กรมอุตุนิยมวิทยาออกประกาศเตือนสำคัญ ฉบับที่ 1 (340/2568) เรื่อง “อากาศหนาวเย็นบริเวณประเทศไทยตอนบน ฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณภาคใต้ และคลื่นลมแรงบริเวณอ่าวไทย” โดยจะมีผลกระทบต่อสภาพอากาศของไทยอย่างต่อเนื่องในช่วงวันที่ 17–23 พฤศจิกายน 2568 ส่งสัญญาณชัดเจนว่าไทยกำลังก้าวเข้าสู่ช่วง ปลายฝนต้นหนาว อย่างเต็มตัว
ในช่วงเวลาดังกล่าว มวลอากาศเย็นกำลังแรงจากจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้หลายพื้นที่ต้องเจอกับทั้ง ฝนฟ้าคะนองระยะแรก ตามด้วยอุณหภูมิที่ลดลงอย่างรวดเร็ว ลมแรง อากาศเย็นถึงหนาว ขณะที่ภาคใต้ยังคงไม่พ้นภาวะฝนตกหนักจากมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่มีกำลังแรงขึ้น ขนมาพร้อมคลื่นลมแรงในอ่าวไทยและทะเลอันดามัน
บทความนี้จะสรุปภาพรวมสภาพอากาศจากมุมมองเชิงอุตุนิยมวิทยา พร้อมทั้งแทรกคำแนะนำการดูแลสุขภาพ การเกษตร และการเดินเรือที่ประชาชนควรรู้ เพื่อให้รับมือกับสภาพอากาศแปรปรวนได้อย่างปลอดภัย และไม่ลืมเชื่อมโยงกับข่าว–กระแสสุขภาพของคนดังที่สังคมกำลังจับตามองอย่าง ทับทิม มัลลิกา ที่ยิ่งตอกย้ำให้เห็นว่า “สุขภาพกับสภาพอากาศ” เป็นเรื่องที่มองข้ามไม่ได้เลยในยุคนี้
ภาพรวมมวลอากาศเย็นจากจีน–ตัวการหลักทำไทยหนาวเร็ว ลมแรง อุณหภูมิดิ่ง
เบื้องหลังความหนาวเย็นในไทยตอนบนครั้งนี้ มาจาก บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังแรงจากประเทศจีน ที่เริ่มแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ เมื่อมวลอากาศเย็นจากด้านเหนือไหลลงมาแทนที่อากาศเดิมที่อุ่นกว่า กระบวนการนี้จะทำให้
- เกิด ฝนฟ้าคะนองในระยะแรก เพราะอากาศชั้นล่างเย็นกว่าแต่อากาศด้านบนยังอุ่น ทำให้บรรยากาศปั่นป่วน เกิดกลุ่มเมฆฝนฟ้าคะนอง
- หลังจากนั้น เมื่อมวลอากาศเย็นครอบคลุมเต็มที่ อุณหภูมิจะเริ่ม ลดลงรวดเร็ว และมี ลมแรง ทำให้รู้สึกหนาวมากกว่าค่าที่เห็นบนเทอร์โมมิเตอร์
การเปลี่ยนผ่านนี้คือภาพคลาสสิกของช่วง “ฤดูหนาวเริ่มต้น” ในไทย ที่ประชาชนมักเผลอมองข้าม เพราะคิดว่าไทยเป็นเมืองร้อน แต่ในบางปี มวลอากาศเย็นจากจีนมีแรงมากจนทำให้หลายพื้นที่ของไทยตอนบนอุณหภูมิลดฮวบ 4–7 องศาฯ ในเวลาไม่นาน
รายภาค: ไทยตอนบนเย็นถึงหนาว ยอดดอยอาจแตะหนาวจัด
ตามประกาศของกรมอุตุฯ ประเทศไทยตอนบนจะได้รับผลกระทบชัดเจน โดยมีลักษณะสำคัญดังนี้
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ – หนาวแรงที่สุด อุณหภูมิลด 4–7 องศาฯ
- อากาศเย็นในตอนเช้า มีลมแรง
- อุณหภูมิต่ำสุดโดยทั่วไปประมาณ 16–20 องศาเซลเซียส
- อุณหภูมิสูงสุด 29–31 องศาเซลเซียส
- บริเวณยอดภูหลายแห่งจะมีอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 11–15 องศาเซลเซียส
