
จาก : ผลบอลสด ยูฟ่ายูโรปาลีก ระหว่าง น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ 3-0 มัลโม่ เอฟเอฟ วันนี้ 28/11/68 – บ้านกีฬา
ศึกยูฟ่ายูโรปาลีกค่ำคืนนี้ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์เปิดรังต้อนรับมัลโม่ เอฟเอฟ และถ้าใครเปิดเช็ก ผลบอลสด ตั้งแต่นาทีแรกจะเห็นภาพชัดว่าทีมเจ้าป่ามาแบบของจริง ไล่บี้ทีมแชมป์สวีเดนจนแทบหายใจไม่ทันก่อนปิดเกมด้วยสกอร์ขาด 3-0
ฟอเรสต์ยิงประตูจาก ไรอัน ยีตส์ นาที 27, อาร์โนด์ คาลิมวงโด นาที 44 และ นิโคลา มิลินโควิช นาที 59 คว้า 3 แต้มสำคัญแบบไม่เสียประตู ขณะที่มัลโม่แทบไม่มีหมัดสวน มีโอกาสยิงเข้ากรอบเพียงครั้งเดียวตลอด 90 นาที
⏱️ ครึ่งแรก: ยีตส์เปิดทาง คาลิมวงโดซัดย้ำ
ตั้งแต่เสียงนกหวีดเริ่ม ฟอเรสต์เป็นฝ่ายคุมจังหวะเกมทั้งหมด ครองบอลเหนือกว่าชัดเจน จ่ายบอลลื่นไหลจากแดนหลังขึ้นมาถึงแถวสองและริมเส้น จนเกมรับของมัลโม่ต้องถอยกันเป็นแถบ
นาที 27 ความกดดันแปรเปลี่ยนเป็นสกอร์ เมื่อบอลครอสจากด้านข้างถูกเคลียร์ไม่ขาด กระเด้งมาเข้าทาง ไรอัน ยีตส์ กัปตันทีมที่เติมขึ้นมาซ้ำไม่เหลือ ส่งฟอเรสต์นำ 1-0 พร้อมจุดประกายบรรยากาศเดือดทั้งสนาม
มัลโม่พยายามตั้งลำเล่นบอลสวนกลับ แต่โดนเพรสสูงจนขึ้นบอลแทบไม่ได้ พอเสียจังหวะกลางสนามบ่อยๆ ฟอเรสต์ก็เดินหน้าลุยต่อ นาที 44 อาร์โนด์ คาลิมวงโด หลุดเข้าเขตโทษก่อนหาจังหวะยิงอย่างนิ่ง เพิ่มสกอร์เป็น 2-0 ก่อนจบครึ่งแรกด้วยรูปเกมที่เจ้าบ้านเหนือกว่าแบบคนละชั้น
🔁 ครึ่งหลัง: มิลินโควิชโขกปิดบัญชี เกมรับแน่นจนมัลโม่ท้อ
ครึ่งหลังมัลโม่เปลี่ยนเกม ส่ง เอมมานูเอล เอก็อง ลงมาเติมความเร็วในแนวรุก แต่ยังคงแก้ปัญหาการต่อบอลไม่ได้ ฟอเรสต์ยังคุมจังหวะด้วยการถ่ายบอลสั้นเนียน ๆ กดให้ผู้มาเยือนวิ่งไล่
นาที 59 จากลูกตั้งเตะฝั่งฟอเรสต์ บอลลอยโค้งเข้าไปในกรอบ นิโคลา มิลินโควิช ขึ้นโหม่งเต็มๆ เสียบตาข่ายเป็นประตู 3-0 ทำเอาแนวรับมัลโม่ถึงกับมองหน้ากันเลิกลัก เพราะจังหวะเสียประตูมาจากการยืนตำแหน่งพลาดแบบง่ายๆ
หลังนำห่าง ฟอเรสต์ผ่อนเครื่องเล็กน้อยแต่ยังรักษารูปเกมได้ดี เปลี่ยนตัวส่งผู้เล่นสำรองอย่าง เอลเลียต แอนเดอร์สัน, แดน เอ็นดอย, อิกอร์ เฮซุส และเนโก้ วิลเลียมส์ ลงมาช่วยเก็บจังหวะ ขณะที่มัลโม่แม้จะเปลี่ยน เคนัน บูซูลาดซิช กับ อันเดอร์ส คริสเตียนเซน ลงมาหวังยกระดับกลางสนาม แต่ก็ไม่อาจเจาะเกมรับหนาแน่นของเจ้าถิ่นได้ จบเกม ฟอเรสต์คว้าชัยขาดลอย 3-0 ตามหน้า บ้านผลบอล แบบไม่ต้องลุ้นช่วงท้าย

