จาก : ผลบอลสด พรีเมียร์ลีก ระหว่าง นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด 2-1 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ วันนี้ 23/11/68 – บ้านกีฬา
ศึกพรีเมียร์ลีกค่ำคืนนี้ แฟนๆเช็กสกอร์ผ่านหน้าเว็บ บ้านผลบอล และตามลุ้นสัญญาณ ผลบอลสด กันมันส์สุดขีด เมื่อ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด เปิดบ้านรับมือจ่าฝูงลุ้นแชมป์อย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เกมนี้รูปเกมเหมือนหนังคนละม้วนกับผลลัพธ์ เพราะซิตี้ครองบอลมากกว่าอย่างชัดเจน แต่ความคมหน้าประตูเป็นของเจ้าถิ่น ก่อนจบ 90 นาทีที่สกอร์สุดดุเดือด 2-1 จากฮีโร่ชื่อ ฮาร์วีย์ บาร์นส์ ที่กดคนเดียวสองประตู ส่วนทีมเยือนตีไข่แตกได้จากลูกโขกของ รูเบน ดิอาส
🕰️ ครึ่งแรก: ซิตี้ครองบอล แต่สาลิกาดงตั้งรับมีวินัย
เสียงนกหวีดเริ่มเกม ซิตี้ของ เป๊ป กวาร์ดิโอลา ไล่บีบตั้งแต่แดนหน้า ครองบอลเกินสองในสามของเกม ใช้การต่อบอลสั้นและการเติมริมเส้นจาก เจเรมี่ โดคู กับ ฟิล โฟเด้น คอยเขย่ากองหลังนิวคาสเซิ่ล แต่แนวรับเจ้าถิ่นนำโดย มัลิค เธียว, ฟาเบียน แชร์ และผู้รักษาประตู นิค โป๊ป ยังช่วยกันสกัดได้ทุกจังหวะ
นิวคาสเซิ่ลเลือกยืนระบบ 4-5-1 ถอยบล็อคลึกแล้วสวนกลับเร็วผ่าน บาร์นส์ กับ เจค็อบ เมอร์ฟี่ แม้โอกาสยิงจะน้อยกว่าชัดเจน แต่ทุกครั้งที่หลุดขึ้นหน้าเรียกเสียงฮือฮาจากกองเชียร์ได้ตลอด ท้ายครึ่งแรกซิตี้ยังบดไม่เข้า สกอร์ยัง 0-0 แต่สถิติการยิงและการครองบอลเทไปทางทีมเยือนแบบคนละเรื่องเดียวกัน
🔥 ครึ่งหลัง: บาร์นส์เปิดโหมดพระเอก ซิตี้เจอทีเด็ดสวนกลับ
กลับมาครึ่งหลังภาพรวมยังเป็นเรือใบสีฟ้าที่เดินเกมรุกใส่ต่อเนื่อง ใช้การประสานงานของ แบร์นาร์โด้ ซิลวา คอยคุมจังหวะตรงกลาง สนับสนุน เออร์ลิง ฮาลันด์ ที่คอยหาพื้นที่ในกรอบเขตโทษ แต่จังหวะสุดท้ายยังไม่คมพอ
แล้วเกมก็เปิดเดือดนาที 63 เมื่อ นิวคาสเซิ่ลฉวยโอกาสสวนกลับเร็ว บอลไหลจาก บรูโน่ กิมาไรส์ เจาะช่องให้ บาร์นส์ หลุดเข้าไปดวลเดี่ยว ก่อนยิงผ่านมือ ดอนนารุมม่า เข้าไปให้เจ้าถิ่นนำ 1-0 แบบทั้งสนามระเบิด
ซิตี้ไม่ยอมง่ายๆ นาที 68 จากจังหวะลูกตั้งเตะ บอลครอสเข้าเขตโทษและเป็น รูเบน ดิอาส โหม่งตุงตาข่าย ตีเสมอ 1-1 เกมเหมือนจะกลับมาเข้าทางทีมเยือน แต่ความมันส์ยังไม่จบเพียงนั้น นาที 70 นิวคาสเซิ่ลเล่นงานด้วยลูกสวนอีกครั้ง บอลทะลุช่องให้ บาร์นส์ หลุดเข้าไปซัดเน้นๆ กลายเป็นประตูที่สองของเจ้าตัว พลิกกลับขึ้นนำ 2-1 อีกครั้ง
