อาลัย “ณัฐวุฒิ ปงลังกา” เสียงข่าวที่เงียบลง แต่ชื่อยังก้องอยู่ในวงการสื่อไทย

ดูบอลสด ดูบอลออนไลน์ฟรี 24 ชั่วโมง

วันที่ 30 พฤศจิกายน 2568 วงการสื่อมวลชนไทยสะเทือนทั้งวงการ เมื่อมีรายงานการจากไปอย่างกะทันหันของ “นัท – ณัฐวุฒิ ปงลังกา” นักข่าวและผู้ประกาศข่าวช่องดังในวัยเพียง 35 ปี หลังถูกพบว่าเสียชีวิตที่บ้านพักย่านบางกรวย จังหวัดนนทบุรี ขณะที่เพื่อนร่วมงานระบุสาเหตุเบื้องต้นว่าเขา “หลับแล้วไม่ตื่น” โดยยังต้องรอผลทางการแพทย์ยืนยันอย่างเป็นทางการอีกครั้ง

ความสะเทือนใจไม่ได้อยู่แค่ตัวเลข “35 ปี” ที่ยังหนุ่มแน่น แต่อยู่ที่ข้อเท็จจริงว่าเพียงไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านั้น เขายังนั่งจัดรายการข่าวออนไลน์อยู่หน้าจอร่วมกับเพื่อนร่วมงานอย่างปกติ เป็นภาพสุดท้ายที่หลายคนจดจำได้ ก่อนทุกอย่างจะกลายเป็นข่าวเศร้าในเช้าวันถัดมา

สำหรับ “บ้านกีฬา” วันนี้ขอพาทุกคนย้อนดูเส้นทางชีวิต ผลงาน และสิ่งที่ “นัท ณัฐวุฒิ” ทิ้งไว้ให้วงการสื่อไทยได้คิดต่อ เพราะนี่ไม่ใช่แค่ข่าวการเสียชีวิตของคนข่าวคนหนึ่ง แต่คือภาพสะท้อนของคนทำงานข่าวยุคใหม่ที่ทุ่มชีวิตให้กับอาชีพอย่างแท้จริง

จุดเริ่มต้นจากเชียงราย สู่ผู้ประกาศข่าวหน้าจอระดับประเทศ

ณัฐวุฒิ ปงลังกา เกิดเมื่อวันที่ 14 กันยายน 2533 มีภูมิลำเนาเป็นชาวจังหวัดเชียงราย ก่อนจะเติบโตมาสายบัญชี โดยจบการศึกษาจากคณะบัญชี มหาวิทยาลัยศรีปทุม ซึ่งถือเป็นเส้นทางที่หลายคนอาจคิดว่าไกลจากการเป็น “นักข่าว” แต่สำหรับเขา นั่นคือเพียงจุดเริ่มต้นของการเรียนรู้ระบบ คิดเป็น ทำเป็น และต่อยอดสู่โลกของสื่อมวลชนในเวลาต่อมา

ก่อนก้าวขึ้นสู่หน้าจอโทรทัศน์ “นัท” เริ่มต้นจากการเป็น ดีเจในจังหวัดเชียงราย สั่งสมทักษะด้านการใช้เสียง การสื่อสารกับผู้ฟัง การเล่าเรื่องให้เห็นภาพ ซึ่งกลายเป็นฐานสำคัญที่ทำให้เขาโดดเด่นเมื่อเปลี่ยนเส้นทางสู่สายข่าวเต็มตัวในเวลาต่อมา

จากดีเจท้องถิ่น สู่หนึ่งในนักข่าวภาคสนามที่คนดูจดจำ

เส้นทางสื่อมวลชนของ ณัฐวุฒิ ปงลังกา ไม่ได้เกิดจากทางลัด แต่เดินมาด้วยการ “ลุยทุกสนามข่าว”