📋 รายชื่อนักเตะตัวจริงและการเปลี่ยนตัว
🟥 น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ (4-2-3-1) – เรตเฉลี่ยทีม 7.14
ผู้รักษาประตู
- 13 จอห์น (7.4)
กองหลัง
- 44 แซค แอบบอตต์ (7.0)
- 31 นิโคลา มิลินโควิช (8.4)
- 4 โมราโต (8.0)
- 5 มูริโญ่ (7.5)
กองกลางตัวรับ
- 6 อิบราฮิม ซ็องกาเร่ (7.3)
- 22 (กัปตัน) ไรอัน ยีตส์ (8.1)
กองกลางตัวรุก/ริมเส้น
- 7 คัลลัม ฮัดสัน-โอดอย (7.2)
- 24 เจมส์ แมคเอที (7.0)
- 16 นิโกลัส โดมิงเกซ (6.5)
กองหน้า
- 15 อาร์โนด์ คาลิมวงโด (6.8)
ตัวสำรองที่ถูกเปลี่ยนลงสนาม
- 8 เอลเลียต แอนเดอร์สัน (6.8) ลงนาที 66 แทน ซ็องกาเร่
- 14 แดน เอ็นดอย (6.4) ลงนาที 66 แทน โดมิงเกซ
- 19 อิกอร์ เฮซุส (6.4) ลงนาที 66 แทน คาลิมวงโด
- 3 เนโก้ วิลเลียมส์ (7.0) ลงนาที 74 แทน มูริโญ่
- 61 จิมมี ซินแคลร์ (6.4) ลงนาที 84 แทน แมคเอที
ตัวสำรองไม่ได้ลง
- 26 มัตซ์ เซลส์, 67 คีฮาน วิลโลว์ส, 30 วิลลี่ โบลี่, 37 นิโคโล ซาโวนา, 58 แจ็ค ทอมป์สัน, 51 อาร์ชี ไวท์ฮอลล์
🩵 มัลโม่ เอฟเอฟ (3-4-2-1) – เรตเฉลี่ยทีม 6.54
ผู้รักษาประตู
- 33 เมลเคอร์ เอลล์บอร์ก (7.4)
กองหลังสามคน
- 5 อาร์มิน ดูริช (6.3)
- 18 (กัปตัน) ปอนตุส ยันส์สัน (6.6 – ใบเหลือง)
- 19 คาร์ล โรสเลอร์ (6.6)
วิงแบ็ก/กองกลางริมเส้น
- 17 เยนส์ สไตรเกอร์ ลาร์เซน (6.2)
- 25 บูซาเนลโล (6.5)
กองกลางตัวกลาง
- 23 ลาสเซ แบร์ก ยอห์นเซน (6.5)
- 37 อัลบิน สก็อกมาร์ (6.4)
กองกลางตัวรุก
- 38 ฮูโก้ โบลิน (6.1)
- 29 เซอัด ฮักซาบาโนวิช (7.2)
กองหน้า
- 32 ดานี่ ธอร์ กุ๊ดจอห์นเซน (6.4)
ตัวสำรองที่ถูกเปลี่ยนลงสนาม
- 11 เอมมานูเอล เอก็อง (6.1) ลงนาที 52 แทน โบลิน
- 10 อันเดอร์ส คริสเตียนเซน (6.4) ลงนาที 65 แทน กุ๊ดจอห์นเซน
- 40 เคนัน บูซูลาดซิช (6.7) ลงนาที 65 แทน แบร์ก ยอห์นเซน
- 6 ออสการ์ เลวิคกี้ (6.7) ลงนาที 87 แทน สก็อกมาร์
- 16 โอลิเวอร์ แบร์ก (6.5) ลงนาที 87 แทน ฮักซาบาโนวิช
ตัวสำรองไม่ได้ลง
- 30 โรบิน โอลเซน, 2 โยฮัน คาร์ลส์สัน, 13 มาร์ติน โอลส์สัน, 15 ไซฟู ซูมาห์, 48 ธีโอดอร์ ลุนด์เบิร์ก, 20 เอริก โบทไฮม์, 21 สเตฟาโน เวคเคีย
