ภาคใต้โหมมรสุม 8 จังหวัดอ่วม น้ำท่วมกินพื้นที่กว้าง
วิกฤต น้ำท่วมหาดใหญ่ และหลายจังหวัดภาคใต้ครั้งนี้ ไม่ใช่แค่ฝนตกแรง ๆ วันสองวันแล้วจบ แต่เป็นผลพวงจาก มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ ที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ มีกำลังค่อนข้างแรง ประกอบกับหย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณภาคใต้ตอนล่าง ทำให้ฝนเทลงมาแบบไม่ลืมหูลืมตาอย่างต่อเนื่องหลายวัน
ข้อมูลล่าสุดจาก กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ณ วันที่ 21 พฤศจิกายน 2568 เวลา 06.00 น. ระบุว่า ขณะนี้มีสถานการณ์อุทกภัยจากฝนตกหนักในพื้นที่ภาคใต้รวม 8 จังหวัด ได้แก่
ประจวบคีรีขันธ์, ชุมพร, สุราษฎร์ธานี, นครศรีธรรมราช, ตรัง, พัทลุง, สตูล และ สงขลา
ตัวเลขความเสียหายเบื้องต้น
- พื้นที่ได้รับผลกระทบ 48 อำเภอ 214 ตำบล 1,295 หมู่บ้าน
- ประชาชนได้รับผลกระทบ 124,003 ครัวเรือน รวมกว่า 359,428 คน
- ยังไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต แต่ความเสียหายต่อบ้านเรือน ทรัพย์สิน และการดำเนินชีวิตประจำวันหนักหนาสาหัส
ขณะเดียวกัน ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ยังมีน้ำป่าไหลหลากและน้ำล้นตลิ่งต่อเนื่องใน 12 จังหวัด เช่น พิษณุโลก นครสวรรค์ สิงห์บุรี พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี นนทบุรี อุบลราชธานี ฯลฯ รวม 53 อำเภอ 444 ตำบล 2,882 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบอีกกว่า 134,210 ครัวเรือน รวม 467,377 คน
นี่ไม่ใช่แค่น้ำท่วมธรรมดา แต่คือ “ภาพรวมของวิกฤตอุทกภัยทั้งประเทศ” ที่ภาคใต้โดนแรงที่สุด และหาดใหญ่กลายเป็นจุดโฟกัสของทั้งประเทศในชั่วข้ามคืน

ปภ.ระดมเครื่องจักรเต็มสูบ 338 รายการ ลงใต้ช่วยระบายน้ำ
เมื่อสถานการณ์เริ่มบานปลาย ปภ. ไม่ได้นั่งดูเฉย ๆ แต่สั่งการให้ ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต ต่าง ๆ ในภาคใต้ ระดม เครื่องจักรกลสาธารณภัย ลงพื้นที่โดยด่วน เพื่อเสริมกำลังจังหวัดต่าง ๆ ในการสูบระบายน้ำและช่วยเหลือประชาชน
ข้อมูล ณ เวลา 21.00 น. วันที่ 20 พฤศจิกายน 2568
- มีการกระจายกำลังเครื่องจักรกลสาธารณภัยรวม 338 รายการ
- เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ปฏิบัติงานรวม 159 คน
- ระดมจากศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต จำนวน 11 แห่ง เพื่อเร่งช่วยเหลือพื้นที่ประสบภัยในภาคใต้