- ช่วงวันที่ 17–23 พฤศจิกายน อุณหภูมิจะลดลงเพิ่มอีก 4–7 องศาฯ ในหลายพื้นที่
ภาคอีสานจึงเป็นโซนที่ต้องจับตาเป็นพิเศษ ทั้งในมิติสุขภาพประชาชน โดยเฉพาะผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคหัวใจ โรคทางเดินหายใจ รวมถึงการเกษตรที่อาจได้รับผลกระทบจากอากาศเย็นจัดและลมแรง

ภาคเหนือ – เช้าเย็นจัด ยอดดอยหนาวถึงหนาวจัด
- อากาศเย็นในตอนเช้า อุณหภูมิลดลง 1–2 องศาเซลเซียสในระยะสั้น และ 2–4 องศาในช่วงอิทธิพลมวลอากาศเย็น
- อุณหภูมิต่ำสุด 19–23 องศาเซลเซียส (พื้นราบ) สูงสุด 31–34 องศาเซลเซียส
- บริเวณยอดดอยมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 6–14 องศาเซลเซียส
นักท่องเที่ยวที่เตรียมขึ้นดอยรับลมหนาวต้องเตรียมเสื้อกันหนาวหนาๆ ถุงมือ หมวกไหมพรม รวมถึงระวังภาวะอุณหภูมิต่ำเกินไป (Hypothermia) หากอยู่กลางแจ้งนานๆ โดยเฉพาะในเวลากลางคืน
ภาคกลางและกรุงเทพฯ–ปริมณฑล – เช้าเย็น เริ่มสัมผัสลมหนาวชัดเจน
- อากาศเย็นในตอนเช้า โดยเฉพาะบริเวณโล่ง ลมพัดผ่านได้ดี
- อุณหภูมิต่ำสุดประมาณ 22–24 องศาเซลเซียส
- อุณหภูมิสูงสุด 30–31 องศาเซลเซียส
- กรุงเทพมหานครและปริมณฑลจะสัมผัสได้ถึงลมเย็นและอุณหภูมิที่ลดลง 2–4 องศาฯ ในช่วงมวลอากาศเย็นปกคลุมเต็มที่
ประชาชนที่ต้องออกกำลังกายตอนเช้าควรอบอุ่นร่างกายให้เพียงพอ ไม่ควรเร่งใช้แรงหนักทันที และผู้ที่มีโรคประจำตัวเกี่ยวกับหัวใจหรือทางเดินหายใจ ควรเช็กสภาพร่างกายก่อนออกกำลังกายกลางอากาศเย็น
ภาคตะวันออก – เย็นในตอนเช้า ทะเลเริ่มมีคลื่นสูง
- อากาศเย็นในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 19–23 องศาเซลเซียส สูงสุด 31–33 องศาเซลเซียส
- ลมตะวันออกเฉียงเหนือพัดปกคลุม ความเร็ว 15–35 กม./ชม.
- ทะเลมีคลื่นสูงราว 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1–2 เมตร
ผู้ที่ประกอบอาชีพประมงพื้นบ้านหรือออกเรือขนาดเล็กควรติดตามประกาศเตือนคลื่นลมอย่างใกล้ชิด เพราะการเพิ่มกำลังของลมเหนือ–อีสานจะเป็นตัวเร่งคลื่นในอ่าวไทยให้สูงขึ้นต่อเนื่อง

ภาคใต้ – ฝนหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน–น้ำป่าไหลหลาก
ต่างจากไทยตอนบนที่เผชิญอากาศเย็น ภาคใต้จะต้องรับมือกับ ฝนเพิ่มขึ้น และฝนตกหนักถึงหนักมาก จากการทำงานร่วมกันของ
- มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้
- คลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันออกเคลื่อนเข้าปกคลุมภาคใต้
ภาคใต้ฝั่งตะวันออก
- มีฝนฟ้าคะนองราวร้อยละ 30 ของพื้นที่
- หนักบริเวณจังหวัดนครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา และพื้นที่ใกล้เคียง
- อุณหภูมิต่ำสุด 23–25 องศาเซลเซียส สูงสุด 30–33 องศาเซลเซียส
