
จาก : ผลบอลสด ฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก โซนยุโรป ระหว่าง อิตาลี 1-4 นอร์เวย์ วันนี้ 17/11/68 – บ้านกีฬา
เกมรอบคัดเลือก ฟุตบอลโลก 2026 โซนยุโรป กลุ่ม I ที่อิตาลีลงเล่นในบ้านเจอกับนอร์เวย์ กลายเป็นค่ำคืนที่สาวกอัซซูรี่ต้องจำไปอีกนาน ทั้งที่เปิดหัวมาดีขึ้นนำเร็ว แต่สุดท้ายโดนไวกิ้งนอร์สพลิกกลับมาถล่ม 4-1 แบบหมดท่า สกอร์จาก ฟรานเชสโก ไพโอ เอสโปซิโต ในนาที 11 ถูกลบเลือนด้วยประสิทธิภาพในการยิงของ เออร์ลิง ฮาแลนด์ ที่ซัดสองเม็ด พร้อม อันโตนิโอ นูซ่า กับ เยอร์เกน สแตรนด์ ลาร์เซน คนละลูก ทำให้นอร์เวย์เก็บสามแต้มเต็มต่อหน้าสายตาแฟนบอลทั่วโลกที่จับตาดูผ่านจอและอัปเดต ผลบอลสด กันแบบวินาทีต่อวินาที
🕒 ครึ่งแรก: อิตาลีเริ่มสวย ยิงนำเร็วแต่คมไม่พอ
เปิดเกมมาอิตาลีของเจนนาโร กัตตูโซ่ วางระบบ 3-5-2 เน้นคุมแดนกลางและใช้ความกว้างจากวิงแบ็กอย่าง ดิมาร์โก กับ ปอลิตาโน่ เพื่อเจาะริมเส้น ทัพอัซซูรี่ออกสตาร์ตได้น่ากลัว นาที 11 กองเชียร์เจ้าบ้านได้เฮทั้งสนาม เมื่อ ดิมาร์โก เติมสูงทางซ้ายก่อนเปิดบอลให้ ฟรานเชสโก พีโอ เอสโปซิโต โฉบโหม่งตุงตาข่ายขึ้นนำ 1-0
หลังจากนั้นอิตาลีครองบอลมากกว่านิดหน่อย พยายามต่อบอลสั้นจาก โลคาเตลลี่, บาเรลล่า และ ฟรัตเตซี เพื่อหาช่องส่องเพิ่ม แต่จังหวะสุดท้ายยังไม่เฉียบพอ ขณะที่นอร์เวย์ของ สตาเล่ โซลบักเค่น ตั้งรับในระบบ 4-5-1 ถอยบล็อกกลางต่ำ รอจังหวะสวนกลับใช้สปีดของ นูซ่า และ เซอร์ลอธ เล่นงานแนวรับอิตาลี
ท้ายครึ่งแรกมีจังหวะดุดันหลายครั้ง เกมเริ่มมีฟาวล์หนัก ๆ และในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ 45+2 นิโคโล บาเรลล่า โดนใบเหลืองจากการเข้าสกัดช้า ทำให้จบ 45 นาทีแรกอิตาลีนำ 1-0 แต่รูปเกมยังเปิดกว้าง
🔥 ครึ่งหลัง: ฮาแลนด์ปลดล็อก นอร์เวย์รันเครื่องถล่ม 4 เม็ด
ครึ่งหลังเกมเปลี่ยนหน้า นอร์เวย์ขยับระดับความดุดันขึ้นมาอย่างชัดเจน เร่งเพรสซิ่งสูงตั้งแต่แดนบน กดดันให้กองหลังอิตาลีจ่ายบอลพลาด นาที 63 ความพยายามทีมเยือนเป็นผล อันโตนิโอ นูซ่า ลากแหวกทางซ้ายก่อนเปิดให้ อเล็กซานเดอร์ เซอร์ลอธ ยิงตีเสมอ 1-1 เป็นสัญญาณชัดว่าจังหวะเกมกำลังไหลไปทางไวกิ้ง
