จาก : ผลบอลสด ฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก โซนยุโรป ระหว่าง ลักเซมเบิร์ก 0-2 เยอรมนี วันนี้ 15/11/68 – บ้านกีฬา
ศึกฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก โซนยุโรป กลุ่ม A เกมนี้ ลักเซมเบิร์กเปิดบ้านรับมือยักษ์ใหญ่เยอรมนี แม้ชื่อชั้นต่างกันคนละระดับ แต่เจ้าถิ่นก็ลงมาด้วยความมุ่งมั่น หวังหยุดสถิติแพ้รวดในรอบแบ่งกลุ่มให้ได้สักนัด ส่วนทัพอินทรีเหล็กภายใต้การคุมทีมของยูเลียน นาเกิลส์มันน์ มาในโหมดจริงจัง เป้าหมายคือ 3 คะแนนเต็มเพื่อเกาะหัวตารางต่อไป แฟนบอลที่เปิดเช็ก ผลบอลสด กันตั้งแต่นาทีแรก เห็นได้ชัดว่าเยอรมนีเล่นด้วยความเยือกเย็น แต่กดดันคู่แข่งอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เสียงนกหวีดเริ่มเกม
ครึ่งแรก: ลักเซมเบิร์กตั้งรับลึก เยอรมนีบดแต่ยังไม่คม
ช่วง 45 นาทีแรก เยอรมนีครองบอลอยู่ฝ่ายเดียว ตัวเลขการครองบอลแตะราว 60% ขึ้นไป บอลถูกเคลื่อนจากแดนหลังผ่านเลออน โกเร็ตซ์ก้า และอเล็กซานดาร์ ปาฟโลวิช ขึ้นไปสู่แผงรุกอย่าง ฟลอเรียน เวิร์ตซ์, เลรอย ซาเน่ และเซิร์จ นาบรี้ อย่างต่อเนื่อง แต่แนวรับลักเซมเบิร์กนำโดยโกล์แอนโธนี มอริส กับคู่เซ็นเตอร์ ดิร์ก คาร์ลสัน – มัดส์ โอเลเซน ยืนกันแน่นมาก ไม่ปล่อยพื้นที่ในเขตโทษง่าย ๆ
ลักเซมเบิร์กแทบไม่ได้โอกาสสวนกลับจะแจ้ง มีเพียงลูกเปิดยาวให้ดาเนล ซินานีไล่กดดันแนวรับเยอรมนี และจังหวะวูบวาบจากโอลิวิเยร์ ทิลล์ เล็กน้อยกลางสนาม เกมจึงกลายเป็นเยอรมนีเดินหน้าล้อม แต่ขาดจังหวะสุดท้าย จนต้องอาศัยการยิงไกลของเวิร์ตซ์และซาเน่เป็นหลัก ท้ายครึ่งแรกอารมณ์เกมเริ่มเดือด ใบเหลืองแรกของเกมมาจากจังหวะฟาวล์หนักของโกเร็ตซ์ก้านาทีที่ 31 ก่อนที่ฟลอเรียน โบนเนิร์ตจะตอบโต้ด้วยการเสียฟาวล์หนักใส่ผู้เล่นเยอรมันในช่วงท้ายครึ่ง แต่ยังจบ 45 นาทีแรกด้วยสกอร์ 0-0
ครึ่งหลัง: โวลเทอมาดโชว์ของ เหมาสองปิดบัญชีอินทรีเหล็ก
เปิดครึ่งหลัง ลักเซมเบิร์กขยับเปลี่ยนตัวทันที ส่งมาร์วิน มาร์ตินส์ลงแทนโบนเนิร์ต เพื่อช่วยเกมรับริมเส้น แต่การปรับหมากของนาเกิลส์มันน์กลับเฉียบกว่า อินทรีเหล็กเร่งสปีดตั้งแต่เริ่มครึ่งหลัง นาทีที่ 49 เยอรมนีแกะเกมบุกสวยงาม ซาเน่ใช้ความเร็วเจาะแผงหลัง ก่อนจ่ายต่อให้ นิค โวลเทอมาด หลุดเข้าไปซัดไม่เหลือ เยอรมนีออกนำ 1-0 และเป็นจุดที่รูปเกมเทไปทางทีมเยือนเต็มตัว
