้นมาทางขวาก่อนครอสโค้งเข้าเขตโทษให้ เทรวอร์ ชาโลบาห์ โถมโหม่งเต็มหัวเสียบตาข่าย เชลซีที่เหลือ 10 คนขึ้นนำ 1-0 แบบสุดสะใจ
หลังเสียประตู อาร์เซนอลยิ่งเร่งเกมบุกหนัก อาร์เตต้าขยับอีกครั้ง นาที 57 ส่ง มาร์ติน โอเดการ์ด แทน ซูบีเมนดี้ และโยกแนวรุกให้ บูกาโย่ ซาก้า กับ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ ลากจี้แนวรับสิงห์บลูส์ ขณะเดียวกันเชลซีเลือกเปลี่ยน โชเอา เปโดร ออกให้ เลียม เดแล็ป ลงมาวิ่งไล่บี้แดนหน้าคนเดียว
ผลของการบุกลุ้นประตูไม่หยุดก็มาถึง นาที 59 ซาก้า ลากตัดจากฝั่งขวา ก่อนฝากให้ เมรีโน่ สอดขึ้นมายิงเน้นๆ เสียบมุมแบบไม่เหลือ ทำให้สกอร์กลับมาเท่ากัน 1-1 และโมเมนตัมเกมกลับไปอยู่ฝั่งทีมเยือนเต็มตัว
ช่วงท้ายเกม อาร์เซนอลยังไม่หยุดล่า 3 แต้ม ส่ง วิคเตอร์ เกอเคเรส และ นอนี่ มาดูเอเก้ ลงมาเติมความสดแนวรุก แต่ทุกจังหวะยิงเจอ “กำแพงมนุษย์” อย่าง โรเบิร์ต ซานเชซ ปิดมุมเซฟเหนียวหนึบ สุดท้ายจบเกมที่สกอร์ 1-1 เชลซี 10 คนฮึดแบ่งแต้มจากจ่าฝูงได้แบบสุดมันส์ ส่วนอาร์เซนอลต้องทำใจกับการสะดุดในเกมที่ควรปิดบัญชีให้ได้

📋 รายชื่อนักเตะตัวจริงและคะแนนประเมิน
🔵 เชลซี (4-2-3-1)
ผู้รักษาประตู
- โรเบิร์ต ซานเชซ (8.2) – เซฟอุกอาจหลายครั้ง เป็นกำแพงชิ้นใหญ่ให้ทีมรอดตาย
กองหลัง
- มาร์ก กูกูเรย่า (6.5) – เกมรับเหนียวแน่นแม้มีใบเหลืองเร็ว
- เทรวอร์ ชาโลบาห์ (7.8) – หัวใจแนวรับ และโหม่งประตูขึ้นนำให้ทีม
- เวสลี่ย์ โฟฟาน่า (6.9) – ช่วยบล็อกหลายจังหวะ รับมือซาก้ากับมาร์ติเนลลี่ได้ดี
- มาล็อง กุสโต้ (6.7) – เติมเกมรุกทางขวาบ่อยครั้ง ก่อนต้องถอยลงมาช่วยอุดหลังเหลือ 10 คน
กองกลางตัวรับ
- มอยเซส ไคเซโด้ (5.8) – ตัดเกมดุเดือด แต่ความแข็งเกินลิมิตจนนำไปสู่ใบแดงนาที 38
- เอ็นโซ่ แฟร์นานเดซ (6.6) – คุมจังหวะเกมเวลามีบอล พยายามโยนยาวสวนกลับ
แนวรุกตัวริมเส้นและตัวรุก
- เปโดร เนโต้ (6.4) – มีจังหวะสปีดลุยริมเส้น แต่ยังขาดความคมจังหวะสุดท้าย
- โชเอา เปโดร (7.0) – เชื่อมเกมรุกได้ดีในครึ่งแรก ก่อนถูกเปลี่ยนออกให้เดแล็ปลงมาไล่บี้
- เอสเตวาว์ (6.5) – พยายามลากเลื้อยสร้างความปั่นป่วน ก่อนถูกถอดต้นครึ่งหลัง
กองหน้า
- รีซ เจมส์ กัปตันทีม (7.7) – ขึ้นเกมทางขวาอันตราย แอสซิสต์ให้ชาโลบาห์โหม่งขึ้นนำ และยังช่วยเกมรับอย่างทุ่มเทตลอด 90 นาที