โซลบักเค่นไม่รอช้า ส่ง มอร์ตัน ธอร์สบี้ ลงมาแทน พาทริก เบิร์ก นาที 64 เพื่อเสริมพลังกลางสนาม ขณะที่กัตตูโซ่ตอบโต้ด้วยการถอด ฟรัตเตซี ออกให้ ไบรอัน คริสตันเต ลงมาช่วยเบรกเกม แต่แทนที่เกมจะนิ่ง อิตาลีกลับรนจนเสียใบเหลืองทั้ง บาสโตนี่ และ เอสโปซิโต จากจังหวะโวยผู้ตัดสิน
จุดเปลี่ยนสำคัญมาถึงนาที 78 เมื่อ ออสการ์ บ็อบ ลงมาแทน เซอร์ลอธ แล้วใช้ความสดหลุดขึ้นทางขวาก่อนหักเข้ากลางให้ เออร์ลิง ฮาแลนด์ กดเรียดไม่เหลือ นอร์เวย์แซง 2-1 จากนั้นนาที 79 ธอร์สบี้วางบอลยาวเข้าเขตโทษ ฮาแลนด์สปีดหนีตัวประกบยิงสวนตัว ดอนนารุมม่า กลายเป็น 3-1 ในเวลาแค่สองนาที ทำเอาแนวรับเจ้าบ้านแตกกระจุย
กัตตูโซ่พยายามแก้เกมด้วยการส่ง สคามัคก้า กับ ซักคัญญี่ ลงมาเสริมแนวรุก แต่ก็ไม่สามารถทะลวงแนวรับนอร์เวย์ที่รัดกุมและมั่นใจสุด ๆ ช่วงท้ายเกมนอร์เวย์ยังเปลี่ยนตัวเพิ่ม ส่ง ลีโอ ออสติกอร์ด กับ เยอร์เกน สแตรนด์ ลาร์เซน ลงมาปิดงาน และในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ 90+3 ธอร์สบี้ฉีกไปรับบอลด้านขวาก่อนเปิดโค้งให้ ลาร์เซน โขกเสียบเสา กลายเป็นประตูปิดกล่อง 4-1 พร้อมใบเหลืองติดตัวจากการดีใจเกินเบอร์
สิ้นเสียงนกหวีดสุดท้าย อิตาลีแพ้คาบ้านแบบหมดรูป ขณะที่นอร์เวย์ฉลองชัยพร้อมยึดจ่าฝูงกลุ่ม I อย่างสง่าผ่าเผย

👥 รายชื่อนักเตะตัวจริง, ผู้เล่นโดดเด่น และการเปลี่ยนตัว
🇮🇹 อิตาลี – ระบบ 3-5-2 (เรตติ้งเฉลี่ย 6.55)
ผู้รักษาประตู
- จานลุยจิ ดอนนารุมม่า (กัปตัน) – เรตติ้ง 5.9 เซฟไม่ได้มาก เกมนี้ต้อง拾บอลจากก้นตาข่ายถึง 4 ครั้ง
กองหลังสามคน
- อเลสซานโดร บาสโตนี่ – 6.3 เจองานหนักกับสปีดแนวรุกนอร์เวย์ และโดนใบเหลืองนาที 67
- จานลูก้า มันชินี่ – 6.2 คุมพื้นที่กลางหลัง แต่ตามการเคลื่อนที่ของฮาแลนด์ไม่ทันในหลายจังหวะ
- โจวานนี ดิ ลอเรนโซ – 6.2 ถูกดันมายืนเซ็นเตอร์ขวา มีจังหวะสกัดสำคัญบ้างแต่ภาพรวมยังแกว่ง
กองกลางและวิงแบ็ก
- เฟเดริโก ดิมาร์โก – 7.7 วิงซ้ายเด่นสุดในทีม ทำแอสซิสต์ให้ประตูขึ้นนำ และเติมเกมรุกตลอด
