บาสโตนีเปิดใจโคตรตรง! วิจารณ์บอลอิตาลีแพ้ทีเหมือนโลกแตก เทียบวัฒนธรรมกีฬาแบบ NBA ที่แข็งแรงกว่าทั้งใจและสมอง

ดูบอลสด ดูบอลออนไลน์ฟรี 24 ชั่วโมง

บาสโตนีสะท้อนโลกฟุตบอลอิตาลีที่กดดันทุกลมหายใจ

อเลสซานโดร บาสโตนี กองหลังตัวเก่งของ Inter Milan ออกมาเปิดมุมมองแบบไม่มีกั๊กถึงสภาพแวดล้อมในวงการ ฟุตบอลอิตาลี ว่ามักมอง “ความพ่ายแพ้” รุนแรงเกินจริง เหมือนเป็นจุดจบของทุกอย่าง ทั้งที่ในความเป็นจริงฟุตบอลคือเกมที่ต้องแพ้ชนะสลับกันไป

แนวรับทีมชาติอิตาลีรายนี้ให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร Rivista Undici โดยยกตัวอย่างวัฒนธรรมของกีฬาอเมริกันอย่าง NBA มาเปรียบเทียบ พร้อมชี้ว่าโลกบาสเกตบอลฝั่งสหรัฐมีความสัมพันธ์กับคำว่าแพ้–ชนะที่ “สุขภาพดีกว่า” ทั้งสำหรับนักกีฬาและแฟนกีฬา เมื่อเทียบกับบรรยากาศร้อนแรงใน เซเรีย อา

ยอมรับแพ้ให้เป็น – บทเรียนจากโลก NBA

บาสโตนียอมรับแบบตรงไปตรงมาว่ามีหลายอย่างในวัฒนธรรมกีฬาอเมริกันที่เขารู้สึก “อิจฉา” โดยเฉพาะวิธีคิดเรื่องการยอมรับความพ่ายแพ้ เขาพูดเอาไว้ชัดเจนว่า

“สิ่งที่ผมอิจฉาโลกแบบนั้นมากที่สุด คือการรู้จักยอมรับความพ่ายแพ้ ในกีฬาของเรา พอแพ้ทีเหมือนโลกจะแตก แต่นักกีฬาต้องลงเล่นเยอะ มันเป็นเรื่องธรรมดาที่จะมีวันที่ไม่อยู่ในฟอร์มสูงสุด คุณไม่อาจเล่นดีได้ตลอดเวลาเสมอไป และคุณจะมีโอกาสครั้งใหม่ให้พิสูจน์คุณค่าเสมอ”

มุมมองนี้สะท้อนให้เห็นว่าในสายตาของบาสโตนี การแข่งขันที่แน่นตารางในระดับท็อปห้ามคิดแบบเกมเดียวตัดสินทุกอย่าง นักเตะต้องรู้ว่าฟอร์มขึ้น–ลงได้ และควรให้ความสำคัญกับการกลับมาแก้ตัวมากกว่าการจมอยู่กับความผิดหวัง

นักกีฬาอเมริกันเปิดปากได้เต็มที่ – ไม่ต้องกลัวโดนถล่มเหมือนยุโรป

อีกจุดหนึ่งที่บาสโตนียกย่องคือนักกีฬาในสหรัฐ โดยเฉพาะในลีกใหญ่ๆ สามารถ “เป็นตัวของตัวเอง” ได้มากกว่า เวลาพูดหรือแสดงออกต่อสาธารณะ เขาเล่าว่า

“ที่นั่นพวกเขาแสดงออกอย่างอิสระได้ โดยไม่ถูกโจมตีหรือถูกตัดสินง่ายๆ ในสหรัฐพวกเขาไปไกลกว่าเราเยอะ เรื่องพวกนี้ไม่ใช่สิ่งที่ถ่วงผมไว้ ผมต้องอยู่กับมันให้ได้ เพราะผมเป็นคนเลือกเดินในโลกนี้เอง”