ผู้ตัดสินเกมนี้คือ ฮาร์ม ออสมาร์ส ที่แจกใบเหลืองรวม 5 ใบให้เห็นความเข้มข้นของเกมแบบไม่ต้องพูดเยอะ
📊 วิเคราะห์บอลการรุกและการรับ
วิเคราะห์บอล ด้านแท็กติก ฟอเรสต์ของ ฌอน ไดช์ ยืนระบบ 4-2-3-1 แต่รูปเกมจริงเกือบเป็น 2-3-5 ยามได้บอล แบ็กสองฝั่งดันสูง โดยเฉพาะ แอบบอตต์ ที่เติมจนไปโผล่หน้าเขตโทษบ่อยครั้ง ขณะที่ ซ็องกาเร่ กับ ยีตส์ แบ่งหน้าที่กันชัดเจน คนหนึ่งคอยตัดเกม อีกคนคอยทะลุไลน์ขึ้นไปยิงหรือโหม่งทำประตู
การบุกของฟอเรสต์เน้นต่อบอลสั้นแล้วค่อยตัดเข้าในจากริมเส้น ฮัดสัน-โอดอย กับ โดมิงเกซ สลับตำแหน่งกันตลอด ทำให้แนวรับ 3 คนของมัลโม่เสียสมดุล ต้องถ่างออกไปไล่บอลจนเปิดพื้นที่ให้ ยีตส์ สอดขึ้นมายิงลูกแรก ส่วนประตูของ คาลิมวงโด ก็เกิดจากการเคลื่อนที่ฉีกตัวประกบไปยังพื้นที่ว่างก่อนจบสกอร์แบบเฉียบคม
เกมรับเจ้าบ้านก็แข็งแกร่งไม่แพ้กัน มิลินโควิช คุมพื้นที่ในกรอบเขตโทษแบบไร้ข้อผิดพลาด อ่านจังหวะโหม่งสกัดและดักบอลยาวได้แทบทุกลูก ขณะที่ โมราโต ก็คอยซ้อนช่วยเพื่อนจนมัลโม่ไม่มีโอกาสเล่นบอลทะลุช่องเลย
ฝั่งมัลโม่ ระบบ 3-4-2-1 ถูกบีบจนกลายเป็น 5-4-1 เมื่อไม่ได้บอล วิงแบ็กต้องถอยต่ำมาก ทำให้เวลาสวนกลับขึ้นบอลไม่ทันเพื่อนหน้าเป้า กุ๊ดจอห์นเซน โดดเดี่ยว ต้องลงมาเชื่อมบอลเอง ทำให้ในพื้นที่สุดท้ายแทบไม่มีตัวอยู่ในกรอบเขตโทษจังหวะเปิดบอลเข้ามา การเปลี่ยนตัวคริสเตียนเซนกับบูซูลาดซิช แม้ช่วยให้กลางสนามพอครองบอลได้บ้าง แต่ก็ยังเจอเพรสซิ่งเร็วของฟอเรสต์จนไม่สามารถจ่ายบอลขึ้นหน้าต่อเนื่องได้
โดยรวมแล้ว ทั้งแผนการเล่นและความละเอียดในเกมรับ–เกมรุก ฟอเรสต์เหนือกว่าชัดเจนสมราคา 3 คะแนนเต็ม ส่วนมัลโม่ต้องกลับไปนั่งโต๊ะประชุมวางหมากกันใหม่ หากหวังกลับมามีลุ้นในเวทียุโรป

📈 สถิติการแข่งขัน
ตัวเลขหลังเกมตอกย้ำภาพที่ทุกคนได้เห็นในสนาม ฟอเรสต์กดดันคู่แข่งตลอดทั้งเกมด้วยจำนวนยิงทั้งหมด 22 ครั้ง เข้ากรอบถึง 10 ครั้ง ขณะที่มัลโม่มีโอกาสยิงเพียง 1 ครั้ง และเป็นลูกเข้ากรอบแค่จังหวะเดียวเท่านั้น การครองบอลเจ้าบ้านเหนือกว่าชัดเจน 68% ต่อ 32% พร้อมกับจำนวนการจ่ายบอล 628 ครั้ง และความแม่นยำสูงถึง 94% แสดงให้เห็นถึงการคุมจังหวะเกมและการเคลื่อนที่รับ–ส่งที่ไหลลื่นมาก
