แมนยูฟอร์มดีขึ้นจริง…แต่ยังไม่ใช่ทีมระดับท็อปที่ชนะได้ทุกเกม
รูเบน อโมริม เฮดโค้ชของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ออกมายอมรับแบบตรงไปตรงมาว่า ฟอร์มของ “ปีศาจแดง” ที่กำลังดีวันดีคืน ยัง ห่างไกลจากคำว่า “สมบูรณ์แบบ” อยู่มาก แม้หลายคนจะเริ่มชื่นชมการเปลี่ยนแปลงของทีมในช่วงเดือนที่ผ่านมาแล้วก็ตาม
แมนยูภายใต้การนำของอโมริมเริ่มกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง โดยก่อนเข้าสู่ช่วงพักเบรกทีมชาติเดือนพฤศจิกายน พวกเขาโชว์ฟอร์ม ไร้พ่ายในพรีเมียร์ลีก 5 นัดติด รวมถึงเกมระดับไฮไลต์อย่างการบุกชนะ ลิเวอร์พูล ถึงแอนฟิลด์ และช่วงท้ายเกมยังฮึดไล่ตีเสมอ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ และ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ได้อย่างสุดมันส์
แต่ถึงฟอร์มจะดีขึ้น อโมริมก็ย้ำชัดว่า แมนยูยังอยู่ห่างจากจุดที่เขาต้องการแบบหลายขุม
อโมริมตอบโต้เสียงวิจารณ์ระบบ 3-4-3 แบบถึงใจ
แม้ระบบ 3-4-3 ของอโมริมจะเริ่มทำให้แมนยูมีความหลากหลายในเกมรุก แต่เสียงวิจารณ์ก็ยังตามมาไม่หยุด โดยเฉพาะแฟนบอลบางส่วนที่มองว่าระบบนี้ยังไม่แน่นพอในเกมรับ
อโมริมไม่ปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปง่าย ๆ เขาตอกกลับแบบชัดเจนว่า ปัญหาไม่ได้มาจากระบบ แต่เป็นเรื่อง “ความเข้มข้นในการเล่น” ของทีมต่างหากที่ยังไม่ถึงมาตรฐานพรีเมียร์ลีก
ต้นฉบับระบุคำพูด ซึ่งไม่ต้องรีไรท์ ดังนั้นใช้ตามนี้:
“เรากำลังเล่นได้ดีขึ้นเรื่อยๆ แต่เรายังสามารถเล่นได้ดีกว่านี้ เพราะเรามีความมั่นใจมากขึ้น และเริ่มต้นเก็บผลการแข่งขันได้ดีอย่างต่อเนื่อง ยกตัวอย่างในเกมพบกับ ลิเวอร์พูล”
“เรากำลังพัฒนาขึ้นก็จริง แต่ผมอยากบอกความรู้สึกของตัวเองให้ฟังว่าตอนที่เราจบเกมกับ ท็อตแน่ม และผมกลับไปที่แคร์ริงตัน ผมดูเกมย้อนหลังอีกครั้ง และความรู้สึกของผมคือความหงุดหงิด เพราะเรายังห่างไกลจากความสมบูรณ์แบบมาก”
อโมริมยังย้ำชัดว่า:
“เรายังห่างไกลจากการเป็นทีมที่สามารถชนะได้ทุกเกม ดังนั้นผมคิดว่ายังมีงานให้เราต้องทำอีกมาก แต่ผมก็รู้สึก อืมม ผมพูดแบบนี้มาหลายเดือนแล้วว่าแผนการเล่นไม่ใช่ปัญหา”
“ระบบการเล่นเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของบางสิ่ง จากนั้นก็คือเรื่องของจังหวะการเล่น, ความมั่นใจ, แนวทางที่เราเล่น และความสามารถในการแข่งขันของเรา ถ้าคุณได้ดูเกมที่เรามีปัญหาในฤดูกาลนี้”
และบทสรุปที่เดือดที่สุดคือ:
“สำหรับผมมันไม่เกี่ยวกับระบบ มันเป็นเรื่องที่เราขาดความเข้นข้นในการเล่น เราต้องเล่นให้สมบูรณ์แบบในลีกนี้ ถ้าต้องการชนะให้มากที่สุด”
ทำไมระบบ 3-4-3 ถึงถูกวิจารณ์ง่าย แต่ไม่มีใครกล้าปฏิเสธประโยชน์?