ตัวสำรองที่ลงสนาม
- อเลฮานโดร การ์นาโช่ (6.7) – ลงมาครึ่งหลัง เติมสีสันเกมสวนกลับทางซ้าย
- เลียม เดแล็ป (6.7) – วิ่งเพรสกองหลังอาร์เซนอลไม่หยุด แม้โอกาสยิงไม่มาก
🔴 อาร์เซนอล (4-3-3)
ผู้รักษาประตู
- ดาวิด ราย่า (7.4) – เซฟลูกยิงสำคัญของเชลซีได้หลายครั้ง ช่วยให้ทีมยังมีลมหายใจไล่ตีเสมอ
กองหลัง
- เยริมิ ติมเบอร์ (7.1) – เติมเกมรุกทางขวาและตัดเกมโต้กลับได้ดี
- คริสเตียน มอสเกวรา (6.8) – ดักบอลกลางอากาศได้หลายครั้ง มีใบเหลืองติดตัวแต่ยังคุมอารมณ์อยู่
- ปิเอโร่ ฮินคาปิเอ้ (6.9) – มีบทบาททั้งการเคลื่อนบอลจากแนวรับและเข้าสกัดดักบอล
- ริคคาร์โด้ คาลาฟิออรี่ (7.0) – เล่นได้มั่นใจทางซ้าย ก่อนถูกถอดในช่วงพักครึ่ง
กองกลาง
- เดแคลน ไรซ์ (7.2) – กลางรับตัวหลัก อ่านจังหวะเกมและเปลี่ยนจากรับเป็นรุกได้ดี
- มาร์ติน ซูบีเมนดี้ (6.4) – ต่อบอลสั้นเนียน แต่ถูกเปลี่ยนออกกลางครึ่งหลังเพื่อเพิ่มมิติรุก
- มิเกล เมรีโน่ (7.4) – ขึ้นลงเชื่อมเกมอย่างไม่รู้เหนื่อย และเป็นคนซัดประตูตีเสมอ 1-1
แนวรุก
- บูกาโย่ ซาก้า (7.4) – ตัวทีเด็ดด้านขวา สร้างโอกาสหลายจังหวะ และจ่ายให้เมรีโน่ยิงประตูสำคัญ
- เอเบเรชี่ เอเซ่ (6.3) – เลี้ยงบอลเจาะไลน์รับได้ดีแต่ยังหาจังหวะจบสกอร์ไม่ได้ ก่อนถูกถอด
- กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ (6.4) – มีจังหวะสับไกแต่ยังไม่คมพอ
ตัวสำรองที่ลงสนาม
- มายล์ส ลูอิส-สเคลลี่ (6.0) – ลงมาครึ่งหลัง เพิ่มพลังวิ่งริมเส้น แม้จะโดนเหลืองจากการฟาวล์หนัก
- มาร์ติน โอเดการ์ด (6.6) – เพิ่มไอเดียเกมรุกให้ทีม เชื่อมบอลกับซาก้าและเมรีโน่เนียนตา
- นอนี่ มาดูเอเก้ (6.2) – ลงมาแทนมาร์ติเนลลี่ ลองสับขาหลอกแนวรับเจ้าบ้านหลายครั้ง
- วิคเตอร์ เกอเคเรส (6.4) – ยืนหอกตัวเป้าในช่วงท้าย มีโอกาสลุ้นโขกแต่เจอซานเชซเซฟ
📊 วิเคราะห์บอลการรุกและการรับ
เชลซีของมาเรสก้าเริ่มเกมด้วยแนวคิดชัดเจน คือเพรสซิ่งสูงช่วง 15 นาทีแรก ใช้แนวรุกอย่าง เนโต้, เอสเตวาว์ และ เจมส์ ไล่บีบแนวรับอาร์เซนอลให้รีบเล่น แต่พอเสียใบแดงจากไคเซโด้ แผนทั้งหมดต้องเปลี่ยนทันที บ้านกีฬามองว่าในแง่ วิเคราะห์บอล เชลซีแสดงให้เห็นการปรับตัวที่ยอดเยี่ยม จากแผนเพรสสูงกลายเป็นบล็อกลึก 4-4-1 ปิดพื้นที่หน้ากรอบเขตโทษ เน้นให้ ชาโลบาห์ กับ โฟฟาน่า ดักบอลกลางอากาศ ขณะที่เจมส์ต้องถอยลงมาช่วยแบ็กขวาแทบตลอด แต่ยังหาโอกาสเติมขึ้นไปเปิดบอลจนกลายเป็นแอสซิสต์สำคัญให้ทีมขึ้นนำ