ช่วงท้ายเกม เป๊ป ส่งตัวเปลี่ยนอย่าง ซาวินโญ่, ออสการ์ บ็อบบ์, ทิจจานี่ เรย์นเดอร์ส, โอมาร์ มาร์มูช ลงมาอัดเกมบุกเต็มสูบ หวังใช้ความสดกดดันแนวรับสาลิกาดง แต่เจ้าถิ่นยืนกันอย่างกล้าหาญ ปิดพื้นที่ไม่ให้ซิตี้หาช่องจบสกอร์จะแจ้งได้ สุดท้ายจบเกมด้วยชัยชนะอันยิ่งใหญ่ของนิวคาสเซิ่ล 2-1 เก็บสามแต้มทองต่อหน้าแฟนบอลในบ้านได้แบบสะใจคอบอลสายเช็ก ผลบอลสด ทุกคน
🧩 รายชื่อนักเตะตัวจริงและการเปลี่ยนตัว
🖤 นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด (ระบบ 4-5-1)
ผู้รักษาประตู
- 1 นิค โป๊ป (6.6)
กองหลัง
- 3 ลูอิส ฮอลล์ (6.4)
- 5 ฟาเบียน แชร์ (6.8)
- 12 มัลิค เธียว (7.1)
- 21 วาเลนติโน่ ลิฟราเมนโต้ (6.9)
กองกลาง
- 39 บรูโน่ กิมาไรส์ (กัปตัน) (7.1)
- 8 ซานโดร โตนาลี่ (7.1)
- 7 โชเอลินตอน (6.9)
- 23 เจค็อบ เมอร์ฟี่ (6.8)
- 11 ฮาร์วีย์ บาร์นส์ (8.8) ⭐
กองหน้า
- 27 นิโคลาส โวลเทอมาเด้ (6.3)
ตัวสำรองที่ถูกใช้งาน
- 4 สเวน บ็อตมัน (7.0) แทน ลูอิส ฮอลล์ นาที 77
- 28 โจ วิลล็อค (6.7) แทน นิโคลาส โวลเทอมาเด้ นาที 85
- 20 แอนโธนี่ อีลังก้า (6.4) แทน ฮาร์วีย์ บาร์นส์ นาที 85
ตัวสำรองไม่ได้ใช้งาน
อารอน แรมส์เดล, จอห์น รัดดี้, อเล็กซ์ เมอร์ฟี่, เจค็อบ แรมซีย์, ลูอิส ไมลีย์, ฌอน นีฟ
🔵 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (ระบบ 4-3-2-1)
ผู้รักษาประตู
- 25 จานลุยจิ ดอนนารุมม่า (7.3)
กองหลัง
- 24 ยอสโก้ กวาร์ดิโอล (6.4)
- 3 รูเบน ดิอาส (8.7)
- 33 นาธาน โอ’ไรลลี่ (6.0)
กองกลาง
- 14 นิโก กอนซาเลซ (6.6)
- 27 มาเตอุส นูเนส (6.4)
- 20 แบร์นาร์โด้ ซิลวา (กัปตัน) (6.9)
แนวรุกตัวต่ำ / ตัวรุกริมเส้น
- 10 ริยาน แชร์กี (6.3)
- 47 ฟิล โฟเด้น (6.0)
- 11 เจเรมี่ โดคู (7.3)
กองหน้า
- 9 เออร์ลิง ฮาลันด์ (6.2)
ตัวสำรองที่ถูกใช้งาน
- 26 ซาวินโญ่ (6.5) แทน เจเรมี่ โดคู นาที 76
- 52 ออสการ์ บ็อบบ์ (6.8) แทน ริยาน แชร์กี นาที 77
- 4 ทิจจานี่ เรย์นเดอร์ส (6.7) แทน แบร์นาร์โด้ ซิลวา นาที 77
- 7 โอมาร์ มาร์มูช (6.3) แทน ฟิล โฟเด้น นาที 87
ตัวสำรองไม่ได้ใช้งาน
เจมส์ แทรฟฟอร์ด, จอห์น สโตนส์, นาธาน อาเก้, อับดุลคอดีร์ คูซานอฟ, รายาน ไอต์-นูรี
ผู้เล่นบาดเจ็บ/ติดโทษแบนที่น่าสนใจ
นิวคาสเซิ่ลยังต้องเช็กสภาพ แอนโธนี่ กอร์ดอน, วิลเลียม โอโซล่า รวมถึงตัวหลักที่เจ็บยาวอย่าง นิค โป๊ป (เดิม) และ แดน เบิร์น ที่ติดโทษแบน ขณะที่ฝั่งซิตี้ไร้ชื่อ มาเตโอ โควาชิช ที่ยังเดี้ยง และ โรดรี้ ซึ่งมีปัญหาความฟิตก่อนเกม