- มัตเตโอ ปอลิตาโน่ – 6.7 ทางขวาพยายามครอสหลายครั้งแต่ไม่แม่นพอ
- นิโคโล บาเรลล่า – 6.6 เชื่อมเกมแดนกลางแต่มีจังหวะหงุดหงิดจนโดนใบเหลืองท้ายครึ่งแรก
- มานูเอล โลคาเตลลี่ – 7.2 จ่ายบอลนิ่งสุดในแผงกลาง แต่โดนถอดตอนตามหลังเพื่อเพิ่มกองหน้า
- ดาวิเด ฟรัตเตซี – 6.4 เติมขึ้นไปช่วยเพรสสูง แต่หายไปจากเกมเมื่อคู่แข่งเร่งจังหวะ
กองหน้า
- ฟรานเชสโก พีโอ เอสโปซิโต – 7.3 ยิงประตูขึ้นนำให้ทีม และสร้างปัญหาแนวรับนอร์เวย์ช่วงต้นเกม ก่อนจะหมดแรงและโดนเปลี่ยนออก
- มาเตโอ เรเตกุย – 6.4 เคลื่อนที่หาช่องดีแต่แทบไม่มีโอกาสยิงจัง ๆ
ตัวสำรองที่ถูกใช้งาน
- ไบรอัน คริสตันเต – 6.4 (น.68 แทน ฟรัตเตซี) ลงมาช่วยเก็บบอลกลางสนามแต่ไม่ช่วยพลิกเกม
- มัตเตีย ซักคัญญี่ – 6.2 (น.79 แทน เอสโปซิโต) พยายามลากเลื้อยทางซ้ายแต่เจอเกมรับนอร์เวย์ปิดตาย
- จานลูก้า สคามัคก้า – 6.5 (น.79 แทน โลคาเตลลี่) ได้โอกาสลุ้นลูกกลางอากาศแต่ไม่มีบอลดี ๆ เข้ามา
- อเลสซานโดร บวนญอร์โน่ – 6.4 (น.86 แทน บาเรลล่า) ขยับมายืนหลังเพิ่มคนกันลูกกลางอากาศแต่ก็ไม่ทัน
- ซามูเอเล ริชชี่ – 6.4 (น.86 แทน บาสโตนี่) ลงมาคุมโซนกลางแต่เกมรุกนอร์เวย์เบรกไม่อยู่แล้ว
ตัวสำรองไม่ได้ใช้งาน
มาร์โก คาร์เนเซคคี, กุยเยลโม วิคาริโอ, มัตเตโอ กับเบีย, อันเดรีย คัมเบียโซ, ราอูล เบลลาโนว่า, ริคคาร์โด ออร์โซลินี่, จาโคโม่ ราสปาโดรี่
ผู้เล่นบาดเจ็บ/หมดสิทธิ์ลงสนาม
มอยเซ่ คีน, ริคคาร์โด คาลาฟิออรี
🇳🇴 นอร์เวย์ – ระบบ 4-5-1 (เรตติ้งเฉลี่ย 7.19)
ผู้รักษาประตู
- Øรยัน นีลันด์ – 7.3 เซฟสำคัญหลายครั้งในครึ่งแรก ช่วยให้ทีมไม่โดนทิ้งห่าง
กองหลังสี่คน
- เดวิด ม. วูล์ฟ – 6.6 แบ็กซ้ายคอยรับมือปอลิตาโน่ ก่อนโดนเปลี่ยนออกปลายเกม
- คริสโตเฟอร์ เอเยอร์ – 6.7 คุมแนวรับต่อกรกับเรเตกุยและสคามัคก้าได้ดี
- ทอร์เกียร์ เฮกเกม – 6.9 ยืนเซ็นเตอร์อีกคน เล่นง่ายแต่มีประสิทธิภาพ
- ยูเลียน ไรเออร์สัน – 6.6 แบ็กขวาที่เติมเกมได้เรื่อย ๆ แม้จะไม่หวือหวา
กองกลางและตัวรุกริมเส้น
- พาทริก เบิร์ก – 6.7 รับบทโฮลด์ดิ้งมิดฟิลด์ ตัดเกมและเชื่อมบอลก่อนถูกถอดน.64
- แซนเดอร์ แบร์เก – 6.9 ขับเคลื่อนบอลจากกลางสนามสู่แดนหน้าได้ดี