แนวทางของ ปภ. คือ “ดึงกำลังจากเขตที่ไม่มีสถานการณ์ภัย” ไปเสริมเขตที่กำลังวิกฤต ทำให้การบริหารทรัพยากรมีประสิทธิภาพมากขึ้น เคลื่อนกำลังได้เร็ว ลดเวลารอคอยของชาวบ้านที่กำลังจมน้ำและหมดแรงใจอยู่หน้าบ้านของตัวเอง
สงขลาจมบาดาล หาดใหญ่หัวใจเศรษฐกิจภาคใต้หยุดชะงัก
เข้าสู่วันที่ 22 พฤศจิกายน สถานการณ์ น้ำท่วมสงขลา โดยเฉพาะที่ อำเภอหาดใหญ่ เข้าขั้นวิกฤตเต็มรูปแบบ หลังฝนถล่มต่อเนื่องตลอดทั้งคืน
ตัวเลขปริมาณฝน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมาในจังหวัดสงขลา
- อำเภอนาหม่อม วัดได้สูงสุดถึง 304.5 มิลลิเมตร
- อำเภอหาดใหญ่ เองก็รับไปเต็ม ๆ ถึง 255.0 มิลลิเมตร
น้ำฝนจำนวนมหาศาลนี้ ถูกระบายลงคลองสายหลักและสายรอง ก่อนทะลักเข้าตัวเมืองหาดใหญ่ โดยเฉพาะน้ำจาก คลองสามสิบเมตร และคลองอื่น ๆ ไหลเข้าท่วมถนนทุกสายในย่านใจกลางเมือง ตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงช่วงเช้า
พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบหนัก ได้แก่
- ถนนศรีภูวนารถตัดกับถนนสามสิบเมตร
- ถนนด้านหน้าโรงพยาบาลหาดใหญ่
- บริเวณแยกกิมหยง ย่านการค้าสำคัญของเมือง
ระดับน้ำบนถนนสูงจนต้อง “แนะนำรถเล็กงดสัญจร” เพราะเสี่ยงเครื่องยนต์ดับกลางน้ำและเกิดอุบัติเหตุซ้ำเติมสถานการณ์
สำหรับคนที่ไม่เคยไปหาดใหญ่ อาจนึกภาพไม่ออกว่า พอ “เมืองทั้งเมืองกลายเป็นคลอง” การใช้ชีวิตมันยากแค่ไหน ร้านค้าปิด บ้านต้องยกของหนีน้ำทั้งคืน ถนนที่เคยเป็นเส้นเลือดเศรษฐกิจ กลับกลายเป็นแม่น้ำสายใหญ่ที่เต็มไปด้วยรถที่จอดตายและคนที่ยืนมองด้วยความกังวล

คืนระทึกตีสาม น้ำทะลักเข้าบ้านแบบไม่ทันตั้งตัว
เสียงจากชาวบ้านในพื้นที่เล่าว่า น้ำเริ่มไหลทะลักเข้าบ้านตั้งแต่เวลาประมาณ 03.00 น. หลายคนยอมรับตรงกันว่า “ตั้งตัวไม่ทัน” เพราะไม่มีสัญญาณเตือนที่ชัดเจนล่วงหน้า
ผลคือ
- ข้าวของเครื่องใช้ เครื่องใช้ไฟฟ้า เฟอร์นิเจอร์ เสียหายยกชุด
- ผู้สูงอายุและเด็กเล็กต้องถูกอุ้มลุยน้ำออกจากบ้านท่ามกลางความมืด
- บางบ้านต้องหนีน้ำขึ้นไปกองอยู่ชั้นสอง รอเจ้าหน้าที่มาช่วย
หนึ่งในพื้นที่ที่วิกฤตที่สุดคือ ซอยแจ่มแจ้ง หลังวัดควนลัง ต.ควนลัง อ.หาดใหญ่ ระดับน้ำสูงกว่า 3 เมตร จนท่วมถึงชั้นสองของบ้านเรือนหลายหลัง บางจุดสัญจรไม่ได้โดยสิ้นเชิง เทศบาลควนลังต้องออกประกาศเตือนให้งดการเดินทางและติดตามสถานการณ์แบบชิดติดขอบจอ
นี่คือ “ภาพจริง” ของคำว่าน้ำท่วม ไม่ได้มีแค่ภาพมุมสูงสวย ๆ แต่มันคือเฟอร์นิเจอร์ที่ลอยน้ำ โทรทัศน์ที่จมครึ่งเครื่อง ตู้เย็นที่กลายเป็นทุ่น และเจ้าของบ้านที่ได้แต่มองทุกอย่างที่สร้างมาทั้งชีวิตค่อย ๆ จมลงตรงหน้า