📊 วิเคราะห์บอลการรุกและการรับของทั้งสองทีม
ในมุมมอง บ้านกีฬา หากจะ วิเคราะห์บอล ให้ลึกลงไป เกมนี้คือบทเรียนชัดเจนว่า “ครองบอลไม่ได้แปลว่าชนะ”
นิวคาสเซิ่ลวางหมาก 4-5-1 ชัดเจนว่าต้องการปิดพื้นที่โซนกลางและครึ่งช่อง (half-space) ไม่ให้เกมรุกของซิตี้เล่นตามสไตล์ พวกเขายืนบล็อกกลางค่อนลึก ปล่อยให้คู่เซ็นเตอร์แบ็กเรือใบเป็นคนถือบอล แต่ตัดช่องจ่ายเข้ากลางทันทีเมื่อบอลถึงเท้า นูเนส หรือ แบร์นาร์โด้ จุดเด่นคือการช่วยกันเพรสของแนวกลางสามคน กิมาไรส์–โตนาลี่–โชเอลินตอน ที่พร้อมเข้าตัด หรือทำฟาวล์เชิงแท็กติกแบบไม่ปล่อยให้ซิตี้เล่นบอลไหลลื่น
เกมรุกของสาลิกาดงอาจไม่ได้ต่อบอลยาว แต่ใช้การวางบอลยาวจาก แชร์ หรือ กิมาไรส์ เจาะหลังไลน์กองหลังซิตี้ โดยเฉพาะพื้นที่ด้านข้างของ กวาร์ดิโอล ที่ดันสูง ทำให้ บาร์นส์ มีพื้นที่ดวลตัวต่อตัวบ่อยครั้ง เมื่อถึงจังหวะสวนกลับ ความคมของเขาทำลายแนวรับทีมเยือนจนหมดรูป
ฝั่งแมนฯ ซิตี้ เล่น 4-3-2-1 ตามสไตล์เป๊ป พยายามดันฟูลแบ็กเข้ากลางเพื่อสร้างจำนวนเหนือกว่า และปล่อยให้ โดคู กับ โฟเด้น ยืนกว้างดึงแบ็กออกไป ทว่าพอเจอเกมรับเป็นบล็อกจากเจ้าถิ่น ช่องเจาะตรงกลางแทบไม่มี ฮาลันด์ ถูกตัดขาดจากบอลจังหวะสุดท้าย ต้องถอยต่ำออกมารับบอลจนนักเตะแนวสองอย่าง แชร์กี หรือ แบร์นาร์โด้ ไม่มีคนวิ่งให้ป้อนในกรอบเขตโทษ
เกมรับซิตี้มีปัญหาชัดในช่วงเปลี่ยนผ่านจากรุกเป็นรับ เมื่อเสียบอลกลางสนามแล้วเคาน์เตอร์เพรสไม่ทัน ช่องว่างหลังแนวกลางเปิดให้ นิวคาสเซิ่ลแทงทะลุช่องหลายครั้ง ประตูทั้งสองลูกของ บาร์นส์ เกิดจากการตั้งรับลึกแล้วสวนกลับเพียงแค่ 2-3 จังหวะ แสดงให้เห็นว่าโครงสร้างเกมรับเรือใบหลวมในวันที่ไม่มีตัวเบรกเกมอย่าง โรดรี้ คอยคุมพื้นที่หน้าเซ็นเตอร์
📈 สถิติการแข่งขันสะท้อนรูปเกม
แม้ผลลัพธ์บนสกอร์บอร์ดจะเป็น 2-1 ให้เจ้าบ้าน แต่ตัวเลขหลังเกมบอกชัดว่าซิตี้บุกอยู่ฝ่ายเดียว ทีมเยือนทำได้ถึง 17 ครั้ง เข้ากรอบ 4 ครั้ง ส่วนเจ้าถิ่นยิงเพียง 7 ครั้ง แต่เข้ากรอบถึง 5 หน เน้นคุณภาพมากกว่าปริมาณ การครองบอล ซิตี้ถือบอลถึง 67% ขณะที่นิวคาสเซิ่ลมีแค่ 33% เท่านั้น