  • เริ่มทำงานข่าวกับ สำนักข่าว INN ในฐานะผู้สื่อข่าว
  • ก้าวขึ้นเป็น ผู้สื่อข่าวสายการเมือง ช่อง 3 SD ซึ่งต้องทำงานกับประเด็นเข้มข้นระดับประเทศ
  • ต่อด้วยบทบาท นักข่าวภาคสนามของอมรินทร์ทีวี ที่ต้องลงพื้นที่จริง เผชิญสถานการณ์จริง และรายงานทุกอย่างให้คนดูเข้าใจง่ายและเร็วที่สุด

หนึ่งในเหตุการณ์ที่ทำให้ชื่อ “ณัฐวุฒิ” ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวาง คือช่วงคดีดัง “น้องชมพู่” ที่เขาถึงขั้นลงพื้นที่พิสูจน์ร่องรอยบาดแผลด้วยตัวเองตามข้อมูลที่ได้รับจากแหล่งข่าว เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงมานำเสนอแก่สังคมอย่างรอบด้าน นั่นสะท้อนให้เห็นสไตล์การทำงานที่ “เอาจริง ไม่กลัวเลอะ” ของนักข่าวภาคสนามยุคใหม่

ย้ายบ้านมาช่อง 8 จากนักข่าวภาคสนามสู่ผู้ประกาศข่าวหน้าเลนส์

เมื่อผู้ประกาศข่าวชื่อดังอย่าง “พุทธ อภิวรรณ” ย้ายมาร่วมงานกับสถานีโทรทัศน์ช่อง 8 ไม่นาน “นัท ณัฐวุฒิ” ก็ย้ายตามมาเป็นหนึ่งในทีมข่าวภาคสนาม ก่อนจะขยับขึ้นมาเป็นผู้ประกาศข่าวเต็มตัวของช่อง

บทบาทที่ทำให้เขาเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางมากขึ้น คือรายการออนไลน์ “Phutta Talk (พุทธทอล์ค)” ที่ออกอากาศหลังจบรายการข่าวช่วงดึก โดยเขาผลัดเวรร่วมจัดกับ พุทธ อภิวรรณ และ ไอซ์ สารวัตร สลับกันในแต่ละวัน เป็นคอนเทนต์เล่าข่าว-คุยข่าวที่เข้มข้นแต่เป็นกันเอง จนกลายเป็นหนึ่งในรายการออนไลน์ที่แฟนข่าวจำนวนมากติดตาม

สิ่งที่คนดูพูดถึง “นัท” เสมอ คือ

  • น้ำเสียงนิ่ง สุขุม แต่แฝงความจริงจัง
  • การตั้งคำถามได้คมชัด ตรงประเด็น
  • การอธิบายข่าวยาก ๆ ให้เข้าใจง่ายในเวลาไม่กี่นาที

คุณสมบัติเหล่านี้ ทำให้เขาไม่ได้เป็นแค่ “คนอ่านข่าว” แต่เป็น “คนเล่าข่าว” ที่คนดูเชื่อใจได้

รางวัล “สังขเณศ” การันตีคุณภาพสื่อมวลชนรุ่นใหม่

ไม่ใช่แค่คำชมจากคนดูหรือเพื่อนร่วมงาน แต่ ณัฐวุฒิ ปงลังกา ยังเคยได้รับรางวัลคุณภาพแห่งปี “สังขเณศ” ในฐานะ บุคคลต้นแบบตัวอย่าง สาขา “สื่อมวลชนดีเด่น” ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าผลงานของเขาได้รับการยอมรับทั้งในแง่ฝีมือและจริยธรรมวิชาชีพ

ในยุคที่คนเสพข่าวผ่านโซเชียลอย่างรวดเร็ว ไวรัลมาไว ดราม่าไปเร็ว นักข่าวจำนวนไม่น้อยถูกโจมตี ถูกตั้งคำถามเรื่องความรับผิดชอบ การได้รับรางวัลในหมวด “สื่อมวลชนดีเด่น” จึงไม่ใช่เรื่องเล็ก เพราะมันหมายถึงการยืนอยู่บนเส้นบาง ๆ ระหว่าง “ความเร็ว” กับ “ความถูกต้อง” ได้อย่างสมดุล