ด้านเกมรุกของเชลซีหลังเหลือ 10 คนอาศัยจังหวะสวนกลับเป็นหลัก เน้นบอลยาวไปพื้นที่ว่างด้านข้างให้แนวรุกสปีดหนีตัวประกบ เมื่อเปลี่ยนมาใช้ เดแล็ป ยืนหอกเดี่ยว ยิ่งทำให้การเก็บบอลหน้าประตูคู่แข่งดีขึ้น แม้โอกาสจะน้อย แต่ทุกจังหวะยังสร้างความเสียวให้ราย่าอยู่บ้าง
ฝั่งอาร์เซนอล แผน 4-3-3 ของอาร์เตต้าเน้นครองบอลกดดันต่อเนื่อง ไรซ์เป็นจุดเริ่มต้นทุกการบุก เมรีโน่กับซูบีเมนดี้สลับกันเติมสูง ช่วยเปิดพื้นที่ให้ซาก้าและมาร์ติเนลลี่ดวลหนึ่งต่อหนึ่งกับฟูลแบ็กคู่แข่ง การเข้าทำส่วนใหญ่ใช้การต่อบอลสั้นเร็วบริเวณหน้ากรอบ พร้อมเคลื่อนที่หาช่องยิงจากนอกกรอบหรือเปิดเข้าใน
หลังได้เปรียบตัวผู้เล่น อาร์เซนอลขยับยืนแบบโหมเต็มกำลัง แบ็กสองข้างเติมสูงจนแทบยืนในแดนคู่แข่ง แต่อุปสรรคใหญ่คือ “ด่านสุดท้าย” ซานเชซ ที่อ่านทางลูกยิงได้ดีเยี่ยม ส่งผลให้แม้จะครองบอลเหนือกว่าแต่เปลี่ยนเป็นประตูได้แค่ครั้งเดียวจากจังหวะประสานงานของซาก้ากับเมรีโน่เท่านั้น
โดยรวมแล้ว เกมรับเชลซีถือว่าเล่นสุดหัวใจเพราะต้องเล่น 10 คนกว่า 50 นาที ส่วนเกมรุกอาร์เซนอลถือว่าไอเดียดี ครองเกมเหนือกว่า แต่ความคมและจังหวะสุดท้ายยังขาดความเฉียบพอจะเก็บสามแต้มออกจากลอนดอนได้

📈 สถิติการแข่งขันสะท้อนรูปเกมอย่างไรบ้าง
สถิติบอกชัดว่าอาร์เซนอลครองเกมเหนือกว่า พวกเขามีเปอร์เซ็นต์การครองบอลสูงถึง 62% ต่อ 38% ของเชลซี และจ่ายบอลมากกว่า 407 ครั้ง ต่อ 229 ครั้ง พร้อมความแม่นยำในการจ่ายบอลระดับ 91% ขณะที่เชลซีอยู่ที่ 89% แสดงให้เห็นว่าปืนใหญ่คุมจังหวะได้แทบทั้งเกม
อย่างไรก็ตาม เชลซีไม่ได้เป็นฝ่ายโดนยิงอยู่ข้างเดียว โอกาสยิงรวมของเจ้าบ้านมีถึง 11 ครั้ง มากกว่าอาร์เซนอลที่ยิง 8 ครั้ง และทั้งสองทีมมีลูกยิงเข้ากรอบเท่ากันที่ 5 ครั้ง สะท้อนว่าแม้จะครองบอลน้อย แต่เชลซีเลือกจังหวะสวนกลับได้อันตรายไม่แพ้กัน