- ทะเลมีคลื่นสูง 1–2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นอาจสูงมากกว่า 2 เมตร
โดยรวมกรมอุตุฯ เตือนให้ ระวังอันตรายจากฝนตกหนัก–ฝนสะสม ที่อาจทำให้เกิด
- น้ำท่วมฉับพลัน
- น้ำป่าไหลหลาก
- ดินสไลด์บนพื้นที่ลาดเชิงเขาและพื้นที่ใกล้ทางน้ำไหลผ่าน
ภาคใต้ฝั่งตะวันตก
- มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40 ของพื้นที่ เน้นหนักบริเวณภูเก็ต กระบี่ ตรัง สตูล
- ทะเลมีคลื่นสูงโดยเฉพาะบริเวณห่างฝั่ง คลื่นสามารถสูงเกิน 2 เมตรได้ในช่วงที่มีฝนฟ้าคะนอง
นักท่องเที่ยวที่เดินทางไปเที่ยวทะเลใต้ในช่วงนี้ ควรตรวจสอบสภาพอากาศรายวัน และเช็กประกาศเตือนอย่างสม่ำเสมอ หากมีประกาศห้ามลงเล่นน้ำ หรือขึ้นเรือ ควรปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
คลื่นลมแรง–ชาวเรือและชาวชายฝั่งต้องจับตาเป็นพิเศษ
อิทธิพลของมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือและมวลอากาศเย็นทำให้
- อ่าวไทย มีคลื่นสูงประมาณ 2–3 เมตร
- บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง คลื่นอาจสูงมากกว่า 3 เมตร
- ทะเลอันดามันตอนบน คลื่นสูงราว 2 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 2–3 เมตร
กรมอุตุฯ แนะนำว่า
- ชาวเรือทุกประเภทควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง
- หลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง
- เรือเล็กบริเวณอ่าวไทยควรงดออกจากฝั่งในช่วงวันที่ 19–23 พฤศจิกายน 2568
สำหรับประชาชนบริเวณชายฝั่ง ควรระวัง
- คลื่นที่ซัดเข้าหาฝั่งแรงผิดปกติ
- น้ำทะเลหนุนสูงร่วมกับคลื่นแรง อาจกระทบต่อบ้านเรือนริมหาด แนวกันคลื่น และจุดท่องเที่ยวริมชายหาด
สุขภาพ–สภาพอากาศ: จากตัวเลขบนแผนที่สู่ชีวิตจริงของคนไทยยุคนี้
ทุกครั้งที่กรมอุตุนิยมวิทยาออกประกาศเตือน หลายคนอาจเห็นเป็นเพียง “ข้อมูลอากาศ” แต่ในความเป็นจริง ตัวเลขอุณหภูมิ ลม และฝนเหล่านี้เชื่อมโยงกับ สุขภาพของประชาชน อย่างแยกไม่ออก
อากาศเย็น–ลมแรง สามารถกระตุ้น
- โรคระบบทางเดินหายใจ เช่น หวัด ไข้หวัดใหญ่ หลอดลมอักเสบ
- ภาวะกำเริบในผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือด
- ภาวะหืดหรือภูมิแพ้ในเด็กและผู้ใหญ่
ส่วนฝนตกหนัก–น้ำท่วม–ความชื้นสูง เป็นเงื่อนไขของ
- โรคทางเดินอาหารและโรคผิวหนังจากน้ำเสีย
- โรคที่มากับยุง และสัตว์มีพิษที่หนีน้ำขึ้นมาบริเวณบ้านเรือน
ในช่วงที่ผ่านมา คนไทยจำนวนมากกำลังติดตามข่าวของคนดังอย่าง ทับทิม มัลลิกา ที่ต้องเข้ารับการผ่าตัดเนื้องอกในสมอง ซึ่งทำให้สังคมหันมาพูดถึงเรื่อง สุขภาพระยะยาวและโรคเงียบ มากขึ้น แม้กรณีของทับทิมจะไม่ได้เกี่ยวโดยตรงกับสภาพอากาศ แต่ก็เป็นตัวอย่างสำคัญว่าร่างกายของเราอาจมีโรคร้ายซ่อนอยู่โดยไม่รู้ตัว และเมื่อเจอกับอากาศเปลี่ยนแปลง–อุณหภูมิแปรปรวน ระบบภูมิคุ้มกันก็ยิ่งถูกทดสอบหนัก