ภารกิจกลางดึก คลองหลา–คลองหอยโข่ง อพยพชาวบ้าน 24 ชีวิตหนีน้ำ
ไม่ใช่แค่ตัวเมืองหาดใหญ่ที่วิกฤต พื้นที่โดยรอบอย่าง อำเภอคลองหอยโข่ง ก็โดนน้ำทะลักไม่แพ้กัน
เวลาประมาณ 00.30 น. เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอคลองหอยโข่ง ร่วมกับ
- สมาชิกกองอาสารักษาดินแดนอำเภอคลองหอยโข่งที่ 17
- กำนัน ผู้ใหญ่บ้านตำบลคลองหลา
- ทหารกองพันพัฒนาที่ 4
ได้ระดมกำลังลงพื้นที่หมู่ที่ 2 และหมู่ที่ 3 ต.คลองหลา หลังระดับน้ำเพิ่มสูงอย่างรวดเร็ว จนไม่สามารถพักอาศัยอยู่ในบ้านได้อย่างปลอดภัย
ภารกิจเร่งด่วนมีการอพยพประชาชน 24 คน ออกจากพื้นที่เสี่ยง โดยใช้รถยนต์และอุปกรณ์ช่วยเหลือเข้าพื้นที่ลุ่มต่ำ ก่อนลำเลียงไปยังศูนย์พักพิงชั่วคราวที่ วัดเลียบ อ.คลองหอยโข่ง ซึ่งเตรียมสถานที่นอน อาหาร เครื่องดื่ม ผ้าห่ม และจุดพักผ่อนเบื้องต้น
ในห้วงเวลาแบบนี้ “ความพร้อมของศูนย์พักพิง” คือเส้นบาง ๆ ระหว่างความสิ้นหวังกับการได้เริ่มตั้งหลักใหม่ บ้านกีฬา ต้องยกเครดิตให้กับเจ้าหน้าที่ด่านหน้าและจิตอาสาที่ช่วยกันประคองสถานการณ์ไม่ให้แย่ไปกว่านี้

ทำไม “หาดใหญ่” ถึงเสี่ยงน้ำท่วมซ้ำซาก?
หลายคนถามว่า ทำไมทุกครั้งที่ฝนถล่มภาคใต้ชื่อของ หาดใหญ่ มักจะถูกหยิบมาพูดถึงก่อนใคร คำตอบไม่ได้มีแค่ “ฝนตกเยอะ” แต่เกี่ยวกับทั้งภูมิประเทศและระบบน้ำของเมืองนี้โดยตรง
- เมืองหาดใหญ่ตั้งอยู่บน “ที่ราบเชิงเขา” เป็นเหมือนแอ่งกระทะ อยู่บริเวณปลายน้ำของลุ่มน้ำ คลองอู่ตะเภา ล้อมรอบด้วยภูเขาสามด้าน ทำให้เวลาฝนตกหนักทั้งลุ่มน้ำ น้ำจากภูเขาและต้นน้ำหลายสายจะไหลมารวมกันตรงเมืองหาดใหญ่อย่างรวดเร็ว
- คลองสาขาที่มีผลต่อความเสี่ยงน้ำท่วมในเมือง เช่น คลองหวะ คลองวาด คลองแห คลองเรียน และคลองเตย ไหลผ่านกลางชุมชนเมืองหาดใหญ่ เมื่อฝนตกเกินศักยภาพการระบายน้ำ น้ำจึงเอ่อขึ้นท่วมชุมชนอย่างเลี่ยงไม่ได้
- แม้จะมีโครงการคลองระบายน้ำขนาดใหญ่ เช่น การผันน้ำจากคลองอู่ตะเภาลงทะเลสาบสงขลาโดยตรง ช่วยลดระดับน้ำในตัวเมืองได้ระดับหนึ่ง แต่เมื่อปริมาณฝนสูงผิดปกติ หรือฝนตกต่อเนื่องหลายวัน ระบบระบายน้ำก็ยังรับไม่ไหวอยู่ดี
และอย่าลืมว่า ช่วงเดือนตุลาคม–ธันวาคม คือฤดูที่ภาคใต้ตอนล่างต้องลุ้นฝนหนักเป็นประจำทุกปี จากอิทธิพลของมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ ถ้าเจอปีที่มีปรากฏการณ์อย่างลานีญาเข้ามาเสริม ปริมาณฝนจะยิ่งมีแนวโน้มมากกว่าค่าปกติอีกขั้น
ไม่แปลกที่คนหาดใหญ่จะพูดกันว่า “ฝนตกหนักทีไร ใจหายทุกที” เพราะประวัติศาสตร์เคยสอนบทเรียนมาแล้วหลายครั้ง
บาดแผลจากอดีต: น้ำท่วมหาดใหญ่ปี 2543–2553 ที่ยังฝังใจคนเมือง