มัลโม่มีการจ่ายบอลเพียง 286 ครั้ง ความแม่นยำ 88% แม้จะไม่เลวร้าย แต่ส่วนใหญ่เป็นการจ่ายในพื้นที่ของตัวเอง เพราะโดนเพรสจนนำบอลขึ้นหน้าไม่ได้ ฟาวล์ของทีมเยือนสูงถึง 10 ครั้ง เทียบกับ 12 ครั้งของฟอเรสต์ บ่งบอกว่าทั้งสองทีมเล่นกันหนักพอสมควร ใบเหลืองออกทั้งหมด 5 ใบ ฟอเรสต์โดนไป 4 ใบ และมัลโม่อีก 1 ใบ แต่ไม่มีใบแดงเกิดขึ้น ลูกเตะมุมเป็นของฟอเรสต์ฝ่ายเดียวถึง 7 ครั้ง ขณะที่มัลโม่ไม่มีเตะมุมเลยตลอด 90 นาที เป็นหลักฐานชัดเจนว่าเกมนี้เล่นกันอยู่หน้าเขตโทษทีมเยือนเป็นส่วนใหญ่
⏱️ เหตุการณ์สำคัญของเกม
- ⚽ นาที 27: ฟอเรสต์ขึ้นนำ 1-0 จากจังหวะ ไรอัน ยีตส์ กัปตันทีมซัดประตูแรกให้เจ้าบ้าน
- 🟨 นาที 33: ปอนตุส ยันส์สัน กองหลังมัลโม่โดนใบเหลืองจากจังหวะทำฟาวล์ตัดเกม
- ⚽ นาที 44+2: อาร์โนด์ คาลิมวงโด ยิงประตูที่สองให้ฟอเรสต์ หนีเป็น 2-0 ก่อนหมดครึ่งแรก
- 🔁 ช่วงพักครึ่ง: สกอร์บนสกอร์บอร์ดชี้ชัด ฟอเรสต์นำ 2-0 และคุมเกมเบ็ดเสร็จ
- 🔁 นาที 52: มัลโม่เปลี่ยน เอมมานูเอล เอก็อง ลงแทน ฮูโก้ โบลิน หวังเพิ่มความเร็วในแนวรุก
- 🔁 นาที 58: บนสกอร์บอร์ดขึ้น 3-0 เมื่อ นิโคลา มิลินโควิช โขกจากลูกตั้งเตะเข้าไปอย่างเด็ดขาด
- 🔁 นาที 65: มัลโม่ส่ง อันเดอร์ส คริสเตียนเซน กับ เคนัน บูซูลาดซิช ลงแทน กุ๊ดจอห์นเซน และ แบร์ก ยอห์นเซน เพื่อเติมเกมกลางสนาม
- 🔁 นาที 66: ฟอเรสต์ปรับแท็กติก ส่ง เอลเลียต แอนเดอร์สัน, แดน เอ็นดอย และ อิกอร์ เฮซุส ลงแทน ซ็องกาเร่, โดมิงเกซ และ คาลิมวงโด
- 🟨 นาที 73: เอลเลียต แอนเดอร์สัน โดนใบเหลืองจากการฟาวล์ตัดเกมกลางสนาม
- 🔁 นาที 74: เนโก้ วิลเลียมส์ ลงแทน มูริโญ่ เพิ่มความสดบริเวณแบ็กขวา
- 🟨 นาที 77: แซค แอบบอตต์ รับใบเหลืองจากจังหวะเข้าสกัดหนัก
- 🟨 นาที 81: ไรอัน ยีตส์ โดนใบเหลืองอีกคนหลังเข้าปะทะช้า
- 🔁 นาที 84: จิมมี ซินแคลร์ ลงสนามแทน แมคเอที เพื่อช่วยเก็บบอลในแดนกลาง
- 🔁 นาที 87: มัลโม่ส่ง ออสการ์ เลวิคกี้ และ โอลิเวอร์ แบร์ก ลงมาแทน สก็อกมาร์ และ ฮักซาบาโนวิช
- 🟨 นาที 88: ซินแคลร์ โดนใบเหลืองปิดท้ายจากจังหวะฟาวล์ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ
🌟 Player of the Match – นิโคลา มิลินโควิช