การใช้ระบบ 3-4-3 ในพรีเมียร์ลีกเป็นเรื่องท้าทาย เพราะต้องการวินัยทั้งเกมรุก–รับแบบสูงมาก โดยเฉพาะตำแหน่งวิงแบ็กที่ต้อง “ทำงานสองหน้า” ตลอด 90 นาที
หากทีมยัง ไม่เข้าที่ ไม่ฟิตจริง หรือความเข้มข้นไม่ถึงระดับ ระบบนี้จะแสดงจุดอ่อนได้ชัดเจน ทั้งช่องว่างริมเส้น การเติมเกมช้า และความผิดพลาดจากการยืนตำแหน่ง
นั่นทำให้คำอธิบายของอโมริมดูสมเหตุสมผล เพราะระบบไม่ใช่ตัวร้าย แต่ฟอร์ม ความคม และจังหวะการเล่นของผู้เล่นต่างหากที่ยังต้องปรับ
แมนยูในยุคอโมริม: จุดแข็ง จุดอ่อน และสิ่งที่ต้องพัฒนา
แม้แมนยูจะกำลังกลับมาดูดีขึ้นเรื่อย ๆ แต่จุดที่อโมริมพูดถึงนั้นชัดเจน คือ ทีมยังไม่เป็นผู้ล่าคะแนนแบบทีมลุ้นแชมป์แท้จริง
สิ่งที่แฟนบอลจะเห็นคือ:
- เกมรุกเริ่มมีความหลากหลายมากขึ้น
- ผู้เล่นหลายคนกำลังเรียกความมั่นใจกลับมา
- ระบบ 3-4-3 ช่วยสร้างความคล่องตัวให้แดนกลาง
- แต่เกมรับยังต้องปรับเรื่องการยืนตำแหน่งและความดุดัน
เมื่อทีมยังขาด “สมดุลในระดับสูงสุด” ก็ยังไปไม่ถึงจุดที่สามารถชนะได้ทุกเกมอย่างที่อโมริมต้องการ
พรีเมียร์ลีกไม่รอใคร: ถ้าไม่เข้มข้นพอ ก็หลุดท็อปโฟรง่ายมาก
พรีเมียร์ลีกขึ้นชื่อเรื่องความเร็ว ความดุดัน และการเพรสซิ่งที่ไม่ปล่อยให้ผู้เล่นมีพื้นที่แม้แต่นิดเดียว นั่นทำให้คำว่า “ความเข้มข้นในการเล่น” ที่อโมริมพูดถึงนั้นจริงยิ่งกว่าจริง เพราะทีมที่ไม่พร้อมทางด้านนี้จะโดนคู่แข่งลงโทษแบบไม่ปราณี
ในสภาพการแข่งขันที่ระดับสูงขนาดนี้ การพัฒนาแบบก้าวต่อก้าวอย่างที่อโมริมทำกับแมนยู จึงเป็นจุดสำคัญที่แฟนบอลต้องให้เวลา
ข่าวแมนยู–พรีเมียร์ลีก การวิเคราะห์แท็กติก และบทสัมภาษณ์จัดเต็ม ติดตามได้ที่ บ้านกีฬา
ทุกความเคลื่อนไหวของปีศาจแดง ข่าวลึก ข่าวจริง บทวิเคราะห์จากมุมมองฟุตบอลยุคใหม่ ติดตามทั้งหมดได้ที่ ข่าวกีฬาฟุตบอลบ้านกีฬา