สำหรับวงการสื่อ การมีคนรุ่นใหม่ที่ทั้งเก่ง ทั้งทำงานหนัก และยังได้รับการยอมรับในเชิงจริยธรรม นับเป็นต้นแบบที่สำคัญให้เด็กรุ่นหลังมองเห็นว่า “การเป็นนักข่าวคุณภาพ” ยังเป็นสิ่งที่จับต้องได้จริง ไม่ได้มีแค่ในตำราเรียน

ช่วงเวลาสุดท้าย แฟนข่าว-เพื่อนร่วมงานใจหายทั้งประเทศ

สิ่งที่ทำให้ข่าวการเสียชีวิตของ ณัฐวุฒิ ปงลังกา ยิ่งสะเทือนใจ คือก่อนจากไปเพียงไม่กี่ชั่วโมง เขายังทำหน้าที่ในรายการข่าวออนไลน์ตามปกติ เพื่อนร่วมงานอย่าง ไอซ์ สารวัตร ถึงกับโพสต์ภาพร่วมรายการเมื่อคืนก่อน พร้อมข้อความว่าเป็น “เรื่องช็อก แต่มันคือเรื่องจริง” และระบุว่าเท่าที่ทราบคือ “พี่นัทหลับแล้วไม่ตื่น”

ด้านผู้ประกาศข่าวร่วมช่องอย่าง จิตดี ศรีดี ก็โพสต์ข้อความไว้อาลัย พร้อมบอกว่าเพิ่งเจอกันไม่นาน ยังทักทายกันด้วยรอยยิ้มเหมือนทุกครั้ง ทำให้ข่าวนี้ไม่เพียงกระทบหัวใจของคนข่าว แต่ยังสะเทือนใจผู้ชมที่คุ้นเคยใบหน้าและน้ำเสียงของเขาบนหน้าจอมาตลอดหลายปี

ในโลกออนไลน์ ทั้งเพจข่าว นักข่าวภูมิภาค และแฟนข่าวจำนวนมาก ต่างพากันโพสต์รูปและข้อความไว้อาลัย มีทั้งคนที่เคยร่วมลงพื้นที่ เคยสัมผัสสไตล์การทำงานของเขา หรือแม้แต่คนดูทางบ้านที่ติดตามรายการอยู่ประจำ หลายคนพูดตรงกันว่า “เพิ่งเห็นอ่านข่าวเมื่อคืนเอง ไม่คิดว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้าย”

มุมมองบ้านกีฬา: อาชีพนักข่าวในยุคเดือดของข่าวออนไลน์

จากเรื่องของ ณัฐวุฒิ ปงลังกา บ้านกีฬาอยากชวนมองมุมใหญ่ในฐานะ “บทเรียนของวิชาชีพ” ที่เป็นเนื้อหายืนระยะได้ในทุกยุค

1. งานข่าวไม่ใช่แค่ “เล่าข่าว” แต่คือการ “แลกเวลาและสุขภาพ”

โลกข่าววันนี้หมุนเร็วกว่าเดิมหลายเท่า นักข่าวจำนวนมากต้องทำงานดึก-เช้า ออกภาคสนามกลางแดด กลับมานั่งอ่านข่าวในสตูดิโอ และยังต้องทำคอนเทนต์ออนไลน์ต่ออีกหลายชั่วโมง การทำงานแบบนี้ต่อเนื่องยาวนาน ย่อมส่งผลต่อทั้งร่างกายและจิตใจ

เคสของนักข่าวหลายคนที่ล้มป่วยเฉียบพลันในช่วงพัก หรือหลับแล้วไม่ตื่น เป็นสัญญาณเตือนว่าคนทำข่าวเองก็ต้องบริหารสุขภาพให้ดี ตรวจร่างกายสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ และองค์กรสื่อเองก็ต้องให้ความสำคัญกับสมดุลชีวิตการทำงานของทีมข่าวมากกว่าที่เคย