- คริสเตียน ธอร์สท์เวดท์ – 6.9 คอยสอดขึ้นมายิง แต่โดนเปลี่ยนออกช่วงท้ายครึ่งหลัง
- อันโตนิโอ นูซ่า – 8.3 ปีกซ้ายจอมเลื้อย ทำแอสซิสต์ให้เซอร์ลอธตีเสมอ โดดเด่นตลอดเกม
- อเล็กซานเดอร์ เซอร์ลอธ – 6.9 เริ่มเกมยืนตัวรุกด้านขวา คอยขยับเข้าในเป็นคู่ช่วยฮาแลนด์ และยิงประตูสำคัญ 1-1
กองหน้า
- เออร์ลิง ฮาแลนด์ (กัปตัน) – 8.6 เหมาสองประตู พาทีมแซงนำและพลิกเกมอย่างแท้จริง
ตัวสำรองที่ถูกใช้งาน
- มอร์ตัน ธอร์สบี้ – 7.9 (น.64 แทน เบิร์ก) ลงมาทวงจังหวะกลางสนาม แถมทำ 2 แอสซิสต์ให้ ฮาแลนด์ และ ลาร์เซน
- เทโล แอาสการ์ด – 6.6 (น.75 แทน ธอร์สท์เวดท์) ช่วยไล่บีบเพรสและเชื่อมเกมริมเส้น
- ออสการ์ บ็อบ – 7.2 (น.76 แทน เซอร์ลอธ) เติมความสดทางขวา ทำแอสซิสต์ให้ฮาแลนด์ประตู 2-1
- ลีโอ ออสติกอร์ด – เรตประมาณ 7+ (น.89 แทน วูล์ฟ) เสริมเกมรับช่วงท้ายคุมพื้นที่กลางอากาศ
- เยอร์เกน สแตรนด์ ลาร์เซน – 7.7 (น.89 แทน ฮาแลนด์) ลงมาไม่นานโหม่งประตูปิดกล่อง 4-1 พร้อมโดนใบเหลืองจากดีใจจัด
ตัวสำรองไม่ได้ใช้งาน
มาติอัส ดิงเงแลนด์, ซานเดอร์ แทงวิค, เฟรดริก อังเดร บิยอร์คาน, มาร์คุส เพเดอร์เซน, ซอนดเร คลิงเกน ล็องก็าส, คริสเตียน อาร์นสตัด, อันเดรียส เชลเยดรุป
📊 วิเคราะห์บอลการรุกและการรับของทั้งสองทีม
ในเชิงแท็กติก หากจะ วิเคราะห์บอล เกมนี้ต้องบอกว่าระบบ 3-5-2 ของอิตาลีมีข้อดีตรงการครองพื้นที่แดนกลาง แต่กลับพลาดตรงการป้องกันระหว่างไลน์ เมื่อวิงแบ็กดันสูงพร้อมกัน ช่องว่างด้านข้างของสามเซ็นเตอร์ถูกนอร์เวย์เจาะซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดยเฉพาะจังหวะสวนกลับของ นูซ่า และ บ็อบ ที่ดึงตัวประกบออกจากตำแหน่ง เปิดพื้นที่ให้ฮาแลนด์วิ่งทะลุช่อง
เกมรุกอิตาลีช่วงต้นดูมีทรงจากการโอเวอร์แลปของดิมาร์โกและปอลิตาโน่ การเข้าทำประตูแรกถือว่าเพอร์เฟ็กต์ แต่หลังจากขึ้นนำ กัตตูโซ่กลับเลือกถอยบล็อกตั้งรับลึกเกินไป ทำให้การโยกบอลจากแดนสองไปแดนสามขาดความต่อเนื่อง เมื่อโดนเพรสซิ่งเร็วจากแดนบนของนอร์เวย์ บาสโตนี่, มันชินี่ และ ดิ ลอเรนโซ ถูกบังคับให้เตะยาวเสียบอลบ่อยครั้ง