วิกฤตครั้งนี้ ทำให้หลายคนย้อนนึกถึง “อุทกภัยครั้งใหญ่หาดใหญ่” ช่วงวันที่ 21–25 พฤศจิกายน 2543 และปี 2553 ที่น้ำท่วมกินเวลาหลายวัน เมืองทั้งเมืองจมบาดาล เสียหายมหาศาล ทั้งชีวิต ทรัพย์สิน และเศรษฐกิจในพื้นที่
ยุคนั้นคงไม่มีใครลืมภาพ
- ตลาดกิมหยงที่กลายเป็นคลอง
- ถนนศรีภูวนารถที่กลายเป็นแม่น้ำ
- บ้านเรือนที่ต้องใช้เรือท้องแบนแทนรถกระบะ
เหตุการณ์ในวันนี้ แม้ระบบเตือนภัยและโครงสร้างพื้นฐานจะดีขึ้น แต่ความรู้สึก “ใจเต้นแรงทุกครั้งที่ฝนเท” ยังเหมือนเดิม และยิ่งปริมาณฝนใกล้เคียงกับช่วงปลายพฤศจิกายนของปี 2543 ความกังวลในใจคนหาดใหญ่ยิ่งทวีคูณ

สัญญาณจากฟ้า: กรมอุตุฯ เตือนฝนยังไม่จบ คลื่นลมอ่าวไทยยังแรง
ขณะที่น้ำยังไม่ทันลด กรมอุตุนิยมวิทยา ก็ยังคงประกาศเตือนต่อเนื่องว่า ช่วงวันที่ 21–23 พฤศจิกายน 2568 ภาคใต้จะมีฝนตกหนักถึงหนักมาก จากอิทธิพลของ มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ ที่มีกำลังแรง พัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามันตอนบน ประกอบกับหย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณอ่าวไทยและภาคใต้ตอนล่าง ทำให้เกิดฝนฟ้าคะนองเป็นวงกว้าง
สถานการณ์คลื่นลมก็ไม่น่าไว้วางใจ
- อ่าวไทยคลื่นสูง 2–3 เมตร
- บริเวณมีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร
- ชาวเรือและเรือประมงพื้นบ้านต้องเดินเรือด้วยความระมัดระวัง
- เรือเล็กในอ่าวไทยและนอกฝั่งทะเลอันดามันควรงดออกจากฝั่งช่วงนี้
สรุปง่าย ๆ คือ “ฟ้ายังไม่เลิกเล่นงานภาคใต้” ทำให้ทุกฝ่ายต้องเฝ้าระวังกันแบบนาทีต่อนาที
คนหาดใหญ่ต้องรู้: เช็กลิสต์เอาตัวรอดเมื่อน้ำมาเร็ว–เตือนช้าหรือไม่เตือนเลย
บ้านกีฬา ขอใช้พื้นที่ตรงนี้เสริมเนื้อหาที่สำคัญกับชีวิตประจำวันของคนในพื้นที่ ถ้าคุณอยู่หาดใหญ่หรือจังหวัดเสี่ยงน้ำท่วม ควรทำสิ่งเหล่านี้ไว้ให้ชินเป็นนิสัย
- ติดตามประกาศหน่วยงานทางการเป็นหลัก
- ฟังข่าวจากกรมอุตุนิยมวิทยา ปภ. จังหวัด เทศบาล อบต. และเพจทางการในพื้นที่
- หลีกเลี่ยงการแชร์ข่าวปลอมหรือข่าวลือที่ไม่มีแหล่งอ้างอิงชัดเจน
- เตรียม “กระเป๋าฉุกเฉิน” ให้พร้อมเสมอ
- เอกสารสำคัญ (บัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน) ใส่ซองกันน้ำ
- ยาประจำตัว เสื้อผ้าชุดบางเบาไฟเบาแต่แห้งง่าย
- มือถือพร้อมพาวเวอร์แบงก์ที่ชาร์จเต็มอยู่เสมอ
- ยกปลั๊กไฟและเครื่องใช้ไฟฟ้าขึ้นที่สูงทันทีเมื่อเริ่มมีน้ำขัง
- ปิดเบรกเกอร์ในจุดที่น้ำเริ่มล้นเข้าใกล้บ้าน เพื่อลดความเสี่ยงจากไฟฟ้าช็อต
- รู้เส้นทางหนีน้ำของตัวเอง