จำนวนการผ่านบอลต่างกันลิบลับ ซิตี้จ่ายไป 531 ครั้ง ความแม่นยำสูงถึง 92% ส่วนสาลิกาดงจ่ายเพียง 220 ครั้ง แม่นยำ 86% แต่ทุกครั้งที่ต่อบอลขึ้นหน้าเป็นจังหวะอันตรายเกือบทั้งหมด เกมนี้ยังเห็นได้ว่าเจ้าบ้านต้องเล่นบอลหนักและไล่บี้เยอะกว่า ฟาวล์ไป 12 ครั้ง มากกว่าซิตี้ที่ทำไป 8 ครั้ง ลูกเตะมุมก็เทไปทางทีมเยือน 9-5 แสดงให้เห็นว่าซิตี้บุกกดดันอย่างต่อเนื่อง ขณะที่นิวคาสเซิ่ลเลือกใช้เกมรับแน่นและรอโต้แบบมีคุณภาพ
⏱️ เหตุการณ์สำคัญของเกม
- ⚽ นาที 63: นิวคาสเซิ่ลขึ้นนำ 1-0 บรูโน่ กิมาไรส์ แทงทะลุช่องให้ ฮาร์วีย์ บาร์นส์ หลุดเข้าไปซัดผ่านมือ ดอนนารุมม่า ไม่เหลือ
- ⚽ นาที 68: แมนฯ ซิตี้ตีเสมอ 1-1 จากลูกครอสทางกราบ บอลลอยมาเข้าหัว รูเบน ดิอาส โหม่งเสียบตาข่ายสวยงาม
- ⚽ นาที 70: เจ้าถิ่นสวนกลับอีกครั้ง บอลไหลให้ บาร์นส์ หลุดเดี่ยวก่อนยิงเน้นๆ เป็นประตู 2-1 และเป็นลูกที่สองของเจ้าตัวในเกม
- 🟨 นาที 70: จานลุยจิ ดอนนารุมม่า ผู้รักษาประตูแมนฯ ซิตี้ รับใบเหลืองจากจังหวะโวยและทำฟาวล์
- 🔁 นาที 76: ซาวินโญ่ ลงมาแทน เจเรมี่ โดคู เพื่อเพิ่มความสดเกมรุกทางริมเส้น
- 🔁 นาที 77: ออสการ์ บ็อบบ์ ลงแทน ริยาน แชร์กี และ ทิจจานี่ เรย์นเดอร์ส ลงแทน แบร์นาร์โด้ ซิลวา เป๊ปปรับแดนกลางยกชุด
- 🔁 นาที 77: สเวน บ็อตมัน ลงแทน ลูอิส ฮอลล์ ฝั่งนิวคาสเซิ่ล เสริมความแกร่งเกมรับช่วงท้าย
- 🔁 นาที 85: โจ วิลล็อค ลงแทน โวลเทอมาเด้ และ แอนโธนี่ อีลังก้า ลงแทน บาร์นส์ เจ้าถิ่นปรับมาเล่นเกมรับลึกและใช้ความเร็วโต้กลับ
- 🔁 นาที 87: โอมาร์ มาร์มูช ลงแทน ฟิล โฟเด้น เพิ่มตัวจบสกอร์ให้ซิตี้ในช่วงไล่ตีเสมอ
- 🟨 นาที 90+2: ออสการ์ บ็อบบ์ โดนใบเหลืองจากจังหวะฟาวล์หนัก
- 🟨 นาที 90+4: โชเอลินตอน ทำฟาวล์โดนใบเหลืองช่วงทดเวลา เจ้าที่ต้องเล่นหนักเพื่อรักษาสกอร์
🌟 Player of the Match – ฮาร์วีย์ บาร์นส์ พระเอกตัวจริงของสาลิกาดง
ตำแหน่ง Player of the Match แบบไม่มีใครแย่งได้คือ ฮาร์วีย์ บาร์นส์ ปีกซ้ายความเร็วจัดของนิวคาสเซิ่ล ที่โชว์ฟอร์มระดับมาสเตอร์คลาสในเกมนี้ ไม่ใช่แค่ทำคนเดียวสองประตูเปลี่ยนเกม แต่ยังเป็นตัวเปิดพื้นที่ให้เพื่อนตลอดทั้งแมตช์ วิ่งไล่เพรสไม่หยุดในจังหวะที่ทีมเสียบอล และฉีกแนวรับซิตี้จน กวาร์ดิโอลา ถึงกับต้องสลับตัวปรับฝั่งรับ
คะแนนประเมินจากสถิติโดยรวมที่ราว 8.8 บ่งบอกทุกอย่าง บาร์นส์มีทั้งจังหวะเลี้ยงกินตัว, ลากตัดเข้าในหาช่องยิง และคอมโบกับ บรูโน่ กิมาไรส์ ที่คอยแทงทะลุช่องให้ วิถีการเล่นของเขาคือความแตกต่างระหว่างการแบ่งแต้มกับการคว้าชัยชนะเต็มๆ ให้กองเชียร์สาลิกาดงได้เฮกันทั้งสนาม
