
จาก : ผลบอลสด พรีเมียร์ลีก ระหว่าง เวสต์แฮมยูไนเต็ด 0-2 ลิเวอร์พูล วันนี้ 30/11/68 – บ้านกีฬา
บ้านกีฬา พาเกาะจอเก็บอารมณ์แบบ ผลบอลสด จากลอนดอน สเตเดียม เกมนี้ เวสต์แฮมยูไนเต็ด เปิดบ้านรับ ลิเวอร์พูล ในศึกพรีเมียร์ลีก 2025/26 จบ 90 นาที “ขุนค้อน” เหลือ 10 คนและพ่ายไป 0-2 จากผลงานของ โคดี้ กั๊กโป ที่กดคนเดียวสองเม็ด ส่งให้ทีมเยือนเก็บสามคะแนนสำคัญ ส่วนเจ้าถิ่นยังต้องหนีตายต่อในโซนท้ายตาราง
⏱ ครึ่งแรก: หงส์ครองบอล ขุนค้อนเน้นรัดกุม
เปิดเกมมา ลิเวอร์พูลของ อาร์เน่ สลอต ยืนระยะได้เหนือกว่าอย่างชัดเจน คุมจังหวะผ่านบอลจากแดนกลางที่มี อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ กับ ไรอัน กราเวนเบิร์ช คอยคุมจังหวะ ขยับเชื่อมกับแถวบนทั้ง โดมินิค โซบอสซ์ไล, ฟลอเรียน เวิร์ตซ์, อเล็กซานเดอร์ อิซัค และ กั๊กโป ที่คอยสลับตำแหน่งไปมา
ฝั่งเวสต์แฮมของ นูโน เอสปิริโต ซานโต เลือกตั้งรับลึกในระบบ 4-2-3-1 ปิดพื้นที่ตรงกลางให้แน่น มี สองมิดฟิลด์อย่าง สอเลมาน่า มากัสซา กับ ฟินลีย์ พ็อตส์ ยืนบังเกมรุกหงส์แดง ขณะที่แนวรุกฝากความหวังไว้ที่ ลูคัส ปาเกต้า, จาร์ร็อด โบเว่น และ คัลลัม วิลสัน
โอกาสจะแจ้งของทั้งสองทีมยังไม่เด็ดขาด ลิเวอร์พูลมีจังหวะลุ้นจากการยิงไกลของ โซบอสซ์ไล และลูกโหม่งของ อิซัค แต่ อัลฟอนเซ่ อาเรโอลา ยังเซฟไว้ได้ทั้งหมด ด้านเวสต์แฮมอาศัยจังหวะสวนกลับจาก เฟอร์นานเดส และโบเว่น ทว่าบอลสุดท้ายยังไม่ตรงกรอบ ทำให้จบครึ่งแรกสกอร์ยังอยู่ที่ 0-0 ตามรายงานบนหน้าจอ บ้านผลบอล
🔁 ครึ่งหลัง: กั๊กโปลุกแล้วฆ่า – ปาเกต้าเดือดจนโดนแดง
ครึ่งหลัง ลิเวอร์พูลเร่งสปีดเกมบุกหนักขึ้น ขยับไลน์ขึ้นมาเล่นในแดนคู่แข่งแทบทั้งแผง นาที 60 ความกดดันก็แปรเปลี่ยนเป็นประตู เมื่อ อเล็กซานเดอร์ อิซัค หลุดมารับบอลแถวหน้ากรอบก่อนแทงทะลุช่องให้ โคดี้ กั๊กโป สปีดเข้าไปดวลเดี่ยวกับ อาเรโอลา แล้วแปเล่นทางเสียบเสาอย่างเฉียบขาด หงส์แดงออกนำ 1-0
หลังเสียประตู เวสต์แฮมเริ่มเปิดหน้าแลก ส่ง หลุยส์ กีเยร์เม ลงมาแทน มากัสซา และหันมาเล่นเกมรุกมากขึ้น แต่แทนที่โมเมนตัมจะกลับมา กลายเป็นดราม่าของเกมเมื่อ นาที 83 ลูคัส ปาเกต้า โวยใส่ผู้ตัดสินจนโดนใบเหลืองใบแรก ก่อนนาที 84 จะยังไม่ยอมสงบ ปะทะวาจาต่อเนื่องจนรับใบเหลืองที่สอง กลายเป็นใบแดงไล่ออกจากสนาม ทิ้งให้เพื่อนร่วมทีมเหลือ 10 คนในช่วงท้ายเกมที่ต้องการประตูตีเสมอ