ฝั่งนอร์เวย์เริ่มเกมด้วย 4-5-1 เน้นตั้งรับและบีบช่องกลาง แต่ครึ่งหลังปรับแท็กติกให้ห้องเครื่องดันสูงมากขึ้น ธอร์สบี้ลงมาทำหน้าที่ “บ็อกซ์ทูบ็อกซ์” คอยสอดขึ้นไปกดดันโลคาเตลลี่ และสวนกลับด้วยบอลจังหวะเดียว การเคลื่อนที่ของฮาแลนด์ถือเป็นฝันร้ายของแนวรับอิตาลี ทั้งการฉีกไปรับบอลด้านข้างและหุบเข้ากลางเล่นกับพื้นที่ว่างที่เพื่อนสร้างให้
เกมรับนอร์เวย์ก็จัดว่ามั่นคง เมื่อได้สกอร์นำพวกเขาถอยมาตั้งไลน์สองชั้น ปิดพื้นที่ระหว่างกองหลังกับกองกลาง ไม่เปิดช่องให้สคามัคก้าใช้ความใหญ่เล่นลูกกลางอากาศ แถมยังอ่านจังหวะครอสของดิมาร์โกกับปอลิตาโน่ได้ดี ทำให้อิตาลีแทบสร้างโอกาสสำคัญไม่ได้เลยในช่วง 20 นาทีสุดท้าย

📈 สถิติการแข่งขันสะท้อนรูปเกม
แม้อิตาลีจะครองบอลมากกว่านิดหน่อย 52% ต่อ 48% และมียิงทั้งหมด 11 ครั้ง เข้ากรอบ 4 ครั้ง ขณะที่นอร์เวย์ยิง 10 ครั้ง เข้ากรอบ 5 ครั้ง แต่สิ่งที่ต่างกันคือคุณภาพของโอกาส เท่าที่เห็นทุกครั้งที่ทีมเยือนหลุดเข้าไปในเขตโทษล้วนมีลุ้นจบสกอร์แบบจัง ๆ ซึ่งแปลงเป็นสี่ประตูเต็มเม็ดเต็มหน่วย
ด้านเกมรับ อิตาลีทำฟาวล์มากถึง 13 ครั้ง และโดนใบเหลือง 3 ใบ (บาเรลล่า, บาสโตนี่, เอสโปซิโต) สะท้อนถึงความกดดันในช่วงโดนบุกหนัก ตรงข้ามกับนอร์เวย์ที่ฟาวล์ 9 ครั้ง ได้ใบเหลืองแค่ 2 ใบ (ฮาแลนด์ และ ลาร์เซน) พร้อมรักษาระเบียบในเกมรับได้เยี่ยม ลูกเตะมุมอิตาลีมากกว่าชัดเจน 6 ต่อ 2 แต่ก็ไม่อันตรายมากพอจะเปลี่ยนเป็นประตู
⏱️ เหตุการณ์สำคัญในเกม (เรียงตามเวลา)
- ⚽ 11′ อิตาลีขึ้นนำ 1-0 – เฟเดริโก ดิมาร์โก เปิดบอลโค้งทางซ้ายให้ ฟรานเชสโก พีโอ เอสโปซิโต โหม่งตุงตาข่าย
- 🟨 45+2′ ใบเหลือง – นิโคโล บาเรลล่า ทำฟาวล์กลางสนาม โดนผู้ตัดสินเตือนแรง
- ⚽ 63′ นอร์เวย์ตีเสมอ 1-1 – อันโตนิโอ นูซ่า กระชากหลุดทางซ้าย ก่อนจ่ายให้ อเล็กซานเดอร์ เซอร์ลอธ แปเข้าเสาแรก
- 🔁 64′ เปลี่ยนตัวนอร์เวย์ – มอร์ตัน ธอร์สบี้ ลงมาแทน พาทริก เบิร์ก เสริมความดุดันแดนกลาง
- 🟨 67′ ใบเหลือง – อเลสซานโดร บาสโตนี่ โวยวายผู้ตัดสินจากจังหวะปะทะกับฮาแลนด์