คำพูดชุดนี้สะท้อนชัดว่า บาสโตนีไม่ได้หนีแรงกดดัน แต่กำลังวิจารณ์โครงสร้างวัฒนธรรมของวงการฟุตบอลยุโรปที่มักมาพร้อมสื่อดุ แฟนบอลเดือด และการตัดสินนักเตะจากคำพูดแค่ไม่กี่ประโยค หรือผลการแข่งขันเพียงนัดเดียว

ความทรงจำขมๆ นัดชิง UCL กับ PSG – วันที่อินเตอร์โดนเล่นเร็วเป็นสองเท่า

Rivista Undici ยังเผยอีกช่วงของบทสัมภาษณ์ที่แฟนบอลพูดถึงกันมากคือ ตอนที่บาสโตนีย้อนเล่าคืนรอบชิง ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ที่ อินเตอร์ แพ้ให้กับ PSG ซึ่งเป็นเกมใหญ่ที่ทั้งโลกจับตามอง

เขายอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่า

“มันเป็นเรื่องที่แปลกมาก เราเพิ่งผ่านรอบรองชนะเลิศที่น่าจะถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์แชมเปียนส์ลีกมา แต่ในรอบชิง PSG เล่นด้วยสปีดที่เร็วกว่าพวกเราสองเท่า อธิบายยากเหมือนกัน เหมือนกับว่าเราไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าพวกเขาแข็งแกร่งแค่ไหน”

นี่คือการวิเคราะห์ที่ซื่อตรงและเจ็บปวดในเวลาเดียวกัน บาสโตนีไม่ได้โทษโชค ไม่โทษกรรมการ แต่ยอมรับว่าทีมของตัวเองโดนความเร็วและคุณภาพของ PSG เล่นงานเต็มๆ และอาจประเมินคู่แข่งต่ำกว่าความจริงในเกมที่สำคัญที่สุดของฤดูกาล

สองชิงในสามปี – บาดแผลที่แปรเป็นความภูมิใจของงูใหญ่

แม้จะเจ็บปวดกับผลการแข่งขัน แต่บาสโตนีย้ำชัดว่าภายในทีมยังเต็มไปด้วยความภูมิใจ เพราะการไปถึงรอบชิงถ้วยใหญ่ยุโรปได้ถึงสองครั้งในช่วงสามปี ไม่ใช่เรื่องที่ทีมไหนก็ทำได้ง่ายๆ เขาบอกไว้ว่า

“เราเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศได้สองครั้งในรอบสามปี ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องง่าย แน่นอนว่าเราอยากชนะทั้งสองครั้ง แต่ประสบการณ์เหล่านี้จะติดตัวพวกเราไปตลอด”

สำหรับสายตาแฟนบอล จุดนี้คือการยอมรับความจริงแบบผู้ใหญ่ในเกมกีฬา – ชนะคือเกียรติยศ แพ้คือประสบการณ์ แต่ทั้งสองอย่างล้วนหลอมทีมให้แข็งแรงขึ้น หากทุกคนเรียนรู้จากมันจริงๆ

ทัศนคติแพ้–ชนะที่วงการลูกหนังควรคิดใหม่

คำพูดของบาสโตนีไม่ได้สะท้อนแค่ปัญหาภายในวงการฟุตบอลอิตาลีเท่านั้น แต่ยังเป็นกระจกสะท้อนถึงวัฒนธรรมแฟนบอลทั่วโลก รวมถึงแฟนบอลชาวไทยด้วย หลายครั้งเราเห็นบรรยากาศหลังเกมที่เต็มไปด้วยอารมณ์สุดโต่ง แพ้ทีคือโค้ชต้องลาออก นักเตะโดนด่าจนเละในโซเชียล