ด้านเกมดุเดือดก็ชัดเจนจากจำนวนฟาวล์ เชลซีทำฟาวล์ 12 ครั้ง ส่วนอาร์เซนอล 13 ครั้ง ใบเหลืองเจ้าบ้าน 1 ใบ แต่ทีมเยือนโดนถึง 6 ใบ ขณะที่ใบแดง 1 ใบในเกมมาจาก ไคเซโด้ ของเชลซี ก่อนพักครึ่ง ส่วนลูกล้ำหน้าเชลซีโดนจับ 1 ครั้ง อาร์เซนอล 3 ครั้ง เตะมุมเท่ากันที่ฝั่งละ 3 ครั้ง แสดงถึงความสูสีในพื้นที่หน้าปากประตูแม้รูปเกมจะเอนเอียงไปทางทีมเยือน
⏱️ เหตุการณ์สำคัญของเกม
- 🟨 นาที 5 มาร์ติน ซูบีเมนดี้ ทำฟาวล์โดนใบเหลืองใบแรกของเกม
- 🟨 นาที 11 มาร์ก กูกูเรย่า เข้าปะทะช้าโดนใบเหลืองฝั่งเชลซี
- 🟨 นาที 13 คริสเตียน มอสเกวรา เข้าบอลแรงใส่แนวรุกเจ้าบ้าน โดนจดชื่อเช่นกัน
- 🟨 นาที 27 ริคคาร์โด้ คาลาฟิออรี่ เข้าสกัดช้าโดนใบเหลืองเพิ่มให้อาร์เซนอล
- ⏱️ นาที 37 ผู้ตัดสินเช็ก VAR จังหวะเข้าปะทะของ มอยเซส ไคเซโด้ ก่อนเปลี่ยนคำตัดสินเป็นโทษร้ายแรง
- 🟥 นาที 38 ไคเซโด้ โดนใบแดงไล่ออกจากสนาม เชลซีเหลือ 10 คนตั้งแต่ปลายครึ่งแรก
- 🟨 นาที 41 ปิเอโร่ ฮินคาปิเอ้ เข้าบอลช้าใส่แนวรุกเจ้าถิ่น รับใบเหลืองเพิ่มอีกใบ
- 🔁 นาที 46 เชลซีเปลี่ยนตัว ส่ง อเลฮานโดร การ์นาโช่ ลงแทน เอสเตวาว์ เพื่อเพิ่มสปีดริมเส้น
- 🔁 นาที 46 อาร์เซนอลเปลี่ยน ริคคาร์โด้ คาลาฟิออรี่ ออก ให้ มายล์ส ลูอิส-สเคลลี่ ลงมาเติมพลังวัยรุ่นทางซ้าย
- ⚽ นาที 48 เชลซีนำ 1-0 รีซ เจมส์ เปิดบอลจากขวาให้ เทรวอร์ ชาโลบาห์ โฉบโหม่งเสียบเสาสุดสวย
- 🟨 นาที 54 มายล์ส ลูอิส-สเคลลี่ ฟาวล์หนักจนโดนใบเหลืองอย่างรวดเร็ว
- 🔁 นาที 55 เลียม เดแล็ป ลงแทน โชเอา เปโดร เพื่อวิ่งไล่บี้แนวรับอาร์เซนอล
- 🔁 นาที 57 อาร์เซนอลส่ง มาร์ติน โอเดการ์ด ลงมาแทน มาร์ติน ซูบีเมนดี้ เสริมมิติการจ่ายบอล
- 🔁 นาที 57 นอนี่ มาดูเอเก้ ลงแทน กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ ปรับแนวรุกด้านซ้าย
- ⚽ นาที 59 อาร์เซนอลตีเสมอ 1-1 บูกาโย่ ซาก้า ไหลบอลให้ มิเกล เมรีโน่ สอดขึ้นมายิงเสียบเสาอย่างเฉียบขาด
- 🔁 นาที 72 วิคเตอร์ เกอเคเรส ลงแทน เอเบเรชี่ เอเซ่ เติมหอกเป้าในช่วงท้ายเกม
- 🟨 นาที 88 วิคเตอร์ เกอเคเรส ฟาวล์หนักกลางสนาม รับใบเหลืองปิดท้ายดราม่าของเกม
⭐ Player of the match – โรเบิร์ต ซานเชซ
เกมนี้รางวัล Man of the Match ตามเรตติ้ง 8.2 ตกเป็นของ โรเบิร์ต ซานเชซ นายด่านเชลซีแบบไม่ต้องสงสัย บ้านกีฬายกให้เป็นฮีโร่เบื้องหลัง 1 แต้มของสิงห์บลูส์อย่างแท้จริง เพราะตลอดทั้งเกมนายทวารสแปนิชต้องเผชิญกับลูกยิงเข้ากรอบของอาร์เซนอลหลายครั้ง ทั้งจากเมรีโน่, ซาก้า และเกอเคเรส แต่ซานเชซอ่านทางดี ปัดทิ้งได้ทุกทิศทาง พร้อมออกมาตัดลูกบอมบ์จากด้านข้างอย่างมั่นใจ