- 🔁 68′ เปลี่ยนตัวอิตาลี – ไบรอัน คริสตันเต ลงแทน ดาวิเด ฟรัตเตซี ให้ทีมมีตัวชนกลางสนาม
- 🟨 69′ ใบเหลือง – ฟรานเชสโก พีโอ เอสโปซิโต โดนจดชื่อจากจังหวะประท้วง
- 🟨 69′ ใบเหลือง – เออร์ลิง ฮาแลนด์ มีปากเสียงกับผู้เล่นอิตาลีหลังจังหวะปะทะ
- 🔁 75′ เปลี่ยนตัวนอร์เวย์ – เทโล แอาสการ์ด ลงแทน คริสเตียน ธอร์สท์เวดท์
- 🔁 76′ เปลี่ยนตัวนอร์เวย์ – ออสการ์ บ็อบ ลงแทน อเล็กซานเดอร์ เซอร์ลอธ เพิ่มความสดริมเส้นขวา
- ⚽ 78′ นอร์เวย์แซง 2-1 – บ็อบ เลี้ยงตัดเข้าในก่อนแทงให้ ฮาแลนด์ หลุดไปยิงผ่านมือดอนนารุมม่า
- 🔁 79′ เปลี่ยนตัวอิตาลี – มัตเตีย ซักคัญญี่ ลงแทน เอสโปซิโต เพื่อเติมเกมริมเส้น
- 🔁 79′ เปลี่ยนตัวอิตาลี – จานลูก้า สคามัคก้า ลงแทน โลคาเตลลี่ เพิ่มหน้าเป้า
- ⚽ 79′ นอร์เวย์หนี 3-1 – มอร์ตัน ธอร์สบี้ เปิดบอลให้ ฮาแลนด์ หลุดไปซัดเม็ดที่สองของตัวเอง
- 🔁 86′ เปลี่ยนตัวอิตาลี – อเลสซานโดร บวนญอร์โน่ ลงแทน บาเรลล่า ปรับระบบกองหลัง
- 🔁 86′ เปลี่ยนตัวอิตาลี – ซามูเอเล ริชชี่ ลงแทน บาสโตนี่ เพื่อเติมสดแดนกลาง
- 🔁 89′ เปลี่ยนตัวนอร์เวย์ – ลีโอ ออสติกอร์ด ลงแทน เดวิด ม. วูล์ฟ เสริมความสูงเกมรับ
- 🔁 89′ เปลี่ยนตัวนอร์เวย์ – เยอร์เกน สแตรนด์ ลาร์เซน ลงแทน ฮาแลนด์
- ⚽ 90+3′ นอร์เวย์ปิดกล่อง 4-1 – ธอร์สบี้ โยนบอลให้ ลาร์เซน โหม่งเสียบเสา กลายเป็นประตูย้ำชัย
- 🟨 90+3′ ใบเหลือง – ลาร์เซน โดนจดชื่อหลังดีใจเกินเหตุ
- 🟨 ใบเหลืองข้างสนาม – เจนนาโร กัตตูโซ่ กุนซืออิตาลีโดนเตือนจากการโวยคำตัดสิน
⭐ Player of the Match – เออร์ลิง ฮาแลนด์
แม้เกมนี้จะมีชื่อของ อันโตนิโอ นูซ่า กับ มอร์ตัน ธอร์สบี้ ที่ทำผลงานโดดเด่น แต่รางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมต้องยกให้ เออร์ลิง ฮาแลนด์ อย่างไร้ข้อโต้แย้ง หอกเบอร์ 9 ของนอร์เวย์รับเรตติ้ง 8.6 จากการยิงสองประตูในช่วงเวลาสำคัญ พลิกสถานการณ์จากตามหลังไปสู่การนำห่าง
ฮาแลนด์ใช้จุดแข็งเรื่องสปีดและการอ่านช่องว่างเล่นงานแผงหลังอิตาลีตลอด 90 นาที การวิ่งตัดหลังเซ็นเตอร์ การพักบอลให้เพื่อน รวมถึงการดึงกองหลังสองคนออกจากตำแหน่ง เปิดพื้นที่ให้ปีกอย่าง นูซ่า และ บ็อบ ได้ทำเกมง่ายขึ้น เรียกได้ว่าเขาทำหน้าที่ไม่ใช่แค่จอมถล่มประตู แต่ยังเป็น “แม่เหล็กเกมรุก” ของทีมอย่างแท้จริง