ลิเวอร์พูลใช้ความได้เปรียบจำนวนคนคุมเกมสบาย นาที 85 เปลี่ยนเอา แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ลงมาเพิ่มความสดฝั่งซ้าย ก่อนจะปิดบัญชีในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ 90+2 เมื่อ โจ โกเมซ เติมสูงทางขวาแล้วเปิดเรียดเข้ากรอบโทษให้ กั๊กโป สอดมาชาร์จจ่อๆ ตุงตาข่าย เป็นประตูที่สองของเจ้าตัวในเกมนี้และย้ำชัย 2-0 ให้ “หงส์แดง” กลับบ้านพร้อมสามแต้มเต็ม

📋 รายชื่อนักเตะตัวจริงและคะแนน
🛡 เวสต์แฮม ยูไนเต็ด (4-2-3-1) – เรตเฉลี่ยทีม 6.51
ผู้รักษาประตู
- 23 อัลฟอนเซ่ อาเรโอลา – 7.0
กองหลัง
- 12 เอช.เอ็ม. ดิยุฟ – 6.1
- 15 คอนสแตนตินอส มาฟโรปานอส – 6.9
- 25 ฌอง-แคลร์ โตดิโบ – 6.3
- 29 อารอน วาน-บิสซาก้า – 5.9
กองกลางตัวรับ/เชื่อมเกม
- 27 สอเลมาน่า มากัสซา – 6.5 (ใบเหลือง 66’)
- 32 ฟินลีย์ พ็อตส์ – 6.7
กองกลางตัวรุกและริมเส้น
- 18 มาเตอุส เฟอร์นานเดส – 7.0
- 10 ลูคัส ปาเกต้า – 6.2 (ใบเหลือง 83’, ใบแดงจากเหลืองที่สอง 84’)
- 20 (กัปตัน) จาร์ร็อด โบเว่น – 6.5
กองหน้า
- 9 คัลลัม วิลสัน – 6.3
ตัวสำรองที่ลงสนาม
- 17 หลุยส์ กีเยร์เม – 6.9 (ลง 68’ แทน มากัสซา)
- 11 นิคลาส ฟึลล์ครุก – 6.4 (ลง 78’ แทน วิลสัน)
- 28 โทมัช ซูเช็ค – 6.4 (ลง 88’ แทน พ็อตส์)
ตัวสำรองไม่ได้ใช้งาน
มาดส์ แฮร์มันเซน, ไคล์ วอล์คเกอร์-ปีเตอร์ส, แม็กซ์ คิลแมน, อิกอร์ ชูลิโอ, กุยโด โรดริเกซ, แอนดี้ เออร์วิง
🔴 ลิเวอร์พูล (4-2-3-1) – เรตเฉลี่ยทีม 7.09
ผู้รักษาประตู
- 1 อลิสซง เบ็คเกอร์ – 6.8
กองหลัง
- 2 โจ โกเมซ – 7.2 (แอสซิสต์ 90+2’)
- 5 อิบราฮิม่า โกนาเต้ – 7.7
- 4 เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ก (กัปตัน) – 7.2
- 6 มิลอช เคร์เคซ – 6.9
กองกลาง
- 38 ไรอัน กราเวนเบิร์ช – 7.2
- 10 อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ – 7.4
- 7 ฟลอเรียน เวิร์ตซ์ – 7.0
กองหน้าตัวรุก
- 8 โดมินิค โซบอสซ์ไล – 6.8
- 18 โคดี้ กั๊กโป – 8.1 (ยิง 2 ประตู 60’, 90+2’)
- 9 อเล็กซานเดอร์ อิซัค – 7.3 (แอสซิสต์ 60’)
ตัวสำรองที่ลงสนาม