ยิ่งหลังทีมเหลือ 10 คน บทบาทของเขายิ่งโดดเด่น ทั้งการคุมแนวรับ สั่งการแนวหลังให้ยืนตำแหน่งถูกต้อง และการออกบอลยาวเปิดเกมสวนกลับ ถ้าไม่มีซานเชซยืนขวางอยู่ เชลซีมีสิทธิ์แพ้คาบ้านได้เลย

📌 สถานการณ์บนตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก
หลังจบเกมนี้ อาร์เซนอลเก็บเพิ่มเป็น 30 คะแนนจาก 13 นัด ยังรั้งตำแหน่งจ่าฝูงของตารางพรีเมียร์ลีกต่อไป แต่การสะดุดแบ่งแต้มกับเชลซีทำให้ช่องว่างกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ อันดับสอง ที่มี 25 คะแนน ยังไม่ทิ้งห่างมากนัก เส้นทางลุ้นแชมป์จึงยังเปิดกว้างและกดดันทุกก้าวต่อไปในช่วงเทศกาลคริสต์มาส
ส่วนเชลซีแม้จะเสียดายที่ไม่สามารถรักษาสกอร์นำได้ แต่ 1 แต้มจากการเล่น 10 คนเกือบชั่วโมงก็ถือว่าเป็นผลลัพธ์ที่น่าพอใจ พวกเขาขยับมี 24 คะแนนจาก 13 นัด อยู่ในกลุ่มบนของตารางเท่ากับ แอสตัน วิลล่า และตามหลังจ่าฝูงเพียง 6 แต้ม ภาพรวมยังอยู่ในเส้นทางลุ้นพื้นที่ยุโรปอย่างเต็มตัว
📅 ตารางบอลพรีเมียร์ลีกนัดถัดไป
มองไปที่ ตารางบอล นัดต่อไป เชลซีต้องเจองานหนักต่อเนื่อง เมื่อมีคิวออกไปเยือน ลีดส์ ยูไนเต็ด ก่อนจะบุกถิ่นบอร์นมัธในเกมถัดไป โปรแกรมแน่นแบบนี้ทำให้สิงห์บลูส์ต้องโรเตชั่นอย่างระมัดระวัง โดยเฉพาะเมื่อขาดไคเซโด้จากโทษแบน
ฝั่งอาร์เซนอลก็ไม่ง่ายเช่นกัน พวกเขามีคิวเปิดบ้านรับ เบรนท์ฟอร์ด ก่อนจะออกไปเยือน แอสตัน วิลล่า ทีมฟอร์มแรงในกลุ่มหัวตาราง เกมเหล่านี้จะเป็นบททดสอบสำคัญว่าจ่าฝูงจะรักษาความต่อเนื่องได้แค่ไหน หากสะดุดอีกครั้ง แมนฯ ซิตี้ และทีมตามหลังพร้อมจี้แซงทันที
📺 ติดตามบ้านผลบอล และทุกจังหวะเดือดได้ที่บ้านกีฬา
แฟนบอลที่อยากตามทุกสกอร์แบบเรียลไทม์ เช็กสรุปผลทุกคู่ในสไตล์ บ้านผลบอล พร้อมวิเคราะห์เกมมันส์ๆ เหมือนนั่งดูข้างสนาม บ้านกีฬาพร้อมเสิร์ฟให้ครบ ทั้งสรุปหลังเกม, จับกระแส ผลบอลสด, อัปเดตข่าวซื้อขาย และมุมมองเชิงลึกของเกมระดับพรีเมียร์ลีก
ถ้าไม่อยากพลาดทุกจังหวะดราม่าของฤดูกาลนี้ กดติดตาม บ้านกีฬา เอาไว้ แล้วคุณจะไม่พลาดทั้งข่าวร้อนและบทวิเคราะห์สุดดุดันในแบบที่แฟนบอลตัวจริงต้องการ