- หากอยู่ในพื้นที่ลุ่มต่ำ ควรรู้ล่วงหน้าว่าจะไปพักพิงที่ไหน เช่น วัด โรงเรียน หรือศูนย์อพยพที่หน่วยงานรัฐกำหนด
- ดูแลกลุ่มเปราะบางเป็นพิเศษ
- ผู้สูงอายุ เด็กเล็ก คนป่วย คนท้อง ต้องถูกจัดให้อยู่ในจุดที่ปลอดภัยก่อนคนอื่นเสมอ
การเตรียมตัวอาจไม่ช่วยให้บ้านไม่ท่วม แต่ช่วยให้ “คนในบ้าน” ปลอดภัยและตั้งหลักได้ไวขึ้น

บทบาทของชุมชน: น้ำท่วมมา แต่หัวใจต้องไม่ท่วมไปด้วย
ทุกครั้งที่เกิด อุทกภัยภาคใต้ สิ่งหนึ่งที่คนไทยทั้งประเทศเห็นตรงกันคือ “น้ำใจของคนใต้ไม่เคยขาด”
- มีการเปิดครัวกลางในวัดและโรงเรียน
- คนที่บ้านไม่ท่วมช่วยแพ็กข้าวกล่องส่งให้คนที่บ้านท่วม
- ร้านอาหาร ร้านกาแฟในเมือง ตั้งโต๊ะกาแฟ–โอวัลตินฟรีให้เจ้าหน้าที่และอาสาสมัคร
ในห้วงวิกฤตแบบนี้ อาจมีดราม่าเรื่องการบริหารจัดการบ้างเป็นเรื่องปกติ แต่ในระดับพื้นที่ “เพื่อนช่วยเพื่อน บ้านช่วยบ้าน” ยังเป็นเกราะสำคัญที่ช่วยให้คนไม่รู้สึกโดดเดี่ยวกลางน้ำ
บ้านกีฬา มองว่าสิ่งที่สำคัญพอ ๆ กับเครื่องสูบน้ำและกำแพงป้องกันน้ำ คือ “ความไว้ใจกันในชุมชน” เพราะเมื่อถึงวันที่น้ำมาเร็วกว่าเสียงเตือน ความช่วยเหลือจากคนใกล้ตัว คือสายป่านเส้นแรกที่ช่วยพาคนรอด
สรุป: วิกฤตครั้งนี้คือสัญญาณเตือนให้ไทยทั้งประเทศคิดเรื่องน้ำให้จริงจังกว่าเดิม
วิกฤต น้ำท่วมหาดใหญ่ และภาคใต้รอบนี้ สะท้อนหลายเรื่องในคราวเดียว
- ภูมิประเทศ–ลุ่มน้ำ–มรสุม เป็นโจทย์ธรรมชาติที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
- โครงสร้างพื้นฐานด้านระบายน้ำช่วยได้ระดับหนึ่ง แต่ไม่ใช่คำตอบเดียว
- ระบบเตือนภัย–การสื่อสารกับประชาชน–การวางแผนหนีน้ำ ยังต้องปรับปรุงต่อเนื่อง
- และที่สำคัญที่สุดคือ “ความเข้าใจเรื่องน้ำท่วม” ต้องกลายเป็นความรู้พื้นฐานของทุกบ้าน ไม่ใช่แค่เรื่องของเจ้าหน้าที่
วันนี้เมืองใหญ่ในภาคใต้กำลังเผชิญหน้าอุทกภัย แต่ในภาพรวมของประเทศ นี่คือสัญญาณเตือนว่าประเทศไทยทั้งประเทศต้องจริงจังกับเรื่องการบริหารจัดการน้ำ การใช้ข้อมูลฝน–ลุ่มน้ำ–ภูมิอากาศ และการเตรียมรับมือภัยพิบัติอย่างเป็นระบบ

บ้านกีฬา จะยังเกาะติดสถานการณ์ ข่าวน้ำท่วมวันนี้ และความคืบหน้าของการช่วยเหลือในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง พร้อมเล่าให้คุณฟังในสไตล์ตรงไปตรงมา เข้มข้น และไม่ทิ้งหัวใจของคนตัวเล็ก ๆ ที่ต้องเผชิญวิกฤตจริงหน้าบ้านตัวเอง
ท้ายที่สุดนี้ ขอเป็นกำลังใจให้พี่น้องชาวหาดใหญ่และภาคใต้ทุกคน น้ำอาจจะท่วมเมืองได้ แต่ขออย่าให้มันท่วมใจเรา
ติดตาม ข่าวเด่น ข่าววันนี้ ได้ที่ ข่าวการค้นหาที่มาแรงบ้านกีฬา