- 22 ฮูโก้ เอกีตีเก้ – 6.3 (ลง 68’ แทน อิซัค)
- 17 เคอร์ติส โจนส์ – 6.6 (ลง 75’ แทน เวิร์ตซ์)
- 26 แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน – 6.8 (ลง 85’ แทน เคร์เคซ)
ตัวสำรองไม่ได้ใช้งาน
จอร์จี้ มามาร์ดาชวิลี, วาตารุ เอนโดะ, โมฮาเหม็ด ซาลาห์, เทรย์ นโยนี, เฟเดริโก้ เคียซ่า, ริโอ เอ็นกูโมฮา
🧠 วิเคราะห์บอลการรุกและการรับ
ในเชิง วิเคราะห์บอล แท็กติกเกมนี้ต้องยกให้ ลิเวอร์พูล วางหมากได้คมกว่า รูปแบบ 4-2-3-1 ของ อาร์เน่ สลอต อาศัยการเคลื่อนที่ยืดหยุ่นของสามตัวรุกหลังหน้าเป้า เวิร์ตซ์, โซบอสซ์ไล และ กั๊กโป คอยสลับตำแหน่งดึงแนวรับเวสต์แฮมให้หลุด จากนั้นใช้ อิซัค เป็นหน้าเป้าหลอกดึงตัวประกบ ทำให้ช่องว่างในครึ่งหลังเปิดมากขึ้นเรื่อยๆ
เกมรุกของหงส์เน้นต่อบอลสั้นจากคู่มิดฟิลด์ แม็ค อัลลิสเตอร์ – กราเวนเบิร์ช ป้อนออกด้านข้างให้ฟูลแบ็กอย่าง โกเมซ และ เคร์เคซ เติมสูง แล้วไหลคืนเข้ากลางเพื่อหาช่องยิงหรือแทงทะลุช่อง เห็นได้ชัดจากประตูแรกที่ อิซัค ถอยลงมารับบอลแล้วแทงทะลุกลางแผงแบ็กโฟร์ให้ กั๊กโป หลุดไปยิง ส่วนประตูที่สองมาจากการเติมเกมของฟูลแบ็กด้านขวา โกเมซ ที่รอจังหวะเปิดเข้าจุดนัดพบหน้าประตู
ด้านเวสต์แฮม แม้จะตั้งรับในบล็อกกลางค่อนต่ำ ปิดพื้นที่ระหว่างไลน์ได้ดีพอสมควรในครึ่งแรก แต่ปัญหาคือเมื่อแย่งบอลได้ การเปลี่ยนจากรับเป็นรุกยังช้าเกินไป การเชื่อมเกมระหว่าง พ็อตส์ – มากัสซา กับสามแนวรุกไม่ไหลลื่น บอลจึงกลับไปอยู่ที่ลิเวอร์พูลอย่างรวดเร็ว ทำให้เจ้าเกมรับต้องแบกภาระมากตลอด 90 นาที
เมื่อ ปาเกต้า ซึ่งเป็นจุดศูนย์กลางการสร้างสรรค์เกมเสียสมาธิจนโดนไล่ออก นาที 84 ระบบเกมรุกของเวสต์แฮมพังลงทันที ขณะที่หลังบ้านต้องโดนบอมบ์ซ้ำในช่วงท้าย สุดท้ายโดนลูกที่สองในช่วงทดเวลา ถือเป็นภาพรวมที่ ลิเวอร์พูล อ่านเกมและปรับสปีดได้ดีกว่าอย่างชัดเจน

📊 สถิติการแข่งขัน
ตัวเลขหลังเกมสะท้อนรูปเกมได้ชัดเจน เวสต์แฮมยิงทั้งหมดเพียง 5 ครั้งและไม่มีลูกไหนตรงกรอบเลยแม้แต่ครั้งเดียว แม้จะครองบอลได้ 44% และจ่ายบอลสำเร็จสูงถึง 92% แต่ส่วนใหญ่เป็นการต่อบอลในโซนของตัวเอง ต่างจาก ลิเวอร์พูล ที่ยิง 9 ครั้ง เข้ากรอบ 5 ครั้ง ครองบอลมากกว่า 56% พร้อมผ่านบอล 466 ครั้ง ความแม่นยำ 91% แสดงให้เห็นถึงการต่อบอลที่มีคุณภาพและกดดันแนวรับเจ้าบ้านอย่างต่อเนื่อง