แต่สำหรับกีฬาอาชีพในยุคที่ลงแข่งขันกันถี่แทบทุกสามวัน นักเตะต้องวิ่งสลับรายการทั้งลีกและถ้วย การหวังให้ทีมรักฟอร์มเทพทุกนัดไม่มีตกคงเป็นเรื่องไกลจากความจริงไปหน่อย สิ่งสำคัญคือการดูว่า “ทีมตอบสนองยังไงหลังความพ่ายแพ้” มากกว่าจะเอาเกมเดียวมาตัดสินทุกอย่าง

แนวคิดแบบที่ใช้กันใน NBA – แพ้ได้ แต่อย่าพัง และต้องลุกกลับมาให้เร็ว – กำลังเริ่มถูกพูดถึงในโลกฟุตบอลมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นด้านการจัดการสภาพจิตใจนักเตะ การวางแผนระยะยาวของสโมสร หรือแม้แต่การเล่าเรื่องของสื่อกีฬา ที่ต้องเริ่มบาลานซ์ระหว่างความดุเดือดกับความเข้าใจในความเป็นมนุษย์ของนักกีฬา

บทเรียนสำคัญสำหรับแฟนบอลไทยจากคำพูดของบาสโตนี

สำหรับแฟนบอลชาวไทย คำให้สัมภาษณ์ของบาสโตนีคือสัญญาณชัดเจนว่า นักเตะยุคใหม่ต้องการบรรยากาศที่ “โตขึ้น” ทั้งจากสโมสร สื่อ และแฟนบอล ถ้าเราอยากเห็นทีมรักไปได้ไกลในเวทีใหญ่ๆ ก็ต้องยอมรับว่าเส้นทางสู่ความสำเร็จไม่มีทางโรยด้วยชัยชนะตลอดทาง

การวิจารณ์อย่างมีเหตุผลยังจำเป็น แต่การด่าแบบเอามันส์ หรือกดดันจนทุกความผิดพลาดกลายเป็นโศกนาฏกรรม อาจทำร้ายทั้งนักเตะและบรรยากาศของทีมโดยไม่รู้ตัว และสุดท้ายก็ย้อนกลับมาทำให้แฟนบอลเองหมดสนุกกับการดูบอล

ถ้าแฟนบอลมองฟุตบอลในมุมที่ยาวขึ้น เข้าใจว่าความพ่ายแพ้ก็เป็นหนึ่งในอิฐก้อนสำคัญที่ช่วยสร้างทีมในอนาคต เราอาจสนุกกับการเชียร์บอลมากขึ้น และเห็นคุณค่าของทั้งชัยชนะและความผิดหวังในแบบที่ “แฟนกีฬาโตๆ” ควรเป็น

เกาะทุกมุมคิดจากโลกฟุตบอลยุคใหม่ไปพร้อม บ้านกีฬา

เรื่องราวของ อเลสซานโดร บาสโตนี คืออีกหนึ่งเสียงจากคนในสนามที่กล้าพูดเรื่อง “ด้านใน” ของฟุตบอลให้โลกภายนอกฟัง ทั้งเรื่องแรงกดดัน วัฒนธรรมการแพ้–ชนะ และความคาดหวังที่ถาโถมใส่นักเตะระดับท็อปในทุกสัปดาห์

ใครที่อยากติดตามมุมมองลึกๆ แบบนี้จากนักเตะและโค้ชระดับโลก รวมถึงข่าวบอลต่างประเทศเข้มข้น สายวิเคราะห์ สายจิตวิทยาเกมกีฬา และเรื่องราวนอกสนามที่แฟนบอลควรรู้ ติดตามได้ที่ ข่าวกีฬาฟุตบอลบ้านกีฬา เราพร้อมพาแฟนบอลไทยเกาะทุกประเด็นร้อนของโลกฟุตบอลแบบอ่านแล้วมันส์ คม และได้อะไรกลับไปมากกว่าแค่ผลสกอร์

ตรวจหวย 24 ชั่วโมง หวยลาว หวยฮานอย

แอดไลน์ @Bankeela รับลิ้งดูบอล ทีเด็ด วิเคราะห์บอลจากทางบ้านกีฬา