ดังนั้นในช่วงที่กรมอุตุฯ เตือนทั้ง อากาศหนาว–มวลอากาศเย็น–ฝนหนัก–คลื่นแรง จึงเป็นจังหวะดีที่ทุกคนควร
- ตรวจสุขภาพประจำปี
- สังเกตอาการผิดปกติของตัวเองและคนในครอบครัว
- พาผู้สูงอายุและผู้ป่วยโรคเรื้อรังไปปรึกษาแพทย์หากอาการเปลี่ยนแปลง
- ใส่เสื้อผ้าเหมาะกับสภาพอากาศ เลี่ยงการตากลมหรือตากฝนนานๆ

ข้อแนะนำสำคัญสำหรับประชาชนและเกษตรกร
ประชาชนทั่วไป
- เตรียมเสื้อกันหนาว–ผ้าห่มให้พร้อม
โดยเฉพาะบ้านที่มีผู้สูงอายุ เด็กเล็ก และผู้ป่วยโรคเรื้อรัง - ดื่มน้ำอุ่น–พักผ่อนเพียงพอ
ช่วยให้ร่างกายปรับตัวต่ออากาศเย็นและชื้นได้ดีขึ้น - ระวังอัคคีภัยจากอากาศแห้งและลมแรง
หากก่อไฟ ผิงไฟ หรือใช้ฮีตเตอร์ ควรเฝ้าระวังใกล้ชิด ปิดให้สนิททุกครั้ง - ขับรถด้วยความระมัดระวัง
ฝนแรก–ฝนสลับหนาวทำให้ถนนลื่น เสี่ยงอุบัติเหตุเพิ่มขึ้น - ติดตามพยากรณ์อากาศและประกาศเตือนจากแหล่งทางการ
ไม่แชร์ข่าวลวงหรือข้อมูลเกินจริง เพราะอาจสร้างความตื่นตระหนกโดยไม่จำเป็น
เกษตรกร
- ปรับแผนการให้น้ำและการใส่ปุ๋ย
- ป้องกันผลผลิตที่อ่อนไหวต่ออากาศเย็นจัด–น้ำค้างแข็ง เช่น พืชผัก อายุสั้น
- ทำหลังคาชั่วคราวหรือพลาสติกคลุมโรงเรือน
- เคลื่อนย้ายสัตว์เลี้ยงเข้าในคอกที่อบอุ่น และจัดมุมกันลม
สภาพอากาศแบบเปลี่ยนเร็ว–เปลี่ยนแรงในช่วงไม่กี่วัน สามารถสร้างความเสียหายต่อผลผลิตทางการเกษตรได้มาก หากไม่มีการเตรียมการล่วงหน้า
สรุป: ปลายฝนต้นหนาวปีนี้ ไม่ใช่แค่ “ลมเย็นๆ” แต่อาจมาพร้อมความเสี่ยงรอบด้าน
การประกาศเตือนของกรมอุตุนิยมวิทยาครั้งนี้เป็นสัญญาณชัดเจนว่า
- ไทยตอนบน กำลังก้าวเข้าสู่ช่วงอากาศเย็นถึงหนาวอย่างรวดเร็วจากมวลอากาศเย็นกำลังแรง
- ภาคใต้ ยังต้องรับมือฝนหนัก–ฝนสะสม–น้ำท่วม–น้ำป่า
- ทะเลไทย เผชิญคลื่นลมแรง ชาวเรือและชาวชายฝั่งต้องไม่ประมาท
ทั้งหมดนี้ไม่ใช่แค่ข้อมูลเทคนิคของนักอุตุนิยมวิทยา แต่คือ “ข้อมูลชีวิตประจำวัน” ที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ ความปลอดภัย การเดินทาง และปากท้องของประชาชนทั้งประเทศ
อย่าลืมว่า ในโลกที่สภาพอากาศแปรปรวนมากขึ้นทุกปี การรับข่าวสารอย่างเข้าใจ แปลความหมายจากตัวเลขอุณหภูมิ–ความเร็วลม–ความสูงของคลื่น ไปสู่การ “ลงมือเตรียมตัวจริง” คือเกราะป้องกันที่ดีที่สุด
ขอขอบคุณรูปภาพและคลิปจาก กรมอุตุนิยมวิทยา
ติดตามอัปเดตสถานการณ์ สภาพอากาศ ข่าวเตือนภัย และเรื่องราวสำคัญจากทุกวงการ ได้ที่ ข่าวเด่น ข่าววันนี้ ที่ ข่าวการค้นหาที่มาแรงบ้านกีฬา เพื่อไม่พลาดข้อมูลที่อาจช่วยทั้งชีวิต สุขภาพ และทรัพย์สินของคุณ