ด้านเกมรับ เวสต์แฮมทำฟาวล์ไป 12 ครั้ง รับใบเหลือง 2 ใบ และใบแดง 1 ใบ ขณะที่ ลิเวอร์พูล ฟาวล์ 14 ครั้งแต่ไม่มีใบเหลืองเลย แสดงถึงวินัยเกมรับที่ดีและการเข้าปะทะอย่างมีจังหวะ นอกจากนี้ เวสต์แฮมได้เตะมุมมากกว่าถึง 7 ครั้งต่อ 2 แต่ก็ไม่สามารถเปลี่ยนเป็นความได้เปรียบในสกอร์ได้
⏰ เหตุการณ์สำคัญในเกม
- ⚽ นาที 60 – โคดี้ กั๊กโป ยิงให้ลิเวอร์พูลขึ้นนำ 1-0 จากจังหวะทะลุช่องของ อเล็กซานเดอร์ อิซัค
- 🟨 นาที 66 – สอเลมาน่า มากัสซา โดนใบเหลืองจากการทำฟาวล์กลางสนาม
- 🔁 นาที 68 – เวสต์แฮมส่ง หลุยส์ กีเยร์เม ลงแทน มากัสซา เพื่อเติมความสดแดนกลาง
- 🔁 นาที 68 – ลิเวอร์พูลเปลี่ยนกองหน้าดันความเร็ว ส่ง ฮูโก้ เอกีตีเก้ ลงแทน อิซัค
- 🔁 นาที 75 – ลิเวอร์พูลถอด ฟลอเรียน เวิร์ตซ์ ออก แล้วส่ง เคอร์ติส โจนส์ ลงมาช่วยเก็บบอลแดนกลาง
- 🔁 นาที 78 – นิคลาส ฟึลล์ครุก ลงมาแทน คัลลัม วิลสัน ให้เวสต์แฮมหันมาเล่นลูกกลางอากาศมากขึ้น
- 🟨 นาที 83 – ลูคัส ปาเกต้า รับใบเหลืองแรกจากการโวยผู้ตัดสินเรื่องจังหวะฟาวล์
- 🟥 นาที 84 – ปาเกต้า ยังไม่หยุดปะทะคารมกับเชิ้ตดำ ถูกแจกใบเหลืองที่สองกลายเป็นใบแดง เวสต์แฮมเหลือ 10 คน
- 🔁 นาที 85 – ลิเวอร์พูลส่ง แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ลงมาแทน มิลอช เคร์เคซ เพื่อคุมเกมฝั่งซ้าย
- 🔁 นาที 88 – เวสต์แฮมเปลี่ยนเอา โทมัช ซูเช็ค ลงแทน ฟินลีย์ พ็อตส์ หวังเติมลูกกลางอากาศ
- ⚽ นาที 90+2 – โจ โกเมซ เติมขึ้นมาทางขวาก่อนเปิดเรียดให้ โคดี้ กั๊กโป แปเน้นๆ เป็นประตู 2-0 ตอกฝาโลงเจ้าบ้าน
⭐ Player of the Match – โคดี้ กั๊กโป
รางวัล Player of the Match ตกเป็นของ โคดี้ กั๊กโป แนวรุกทีมเยือนที่โชว์ฟอร์มสุดจัด ได้คะแนนสูงถึง 8.1 จาก Sofascore เกมนี้เจ้าตัวเล่นเป็น “หัวใจเกมรุก” ของหงส์แดง เคลื่อนที่หาพื้นที่ว่างได้ตลอดเวลา รับบอลจากแผงกลางแล้วพาบอลกระชากจี้แนวรับเวสต์แฮมจนปั่นป่วน
สองประตูที่เขายิงได้เป็นคนละสไตล์ ลูกแรกใช้ความนิ่งในการดวลหนึ่งต่อหนึ่งกับผู้รักษาประตู ก่อนยิงเลียดเสียบเสา ส่วนลูกปิดกล่อง 90+2 แสดงให้เห็นถึงสัญชาตญาณดาวยิงที่อ่านจังหวะเข้าชาร์จจากบอลเปิดของ โกเมซ ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ไม่แปลกที่ชื่อของ กั๊กโป จะถูกจองเป็นแมนออฟเดอะแมตช์ และเป็นตัวแปรสำคัญทำให้ ลิเวอร์พูล เก็บชัยชนะนอกบ้านในค่ำคืนนี้

