เส้นทางอาชีพที่เปลี่ยนชีวิต: จากผู้สร้างดาวรุ่ง 28 ปี สู่กุนซือมืออาชีพที่ทำให้ทั้งลีกต้องหันมาจับตา
หากพูดถึงกุนซือที่ “มาทีหลัง แต่เข้าวินก่อน” ชื่อของ โก คุโรดะ คือหนึ่งในตัวเต็งที่แฟนบอลญี่ปุ่นต่างยอมรับเสียงเดียวว่าเป็นโค้ชสายทำงานจริง ไม่ใช่แค่มีฝันลอยๆ เพราะผู้ชายวัย 55 รายนี้เริ่มคุมทีมฟุตบอลระดับนักเรียนตั้งแต่ปี 1994 ยาวต่อเนื่องถึง 2022 รวม 28 ปีเต็ม สร้างผู้เล่นเยาวชนจำนวนมหาศาลให้วงการลูกหนังญี่ปุ่น ก่อนที่โชคชะตาจะเปิดทางให้เขาก้าวสู่วงการฟุตบอลอาชีพในปี 2023 ช่วงวัย 53 ปี ซึ่งถือว่า “ช้าเกินกว่าจะเริ่ม” สำหรับหลายคน แต่ไม่ใช่สำหรับคุโรดะ
เขาตัดสินใจรับหน้าที่คุมทีม มาชิดะ เซลเวีย พร้อมแบกความคาดหวังของแฟนบอลและสโมสรทั้งเมืองไว้บนบ่า และก็พิสูจน์ให้เห็นทันทีว่าผู้ชายคนนี้เกิดมาเพื่อคุมทีมฟุตบอลอาชีพอย่างแท้จริง
ความมุ่งมั่นที่สั่งสมกว่า 30 ปี: เรียนลึก ทำจริง และไม่หยุดพัฒนา
ก่อนก้าวสู่เวทีใหญ่ คุโรดะใช้เวลาอย่างหนักในการเรียนรู้ศาสตร์ฟุตบอล เขาจบหลักสูตรผู้ฝึกสอนระดับ เอสคลาส ซึ่งเป็นระดับสูงสุดของสมาคมฟุตบอลญี่ปุ่น ตั้งแต่ปี 2006 โดยในช่วงเวลานั้นเขายังคงฝึกฝนตนเอง ผ่านการทำงานร่วมกับนักเรียน นักกีฬาเยาวชน และการวิเคราะห์เกมอย่างต่อเนื่อง
นั่นทำให้เมื่อถึงเวลาต้องก้าวสู่เวที เจลีก เขาไม่ใช่มือใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้น แต่เป็นครูฟุตบอลที่เก็บประสบการณ์มาครบทุกมุม ทั้งการปลูกฝังวินัย การสร้างทีมเวิร์ก และการเข้าใจพัฒนาการของนักเตะในทุกระดับ นี่จึงเป็นเหตุผลที่เขาสามารถสร้างความแตกต่างให้มาชิดะ เซลเวียได้ตั้งแต่ปีแรกที่เข้ามารับงาน
ผลงานระดับมาสเตอร์พีซ 2023-2025: 3 ปีสร้างประวัติศาสตร์ไม่หยุด
ผลงานของคุโรดะในฟุตบอลอาชีพถือว่าจัดอยู่ในระดับ สุดโหด เพราะเขาใช้เวลาเพียง 3 ปีในการสร้างเหตุการณ์สำคัญให้สโมสรอย่างต่อเนื่อง ดังนี้
◆ เจลีก 2 ฤดูกาล 2023: แชมป์แรกของสโมสร
- พาทีม คว้าแชมป์เจลีก 2 ในฤดูกาล 2023 ซึ่งเป็นโทรฟี่ระดับลีกอาชีพครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร
- การคว้าแชมป์ดังกล่าวไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นการนำทีมที่ถูกมองว่าเป็นรอง กลับขึ้นมาครองหัวตารางตั้งแต่ช่วงกลางซีซันจนถึงปลายทาง
◆ 2024: เลื่อนชั้นสู่เจลีก 1 ครั้งแรกในประวัติศาสตร์
- มาชิดะ เซลเวียได้เลื่อนชั้นสู่ลีกสูงสุดของญี่ปุ่นเป็นครั้งแรก ตั้งแต่ก่อตั้งสโมสร