รางวัลชายเด่นแห่งค่ำคืนนี้ต้องยกให้ นิโคลา มิลินโควิช เซ็นเตอร์ฮาล์ฟตัวเก่งของฟอเรสต์ที่คว้าเรตติ้งสูงสุด 8.4 ไม่เพียงแต่เป็นคนโหม่งประตูปิดกล่องให้ทีมชนะ 3-0 เท่านั้น แต่ยังเป็นหัวใจสำคัญในเกมรับ อ่านจังหวะบอลยาวของมัลโม่ได้ตลอด ดักโหม่งเคลียร์บอลอันตรายหลายครั้ง จนแทบไม่ปล่อยให้กองหน้าทีมเยือนมีโอกาสยิงแบบได้ลุ้น
มิลินโควิชยังคุมไลน์กองหลังได้ยอดเยี่ยม ดันขึ้นล้ำหน้าคู่แข่งได้เป๊ะๆ ทำให้แผงหลังทั้งแผงเล่นง่ายขึ้น ถือเป็นฟอร์มระดับผู้นำที่ช่วยให้ฟอเรสต์เก็บคลีนชีตในเกมยุโรปสำคัญแบบไร้ข้อกังขา

📌 สถานการณ์ในตารางคะแนนยูฟ่ายูโรปาลีก
ชัยชนะนัดนี้ทำให้ฟอเรสต์ขยับตัวเลขในตารางรวมยูฟ่ายูโรปาลีกเป็น แข่ง 5 ชนะ 2 เสมอ 2 แพ้ 1 ยิงได้ 9 เสีย 5 ประตูได้เสีย +4 เก็บได้ 8 แต้ม ขยับขึ้นมาอยู่โซนกลางตารางอันดับที่ 16 จากทั้งหมด 36 ทีม รูปแบบฟอร์มโดยรวมถือว่าเหนียวแน่น แพ้เพียงเกมเดียวในรอบแบ่งกลุ่ม เพิ่มโอกาสลุ้นโควตาไปเล่นรอบน็อกเอาต์ได้แบบมีลุ้นเต็มตัว
ในทางกลับกัน มัลโม่ยังจมอยู่ท้ายตารางอันดับ 34 สถิติ แข่ง 5 เสมอ 1 แพ้ 4 ยังไม่ชนะใคร ยิงได้แค่ 2 เสียถึง 10 ลูก ประตูได้เสีย -8 มีเพียง 1 คะแนน การตามหลังคู่แข่งโซนเพลย์ออฟหลายแต้มทำให้ทุกเกมที่เหลือในยุโรปต้องเล่นเหมือนรอบชิง หากหวังกลับมาไต่อันดับขึ้นมาจากโซนก้นตาราง
📅 ตารางบอลยูฟ่ายูโรปาลีกนัดถัดไป
จากภาพโปรแกรมที่ปรากฏ มัลโม่ยังมีภารกิจหนักรออยู่ในยูฟ่ายูโรปาลีก โดยต้องบุกเยือนปอร์โต้ในวันที่ 12 ธันวาคม ก่อนจะกลับมาเปิดบ้านรับมือเซอร์เวนา ซเวซด้า วันที่ 23 มกราคม เกมเหล่านี้ไม่ต่างอะไรจากนัดชี้ชะตา เพราะหากไม่เก็บแต้มเพิ่ม สถานะท้าย ตารางบอล ของพวกเขาจะยิ่งลำบากกว่าเดิม
ส่วนฟอเรสต์ แม้ภาพที่แนบมาจะโฟกัสไปที่โปรแกรมพรีเมียร์ลีกกับไบรท์ตันและวูล์ฟส์ แต่ในมุมของแฟนบอลยุโรป เกมคืนนี้ถือเป็นสัญญาณดีว่าทีมเริ่มเข้าที่เข้าทาง พร้อมต่อยอดฟอร์มไปสู่แมตช์ถัดไปทั้งในลีกและเวทียุโรป
🏠 ติดตามทุกเรื่องร้อน บ้านผลบอล กับ บ้านกีฬา
คอบอลที่อยากเกาะติดทุกสกอร์แบบเรียลไทม์ ทั้งผลสดจากยุโรป พรีเมียร์ลีก และลีกดังทั่วโลก ไม่ว่าจะเช็กสกอร์ย้อนหลัง ดูสถิติ เช็คราคา หรืออัปเดตฟอร์มทีมรัก สามารถตามได้ที่ บ้านกีฬา เราจะรวบรวมทุกข้อมูลสไตล์ บ้านผลบอล เสิร์ฟให้ครบจบในที่เดียว เหมือนมีเพื่อนเซียนบอลคอยเล่าเกมให้ฟังทุกคืน