📌 สถานการณ์ในตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก
ชัยชนะนัดนี้ส่งผลโดยตรงต่อภาพรวมบนตาราง พรีเมียร์ลีก ลิเวอร์พูลขยับเก็บเพิ่มเป็น 21 คะแนนจาก 13 นัด สถิติชนะ 7 เสมอ 0 แพ้ 6 ลูกได้-เสีย 20-20 ประตูเท่ากัน อยู่อันดับ 8 ไล่จี้กลุ่มลุ้นพื้นที่ฟุตบอลยุโรปอย่าง ไบรท์ตัน และ ซันเดอร์แลนด์ ที่มี 22 แต้มเพียงคะแนนเดียวเท่านั้น ทำให้เส้นทางล่าโควตายูฟ่ายังเปิดกว้าง หากรักษาฟอร์มแบบในเกมนี้ได้ต่อเนื่อง
ในทางกลับกัน เวสต์แฮมยังจมอยู่โซนล่างของตาราง อันดับ 17 มีแค่ 11 คะแนนจากผลงานชนะ 3 เสมอ 2 แพ้ถึง 8 ยิงได้ 15 เสีย 27 ลูกได้เสีย -12 ห่างโซนตกชั้นเพียงเล็กน้อย ขณะที่คู่แข่งโดยตรงอย่าง ลีดส์ และ เบรนท์ฟอร์ด ก็ยังเก็บแต้มได้เป็นระยะ ทำให้ขุนค้อนต้องรีบเคลียร์ปัญหาเกมรุกและเกมวินัย ก่อนที่สถานการณ์จะย่ำแย่ไปกว่านี้
📅 ตารางบอลพรีเมียร์ลีกนัดถัดไป
มองไปที่ ตารางบอล โปรแกรมข้างหน้าของทั้งสองทีมถือว่าหนักเอาเรื่อง เวสต์แฮมต้องออกไปเยือน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก่อนลุยต่อด้วยการบุกถิ่น ไบรท์ตัน สองเกมติดนอกบ้านแบบนี้ ถ้าแนวรับยังหลุดง่ายและเกมรุกยังไม่คม มีสิทธิ์กลับมาพร้อมผลการแข่งขันที่ไม่สวยแน่นอน
ด้าน ลิเวอร์พูล มีคิวเปิดแอนฟิลด์รับ ซันเดอร์แลนด์ ก่อนจะยกพลไปเยือน ลีดส์ ยูไนเต็ด หากเก็บชัยต่อเนื่องได้ทั้งสองนัด โอกาสไต่ขึ้นไปเบียดกลุ่มท็อปโฟร์ตาม ตารางบอลพรีเมียร์ลีก ก็ไม่ใช่เรื่องไกลเกินเอื้อมสำหรับสาวกเดอะค็อป
🏠 ติดตาม บ้านผลบอล และข่าวเดือดได้ที่ บ้านกีฬา
สำหรับแฟนบอลที่อยากเกาะทุกจังหวะของลีกผู้ดี ไม่ว่าจะเป็นสกอร์แบบสดๆ, สถิติหลังเกม หรืออัปเดต บ้านผลบอล ครบทุกคู่ บ้านกีฬา พร้อมเสิร์ฟให้เต็มจอ ทั้งบทวิเคราะห์ก่อนแข่ง รายงานหลังเกมเชิงลึก ไปจนถึงเช็ก ผลบอลสด และโปรแกรมแข่งล่วงหน้าได้ในที่เดียว
อย่าพลาดทุกอารมณ์ของฟุตบอลอังกฤษ เข้ามาเช็กสกอร์ เช็กฟอร์ม และอ่านมุมมองแบบจัดเต็มได้ตลอดฤดูกาลกับ บ้านกีฬา เพื่อนคู่คิดสายลูกหนังของคุณ

