ธอมป์สันเดือดจัด! สวนโมแรนท์พูดไม่หยุด หลังเกมเดือดกริซลีส์เฉือนแมฟส์

ความเดือดหลังเกมที่สะเทือนทั้งลีก

ศึกในสนามยังไม่พอ มานอกสนามก็ยังคุกรุ่น เมื่อ เคลย์ ธอมป์สัน การ์ดจอมเก๋าของ ดัลลาส แมฟเวอริคส์ ปะทะคารมเดือดกับ จา โมแรนท์ ซูเปอร์สตาร์ของ เมมฟิส กริซลีส์ หลังจบเกมที่กริซลีส์เปิดบ้านเฉือน 102-96 เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ความร้อนระอุครั้งนี้ถูกพูดถึงไปทั่ว NBA โดยเฉพาะเมื่อผู้เล่นระดับตำนานอย่างธอมป์สันถึงกับเอ่ยปากว่า “เบื่อ” กับท่าทีของโมแรนท์เต็มทน

เหตุการณ์หลังเกมลุกลามจนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยและโค้ชของทั้งสองทีมต้องเข้ามาห้ามทัพ ป้องกันไม่ให้เรื่องบานปลาย ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าความตึงเครียดระหว่างสองทีมนี้ไม่เคยหายไปจริง ๆ นับตั้งแต่ดราม่าหนักในรอบเพลย์ออฟปี 2022 เมื่อธอมป์สันยังอยู่กับโกลเด้น สเตท วอร์ริเออร์ส และมีส่วนช่วยทีมคว้าแชมป์ NBA สมัยที่ 4 ของตน

ธอมป์สันเปิดปากอย่างดุดันถึงโมแรนท์

ความไม่พอใจของธอมป์สันครั้งนี้ชัดเจนแบบไม่ต้องตีความ โดยเฉพาะเมื่อเขาให้สัมภาษณ์หลังเกมด้วยน้ำเสียงแน่นเอี๊ยดถึงพฤติกรรมของคู่กรณี

“เขาเป็นคนตลก เขามีเรื่องให้พูดมากมายตลอดเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่ไม่ค่อยรับผิดชอบอะไร”
(คำพูดต้นฉบับตามข่าวต่างประเทศ)

คำพูดนี้สะท้อนชัดเจนว่า ธอมป์สันเชื่อว่าโมแรนท์มีวินัยและภาวะผู้นำที่ยังไม่ถึงระดับที่ผู้เล่นซูเปอร์สตาร์ควรมี ยิ่งเมื่อโมแรนท์เคยมีปัญหานอกสนามหลายครั้ง จึงยิ่งทำให้เรื่องนี้กลายเป็นดราม่าที่วงการจับตามอง

ปะทะอื่น ๆ ในเกมที่ทำให้ไฟเดือดเข้าไปอีก

นอกจากปะทะกับโมแรนท์ ธอมป์สันยังมีจังหวะชนกับผู้เล่นกริซลีส์คนอื่น ๆ ในเกมอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นจังหวะที่เขาเผชิญหน้ากับ ซานตี อัลดามา จากเหตุการณ์ทำฟาวล์ใส่รุคกี้อย่าง คูเปอร์ แฟล็กก์ รวมถึงเหตุการณ์ปากเสียใส่กันระหว่างเขากับ วินซ์ วิลเลียมส์ จูเนียร์ ที่ทำให้ทั้งคู่โดนเทคนิคัลฟาวล์ทันที

ความตึงเครียดระหว่างธอมป์สันกับผู้เล่นเมมฟิสในเกมนี้สะท้อนภาพการแข่งขันที่เดือดเกินกว่าแต้มบนสกอร์บอร์ด และกลายเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงในโลกออนไลน์อย่างร้อนแรง

ธอมป์สันชี้ชัด โมแรนท์พูดดุเดือดแต่นั่งสำรอง

ธอมป์สันไม่เพียงแค่พูดถึงพฤติกรรมของโมแรนท์ แต่ยังชี้ให้เห็นถึงความย้อนแย้งในสิ่งที่โมแรนท์ทำอยู่ในตอนนี้

