เดือดปุดๆ หลังเกมคัดบอลโลก
กลายเป็นประเด็นร้อนของวงการลูกหนังยุโรปทันที เมื่อ เจนนาโร่ กัตตูโซ่ นายใหญ่ทีมชาติอิตาลี ออกมาจวกแบบไม่ไว้หน้าใครถึง ระบบคัดเลือกฟุตบอลโลกโฉมใหม่ ของทวีปยุโรป หลัง “อัซซูรี่” เก็บแต้มกระจุก 18 คะแนนจาก 7 นัด ฟอร์มโหดระดับว่าชนะถึง 6 เกม แต่ยังต้องลุ้นเหนื่อยในรอบเพลย์ออฟ เพราะตามหลัง นอร์เวย์ จ่าฝูงกลุ่มไออยู่ 3 แต้ม สถานการณ์กดดันจนเกิดคำถามว่า ทำไมทีมที่มีมาตรฐานระดับอิตาลีถึงต้องมาเสี่ยงกับการ “ล้มแล้วตกรอบ” แบบนี้
บ้านกีฬา พาไล่เรียงทุกประเด็นแบบชัดๆ พร้อมมุมมองเชิงวิเคราะห์ที่เข้าใจง่ายสำหรับแฟนบอลชาวไทย เพื่อให้รู้ว่าทำไมเรื่องนี้ถึงทำเอากัตตูโซ่ของขึ้นขนาดนี้
ภาพรวมระบบคัดบอลโลกยุโรปโฉมใหม่
โซนยุโรปใช้ระบบแบ่ง 12 กลุ่ม โดยให้เฉพาะแชมป์กลุ่มเท่านั้นที่ได้ตั๋ว ฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย โดยอัตโนมัติ ส่วนอันดับ 2 ต้องไปเหนื่อยในรอบเพลย์ออฟ ร่วมกับทีมที่มาจากโควต้าแชมป์กลุ่ม ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก เรียกว่าแย่งโควต้าที่มีจำกัดกันแบบหายใจรดต้นคอ
แม้จะเป็นระบบใหม่ที่ตั้งใจให้ “แข่งขันสูสีขึ้น” แต่ก็ถูกวิจารณ์มาตลอดว่า “โหดเกินไป” สำหรับหลายชาติใหญ่ เพราะแค่พลาดเพียงนิดเดียวก็มีสิทธิ์หลุดทัวร์นาเมนต์ทันที
สถานการณ์ของอิตาลี: ชนะ 6 นัด แต่ยังไม่พอ
อิตาลีรั้งอันดับ 2 ของกลุ่มไอ ด้วยผลงาน 18 แต้มจาก 7 นัด ถือเป็นสถิติใหม่ของทีมที่ชนะในรอบคัดเลือกถึง 6 เกมในครั้งเดียว แต่ทว่าก็ยังถูก นอร์เวย์ ที่บินแรงนำหน้าอยู่ 3 คะแนน
ไฮไลต์ความดราม่าอยู่ที่ นัดสุดท้าย ทั้งสองทีมต้องเจอกันที่ซาน ซิโร่ แต่ความหวังของอิตาลีนั้นไม่ง่ายเลย เพราะสถิติผลต่างประตูได้–เสียแพ้นอร์เวย์แบบมโหฬาร
• อิตาลี: +12
• นอร์เวย์: +29
ตัวเลขนี้หมายความว่า หากอยากแซงเข้าเป็นแชมป์กลุ่ม และได้ตั๋วอัตโนมัติ อิตาลีต้อง “ชนะด้วยผลต่าง 9 ลูกขึ้นไปเท่านั้น” — ซึ่งในฟุตบอลระดับทีมชาติ ความเป็นไปได้แทบจะอยู่ในระดับ “ปาฏิหาริย์”
เสียงของกัตตูโซ่: เดือดถึงขั้นย้อนประวัติศาสตร์
เมื่อถูกถามว่าน่าแปลกหรือไม่ที่อิตาลีเก็บแต้มได้มากขนาดนี้แต่ยังต้องไปเพลย์ออฟ กัตตูโซ่ตอบแบบตรงไปตรงมา ตามฉบับผู้ชายสายเดือด
(ข้อความโควตไม่ต้องรีไรท์ ใช้ตามต้นฉบับ)
“นั่นไม่ใช่คำถามสำหรับผม คุณควรจะไปถามใครก็ตามที่เขียนกฎกับจับสลากรอบแบ่งกลุ่ม ตอนปี 1994 เรามีทีมจาก แอฟริกา ได้ไปเล่น ฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย จำนวน 2 ทีม ขณะที่ปัจจุบันมันจำเป็นต้องมีหลายทีมที่ได้สิทธิ์ดังกล่าว และจำนวนทีมก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ”
กัตตูโซ่ยังย้อนให้เห็นความต่างของระบบยุคก่อนกับปัจจุบัน โดยระบุว่า