📊 สถานการณ์ในตารางคะแนน ฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก โซนยุโรป กลุ่ม I
ชัยชนะเกมนี้ทำให้นอร์เวย์เก็บสถิติสุดโหด แข่ง 8 ชนะ 8 ยิงไป 37 ประตู เสียแค่ 5 ลูก เก็บ 24 คะแนนเต็ม รักษาตำแหน่งจ่าฝูงกลุ่ม I แบบไร้ข้อกังขา พร้อมโอกาสสูงลิ่วในการจองตั๋วลุยรอบสุดท้ายที่สหรัฐฯ–แคนาดา–เม็กซิโก
ฝั่งอิตาลี แข่ง 8 นัด ชนะ 6 แพ้ 2 ยิงได้ 21 เสีย 12 มี 18 คะแนน ยังคงรั้งอันดับสองของกลุ่ม แต่ความพ่ายแพ้คาบ้านแบบเละเทะ 1-4 ทำให้ช่องว่างกับนอร์เวย์ถูกถ่างออกไป 6 คะแนน และยังต้องระวังอิสราเอลที่มี 12 แต้ม ไล่ตามมา หากหลุดฟอร์มอีกนัดอาจต้องลุ้นเหนื่อยในโค้งสุดท้ายของรอบคัดเลือก
📅 ตารางบอลฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก กลุ่ม I นัดถัดไป
แม้ในตอนนี้โปรแกรมนัดถัดไปของกลุ่ม I จะยังไม่ได้เตะทันที แฟนบอลทั้งอิตาลีและนอร์เวย์คงเริ่มมองไปข้างหน้าแล้วว่าเส้นทางต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร อิตาลีจำเป็นต้องกลับมาทบทวนแท็กติกและจัดระเบียบแนวรับใหม่ หากอยากรักษาพื้นที่ไปเล่นรอบสุดท้าย ส่วนไวกิ้งนอร์เวย์กำลังอยู่ในช่วงมั่นใจสุดขีด ทุกเกมที่เหลือพวกเขาเล่นได้แบบไร้แรงกดดัน
คอบอลที่อยากติดตามโปรแกรมต่อไปของกลุ่มนี้ สามารถเช็ก ตารางบอล และโปรแกรมอัปเดตของศึกฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก โซนยุโรปได้ตามสื่อกีฬาและแพลตฟอร์มต่าง ๆ เพื่อไม่พลาดทุกศึกชี้ชะตาในโค้งสุดท้าย
🏠 ติดตาม บ้านผลบอล และข่าวเด็ดได้ที่ บ้านกีฬา
บ้านกีฬา ขอสรุปภาพรวมอีกครั้งว่าเกมนี้คือค่ำคืนสุดขมของอิตาลี และเป็นการประกาศศักดาของนอร์เวย์อย่างแท้จริง แฟนบอลที่อยากตามผลบอลแบบสดใหม่ สถิติละเอียด และบทวิเคราะห์ดุดันแบบนี้ อย่าลืมติดตามเช็กสกอร์และอัปเดตสรุปคู่เด็ดผ่านหน้าเว็บสไตล์ บ้านผลบอล ของ บ้านกีฬา ได้ทุกวัน เราจะพาแฟนบอลไปอินกับทุกจังหวะของโลกฟุตบอลตั้งแต่นัดอุ่นเครื่องจนถึงทัวร์นาเมนต์ใหญ่