“จริงๆแล้ว เขาแค่พูดเล่นมาตลอด และเขาพูดเล่นๆมานานแล้ว มันตลกดีที่พูดเล่นๆตอนที่นั่งสำรอง มันเป็นเหมือนเรื่องราวในอาชีพของเขาจนถึงตอนนี้ ทำให้เราอยากเห็นเขาเล่นต่ออีก”

คำพูดนี้เข้าตรงกลางใจแฟน NBA ทันที เพราะโมแรนท์เองเพิ่งพ้นโทษแบนยาวในหลายฤดูกาลที่ผ่านมา และยังไม่ได้กลับมาโชว์ฟอร์มเต็มรูปแบบ การถูกเหน็บว่าพูดมากขณะนั่งสำรองจึงเป็นประเด็นที่เจ็บแสบอย่างยิ่ง

ธอมป์สันย้ำ NBA ต้องการซูเปอร์สตาร์ที่พร้อมลงสนาม

แม้จะปะทะกันดุเดือด แต่ธอมป์สันยังคงมองว่าลีกต้องการผู้เล่นระดับโมแรนท์ในสนามมากกว่าอยู่นอกรายชื่อ

“เราทุกคนอยากเห็นเขาลงเล่นและทำผลงานให้ดีที่สุด แต่เขากลับปล่อยให้เรื่องอื่นๆมาขัดขวาง เราต้องการแบบนั้นในเอ็นบีเอ เราต้องการผู้เล่นดีที่สุดของเราลงเล่น และเมื่อคุณเป็นดาวเด่น มันจะมาพร้อมกับความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่ ผมไม่อยากเห็นมันสูญเปล่า”

ประโยคนี้คือการส่งสารแบบตรงไปตรงมาว่า โมแรนท์ต้องจัดการเรื่องนอกสนามให้ดี เพื่อไม่ให้พรสวรรค์อันน่าทึ่งของเขาต้องสูญเปล่า

มุมมองกว้างในวงการ NBA ที่เกี่ยวกับเรื่องนี้

เหตุการณ์นี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ดราม่าเกิดระหว่างผู้เล่นรุ่นใหม่และผู้เล่นเก๋าใน NBA และมันสะท้อนชัดว่าลีกกำลังอยู่ในยุคที่ความเป็นซูเปอร์สตาร์ไม่ได้วัดแค่ฝีมือในสนาม แต่ยังรวมถึงทัศนคติ วินัย ความรับผิดชอบ และภาพลักษณ์นอกสนามด้วย ผู้เล่นหลายคน เช่น เลบรอน เจมส์, เควิน ดูแรนท์ หรือสเตฟเฟน เคอร์รี ต่างถูกจับตามองมาตลอด และสิ่งที่พวกเขาทำให้เห็นคือ “ผลงานต้องมาคู่กับวุฒิภาวะ” ซึ่งเป็นสิ่งที่แฟน ๆ คาดหวังว่าโมแรนท์จะเรียนรู้ในที่สุด

บทสรุปที่แฟน NBA ต้องจับตา

ดราม่าระหว่าง เคลย์ ธอมป์สัน และ จา โมแรนท์ อาจดูเหมือนเป็นเพียงการปะทะด้วยวาจา แต่มันสะท้อนถึงภาพการแข่งขัน ความกดดัน และความคาดหวังของแฟน ๆ ที่มีต่อผู้เล่นระดับท็อป หากโมแรนท์สามารถปรับทัศนคติและกลับมาทำผลงานในสนามได้ดี ดราม่าเหล่านี้จะถูกลบด้วยผลงาน แต่หากยังเป็นเหมือนเดิม ก็อาจเป็นรอยด่างในอาชีพที่แฟนบอลไม่อยากเห็น

และแฟน ๆ NBA ยังต้องติดตามกันต่อไปว่าการปะทะรอบนี้จะเป็นเพียงแค่ไฟลุกวาบ หรือจะเป็นจุดเริ่มต้นของศึกยาวระหว่างสองนักบาสระดับท็อปของลีก

แล้วคุณล่ะ คิดว่าศึกนี้ใครจะเดือดกว่า? อัปเดตทุกประเด็นร้อนแบบนี้ ติดตามได้ที่ บาสสดบ้านกีฬา