“ในตอนที่ผมยังเล่นอยู่น่ะแชมป์ของแต่ละกลุ่ม รวมถึงทีมที่เป็นอันดับ 2 ที่มีผลงานดีที่สุดจะได้เข้าสู่รอบสุดท้ายแบบอัตโนมัติเลย นี่เราอุตส่าห์เก็บได้ตั้ง 18 แต้ม, ชนะได้ถึง 6 เกม แต่ยังต้องไปเล่นอีก 2 นัดเพื่อที่จะได้เข้ารอบเนี่ยนะ ส่วนตัวแล้วผมมองว่ามันไม่สมเหตุสมผลเท่าไหร่”
และยังเสริมถึงความเหลื่อมล้ำระหว่างทวีปต่างๆ ว่า
“หรือถ้าเรามองไปที่ทวีปอเมริกาใต้ มันก็มีถึง 6 จาก 10 ทีมที่ได้ไปเล่น ฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย แบบอัตโนมัติ ส่วนทีมที่เป็นอันดับ 7 ยังได้สิทธิ์ไปเล่นรอบเพลย์ออฟกับทีมจากโซนเอเชียเนียอีก ระบบในตอนนี้มันน่าผิดหวัง ในยุโรปมันจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนระบบได้แล้ว”
ทำไมกัตตูโซ่ถึงหัวร้อน? วิเคราะห์แบบชัดๆ
เหตุผลหลักๆ ที่เรื่องนี้ทำให้เขาไม่พอใจ คือ:
• ความเหลื่อมล้ำของระบบระหว่างทวีป ยุโรปแข่งกัน 12 กลุ่ม แต่มีตั๋วอัตโนมัติเพียง 12 ใบ ต่างจากโซนอเมริกาใต้ที่ได้อัตโนมัติถึง 6 จาก 10 ทีม
• โอกาสเสี่ยงตกรอบสูง แม้มีฟอร์มดีมาก เช่น อิตาลีในตอนนี้
• ความสัมพันธ์ระหว่างโชคกับการจับสลาก ซึ่งหลายชาติใหญ่ไม่พอใจมาเสมอว่า “ลุ้นมากเกินไป”
• แรงกดดันมหาศาลของการต้องไปเพลย์ออฟ ซึ่งในประวัติศาสตร์ก็มีทีมใหญ่พลาดมาแล้ว และอิตาลีเองรู้ดีว่ามันเป็นหลุมพรางอันตรายแค่ไหน
ข้อมูลความรู้สำหรับแฟนบอล: ทำไมระบบคัดบอลโลกถึงเปลี่ยนบ่อย?
หลายคนอาจสงสัยว่าเหตุใด ฟุตบอลโลก ถึงปรับระบบคัดเลือกและจำนวนทีมอยู่ตลอด สาเหตุหลักมาจาก
• การเพิ่มจำนวนทีมในรอบสุดท้ายเพื่อเปิดพื้นที่ให้ชาติหน้าใหม่
• การกระจายโควตาให้ครอบคลุมทุกทวีปมากขึ้น
• แรงผลักดันด้านการตลาด สิทธิถ่ายทอดสด และรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากทีมที่เข้าร่วมมากขึ้น
สุดท้ายแล้วฟีฟ่าเองพยายามบาลานซ์ “คุณภาพ–จำนวน–ความยุติธรรม” แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าทวีปยุโรปยังคงเป็นเวทีที่มีการแข่งขันเข้มข้นที่สุดในโลก และเป็นพื้นที่ที่คำว่า “พลาดไม่ได้แม้แต่เกมเดียว” มีผลต่ออนาคตของทีมแบบชัดเจนที่สุด
สรุปภาพรวม และสิ่งที่แฟนบอลต้องจับตา
อิตาลีกำลังเดินบนเส้นด้าย แม้จะมีฟอร์มยอดเยี่ยมแต่กลับถูกบีบให้ต้องลุ้นเพลย์ออฟอย่างเลี่ยงไม่ได้ กัตตูโซ่จึงออกมาแสดงความเห็นแบบชัดเจนว่า ถึงเวลาแล้วที่ยุโรปควรพิจารณาระบบใหม่อีกครั้ง เพื่อไม่ให้ทีมที่ทำผลงานดีต้องมาตกรอบด้วยความอยุติธรรมเชิงโครงสร้าง
แฟนบอลทั่วโลก รวมถึงกองเชียร์ชาวไทยเตรียมลุ้นกันต่อว่า “อัซซูรี่” จะผ่านด่านหินนี้ได้หรือไม่ หรือจะเจอเหตุการณ์ซ้ำรอยอดีตอีกครั้ง
ติดตามข่าวฟุตบอลสุดเข้มข้นแบบนี้ได้ที่ ข่าวกีฬาฟุตบอลบ้านกีฬา เสมอ