- ซีซันแรกบนเวทีใหญ่ คุโรดะไม่ได้แค่พาทีมหนีตกชั้น แต่ยกระดับจนกลายเป็นทีมลุ้นแชมป์เต็มตัว จบที่อันดับ 3 แบบสุดยอด
◆ คว้าสิทธิ์สู่เอเชียครั้งแรก: AFC Champions League Elite 2025-26
- อันดับ 3 ในเจลีก 1 ฤดูกาล 2024 ทำให้มาชิดะคว้าตั๋วไปลุยรายการระดับทวีปเป็นครั้งแรก
- นี่คือก้าวสำคัญที่บ่งบอกว่า คุโรดะ ไม่ได้พาทีมขึ้นสูงสุดของประเทศเท่านั้น แต่ยังผลักดันทีมสู่รายการระดับภูมิภาคได้สำเร็จ
◆ 2025: ซิวแชมป์เอ็มเพอเรอร์คัพ
- ปี 2025 สามารถคว้า แชมป์เอ็มเพอเรอร์ คัพ ซึ่งเป็นหนึ่งในถ้วยใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นมาครองได้สำเร็จ
- กลายเป็นโทรฟี่ใหญ่ลำดับที่สองในรอบ 3 ปีของการคุมทีมอาชีพ
ทั้งหมดนี้คือผลงานที่ทำให้ชื่อ “โก คุโรดะ” ถูกยกเป็นหนึ่งในกุนซือที่มาแรงที่สุดของญี่ปุ่นในยุคนี้ และเป็นอีกคนที่พิสูจน์ว่า อายุไม่ใช่ข้อจำกัดของความสำเร็จในโลกกีฬาสมัยใหม่
จุดแข็งที่ทำให้คุโรดะถูกจับตามอง
สิ่งที่ทำให้คุโรดะโดดเด่นเหนือโค้ชทั่วไปคือการบริหารทีมที่ยึดหลัก “เข้าใจมนุษย์ก่อนเข้าใจแท็กติก” เขาให้ความสำคัญกับสภาพจิตใจ วินัย และการเติบโตของนักเตะทุกคน ไม่ว่าจะเป็นตัวจริงหรือดาวรุ่ง ซึ่งเป็นแนวคิดที่ถูกกล่าวถึงในวงการโค้ชญี่ปุ่นมานาน แต่มีไม่กี่คนที่ทำได้จริง
สไตล์การเล่นของทีมภายใต้คุโรดะเต็มไปด้วยความดุดัน เล่นเป็นระบบ มีความฟิตสูง และเน้นเปลี่ยนจังหวะเกมเพื่อกดดันคู่แข่งอย่างต่อเนื่อง จนหลายทีมต้องปรับแท็กติกเฉพาะเกมเพื่อรับมือมาชิดะโดยเฉพาะ
มุมมองเพิ่มเติมสำหรับแฟนบอลไทย
การไต่เต้าของคุโรดะสะท้อนให้เห็นว่า ฟุตบอลสมัยใหม่ให้ค่ากับ “ระบบและความคิด” มากกว่าชื่อเสียงในอดีต โค้ชที่เติบโตจากฟุตบอลเยาวชน บางครั้งเข้าใจเกมลึกกว่าอดีตนักเตะระดับท็อปด้วยซ้ำ เพราะมีมุมมองด้านพัฒนาองค์รวมมากกว่า นี่คือบทเรียนที่หลายสโมสรในไทยลีกควรนำไปใช้ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างเยาวชน การให้โอกาสโค้ชท้องถิ่น หรือการพัฒนาทีมให้มีวิสัยทัศน์ในระยะยาว
ฟุตบอลเป็นกีฬาที่เอื้อให้คนที่ “ทำงานหนักพอ” มีพื้นที่แจ้งเกิดเสมอ และคุโรดะคือหลักฐานชั้นดี
เรื่องราวยังไม่จบ ติดตามบทต่อไปของมาชิดะและคุโรดะได้ที่ บ้านกีฬา
แม้จะสร้างผลงานระดับประวัติศาสตร์ไปแล้ว แต่เส้นทางของ โก คุโรดะ ยังไม่ได้หยุดอยู่แค่นี้ เพราะเจลีกคือเวทีที่เต็มไปด้วยการแข่งขันสูงสุดทุกสัปดาห์ และเวทีเอเชียก็กำลังรอการพิสูจน์ตัวตนของเขาอยู่เช่นกัน แฟนบอลสามารถติดตามทุกการก้าวของมาชิดะ เซลเวีย และความสำเร็จใหม่ๆ ของกุนซือมากประสบการณ์รายนี้ได้ที่ บอลเจลีกบ้านกีฬา