2. ภาพจำ “นักข่าวดีเด่น” ไม่ได้หมายถึงดังเพราะดราม่า

ในยุคโซเชียล มีนักข่าวจำนวนไม่น้อยกลายเป็นไวรัลด้วยเหตุการณ์ดราม่าหรือคำพูดแรง ๆ แต่กรณีของ ณัฐวุฒิ แสดงให้เห็นอีกแบบหนึ่งว่า นักข่าวที่โดดเด่นในสายตาคนดูและได้รับรางวัล ไม่จำเป็นต้องดังเพราะคำพูดสุดโต่ง แต่ดังเพราะ “ทำงานหนัก จริงจัง และเคารพข้อเท็จจริง”

นี่คือภาพของนักข่าวรุ่นใหม่ที่ทั้งเป็นมืออาชีพในสนามข่าว และยังรักษามาตรฐานวิชาชีพไว้ในยุคที่ความเร็วของข้อมูลพร้อมจะพาความจริงหลุดมือได้ทุกเวลา

3. บทบาทสื่อที่ดี คือทำให้คนดู “เข้าใจโลก” ไม่ใช่แค่ “กลัวโลก”

จากผลงานที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่าเขาสื่อสารประเด็นข่าวหนัก ๆ ให้คนดูเข้าใจง่าย ไม่ได้ใช้ความหวาดกลัวหรือความแรงเกินจำเป็นมาดึงเรตติ้ง นี่คือหัวใจสำคัญของงานข่าวที่ควรจะเป็นในทุกยุคสมัย

“ชื่อจะหายจากหน้าจอ แต่ไม่หายจากความทรงจำของคนข่าวไทย”

แม้วันนี้ชื่อ “ณัฐวุฒิ ปงลังกา” จะไม่ได้ปรากฏในเครดิตรายการหรือเส้นสายบนหน้าจอโทรทัศน์อีกต่อไป แต่ร่องรอยที่เขาทิ้งไว้ในวงการสื่อยังคงชัดเจน

  • เขาคือตัวอย่างของคนที่เปลี่ยนเส้นทางจากสายบัญชี มาเป็นดีเจ แล้วไต่เต้าจนเป็นนักข่าวภาคสนามและผู้ประกาศข่าวระดับประเทศ
  • เขาคือภาพของคนทำงานที่ไม่กลัวเหนื่อย ลงพื้นที่จริง ทดลองจริง เพื่อนำเสนอความจริงให้สังคม
  • เขาคือนักข่าวรุ่นใหม่ที่ได้รับยอมรับทั้งผลงานและจริยธรรม ผ่านรางวัล “สื่อมวลชนดีเด่น” ที่ไม่ได้ได้มาง่าย ๆ

สำหรับ “บ้านกีฬา” การจากไปของเขาไม่ใช่เพียงหน้าหนึ่งข่าวเศร้า แต่คือการเตือนให้เราทุกคน—ทั้งคนทำข่าวและคนเสพข่าว—เห็นคุณค่าของคนเบื้องหลังหน้าจอ ที่นั่งเล่าข่าวให้เราฟังทุกวัน แบบที่บางครั้งเราอาจเผลอ “ชิน” จนลืมขอบคุณ

ขอร่วมไว้อาลัย และส่งกำลังใจให้ครอบครัว เพื่อนร่วมงาน และแฟนข่าวของ ณัฐวุฒิ ปงลังกา ทุกคน

ขอให้ “นัท ณัฐวุฒิ” หลับให้สบาย และชื่อของเขาจะยังอยู่ในความทรงจำของวงการข่าวไทยไปอีกนาน

แฟนข่าวที่อยากตามทุกมุมข่าวรอบวัน ทั้งข่าวสังคม กีฬา และประเด็นร้อนในกระแส อย่าลืมติดตาม ข่าวเด่น ข่าววันนี้ ที่ ข่าวการค้นหาที่มาแรงบ้านกีฬา

ตรวจหวย 24 ชั่วโมง หวยลาว หวยฮานอย

แอดไลน์ @Bankeela รับลิ้งดูบอล ทีเด็ด วิเคราะห์บอลจากทางบ้านกีฬา