📊 สถานการณ์ในตารางคะแนนพรีเมียร์ลีกหลังจบเกม
หลังจบเกมนี้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยังรั้งอันดับ 3 ของตารางพรีเมียร์ลีก มี 22 คะแนนจาก 12 นัด สถิติชนะ 7 เสมอ 1 แพ้ 4 ยิงได้ 24 เสีย 10 แม้ยังอยู่หัวตารางแต่ความพลาดแพ้เกมใหญ่แบบนี้ทำให้ช่องว่างกับจ่าฝูงอย่าง อาร์เซน่อล ที่มี 26 แต้ม เริ่มน่าเป็นห่วง และยังถูกทีมอย่าง เชลซี ที่มี 23 แต้ม หายใจรดต้นคออยู่ตลอด
ด้าน นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ขยับหนีโซนล่างขึ้นมารั้งอันดับ 14 มี 15 คะแนนจาก 12 นัด ผลงานชนะ 4 เสมอ 3 แพ้ 5 ลูกได้ 13 เสีย 15 แม้ยังอยู่ครึ่งล่างของตาราง แต่สามแต้มเหนือทีมลุ้นแชมป์อย่างซิตี้คือการส่งสัญญาณชัดเจนว่าพวกเขายังมีศักยภาพพอจะไต่ขึ้นสู่กลางตารางบน หากรักษาความดุดันในบ้านแบบนี้ต่อไป
📅 ตารางบอลพรีเมียร์ลีก นัดถัดไปของทั้งสองทีม
เมื่อมองไปข้างหน้าใน ตารางบอล พรีเมียร์ลีก โปรแกรมของทั้งสองทีมยังหินไม่แพ้กันและอาจเป็นจุดชี้ชะตาช่วงโค้งสำคัญของซีซั่น
ฝั่ง นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด มีโปรแกรมกลางสัปดาห์ไปเยือน โอลิมปิก มาร์กเซย ในศึกยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ก่อนจะกลับมาเล่นเกมลีกนัดถัดไปบุกเยือน เอฟเวอร์ตัน วันที่ 30 พฤศจิกายน เวลา 00.30 น. เกมนี้สำคัญมากเพราะเป็นคู่แข่งโดยตรงในโซนกลางตาราง หากเก็บชัยได้อีกแต้มจะไต่อันดับขึ้นมาทันที
ด้าน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ต้องเปิดบ้านรับ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ในถ้วยยุโรป จากนั้นในลีกจะเล่นในถิ่นตัวเองพบกับ ลีดส์ ยูไนเต็ด วันที่ 29 พฤศจิกายน เวลา 22.00 น. ซึ่งแฟนเรือใบคงคาดหวังว่าทีมรักจะคืนฟอร์มเก็บชัยให้ได้ เพื่อไม่ให้ช่องว่างกับท็อปของตารางยืดออกไปมากกว่านี้ ทุกสายตายังจับจ้องไปที่ โปรแกรมบอล ช่วงโค้งปลายปีของซิตี้ว่าจะเร่งเครื่องกลับมาล่าแชมป์ได้หรือไม่
📺 ติดตาม บ้านผลบอล และข่าวบอลมันส์ ๆ ได้ที่ บ้านกีฬา
คอบอลที่อยากตามเกาะติดทุกจังหวะเดือดแบบนี้ ไม่ว่าจะเป็นสกอร์สด รายชื่อนักเตะ หรือฟอร์มการเล่นรายนัด อย่าลืมติดตาม บ้านผลบอล ผ่านการรายงานของ บ้านกีฬา เรามีทั้งอัปเดต ผลบอลสด, สรุปหลังเกม, วิเคราะห์ก่อนแข่ง และอัปเดตข่าวร้อนวงการลูกหนังจากทุกลีกดังให้คุณไม่พลาดทุกความเคลื่อนไหว แค่เปิดหน้าจอมาก็เหมือนมีเพื่อนสายฟุตบอลนั่งเล่าเกมให้ฟังอยู่ข้างๆ