จากนั้นเทรนเนอร์เยอรมันเสริมความสดในแดนกลาง ส่งเฟลิกซ์ เอ็นเมชาแทนโกเร็ตซ์ก้านาที 54 และถอดนาบรี้ออกให้เควิน ชาเด้ลงมาป่วนเพิ่ม นาที 55 โยนาธาน ทาห์ โดนใบเหลืองจากจังหวะตัดเกม แต่ก็ไม่ทำให้แนวรับอินทรีเหล็กเสียสมาธิ
เกมมาขาดในนาทีที่ 69 เมื่อเยอรมนีทะลุทางขวา ริดเลอ บากู เติมขึ้นสูงก่อนเปิดเข้าเขตโทษให้โวลเทอมาดพุ่งชาร์จจ่อ ๆ เป็นประตูที่สองของเจ้าตัวในเกมนี้ เยอรมนีหนีเป็น 2-0 ขณะที่ลักเซมเบิร์กเริ่มเปิดหน้าแลก ส่งโทมัส เด ซูซา โมเรยร่า, อเลสซิโอ เคิร์ชี และอับดูไล จาบี เอ็มบาโลลงมาเพิ่มความสดช่วงท้าย รวมถึงเซบาสตียง ทิลล์ในนาที 88 แต่ก็ไม่สามารถเจาะแนวรับเยอรมันได้ จบ 90 นาที อินทรีเหล็กบุกชนะ 2-0 เก็บสามแต้มสำคัญออกจากบ้านลักเซมเบิร์กอย่างเด็ดขาด
📋 รายชื่อนักเตะตัวจริงและการเปลี่ยนตัว
🇱🇺 ลักเซมเบิร์ก (4-1-4-1)
ผู้รักษาประตู
- แอนโธนี มอริส – 7.6
กองหลัง
- ลาร์ส ยานส์ (กัปตัน) – 6.5
- ดิร์ก คาร์ลสัน – 7.1
- มัดส์ โอเลเซน – 6.1
- ซานโดร โคราช – 7.1
กองกลางตัวรับ / กลาง
- ซี.เอ็ม. เปเรย์ร่า – 6.5
- เลอันโดร บาร์เรโร – 6.8
- โอลิวิเยร์ ทิลล์ – 7.3
- ฟลอเรียน โบนเนิร์ต – 6.5
- อายูบ ดาร์ดารี – 6.7
กองหน้า
- ดาเนล ซินานี – 6.3
ตัวสำรองที่ได้ลงสนาม
- มาร์วิน มาร์ตินส์ – 6.4 (ลงน.46 แทน โบนเนิร์ต)
- โทมัส เด ซูซา โมเรยร่า – 6.5 (ลงน.71 แทน โอลิวิเยร์ ทิลล์)
- อเลสซิโอ เคิร์ชี – 6.4 (ลงน.79 แทน เปเรย์ร่า)
- อับดูไล จาบี เอ็มบาโล – 6.5 (ลงน.79 แทน โอเลเซน)
- เซบาสตียง ทิลล์ (ลงน.88 แทน ดาร์ดารี)
ตัวสำรองที่ไม่ได้ใช้: ติอาโก เปเรย์ร่า คาร์โดโซ, ลูคัส ฟ็อกซ์, อีริก ไวก้า, วาฮิด เซลิโมวิช, เอลดิน ดซ็อกโกวิช, เคแนน อัฟดูซิโนวิช, เอดวิน มูราโตวิช
🇩🇪 เยอรมนี (4-3-3)
ผู้รักษาประตู
- โอลิเวอร์ เบามันน์ – 7.1
กองหลัง
- ริดเลอ บากู – 7.7
- วัลเดมาร์ อันตัน – 7.4
- โยนาธาน ทาห์ (กัปตัน) – 7.0
- ดาวิด รอม – 7.4
กองกลาง
- เลออน โกเร็ตซ์ก้า – 7.1
- อเล็กซานดาร์ ปาฟโลวิช – 7.3
- ฟลอเรียน เวิร์ตซ์ – 8.0
แนวรุก
- เลรอย ซาเน่ – 7.6
- นิค โวลเทอมาด – 7.9
- เซิร์จ นาบรี้ – 6.8
ตัวสำรองที่ได้ลงสนาม
- เฟลิกซ์ เอ็นเมชา – 7.0 (ลงน.54 แทน โกเร็ตซ์ก้า)
- เควิน ชาเด้ – 6.7 (ลงน.66 แทน นาบรี้)
- มาลิค ทิอาว – 6.8 (ลงน.79 แทน ทาห์)
- เจมี่ เลเวลลิง – 6.8 (ลงน.79 แทน ซาเน่)
ตัวสำรองที่ไม่ได้ใช้: อเล็กซานเดอร์ นือเบิล, ฟินน์ ดาห์เมน, นิโก ชลอตเทอร์เบ็ค, นาธาเนียล บราวน์, โยชัว คิมมิช, อัสซ็อง อูเอดราโอกู, ซาอิด เอล มาล่า, โยนาธาน บูร์การ์ดท์
ผู้จัดการทีม: เจฟฟ์ สตราสเซอร์ (ลักเซมเบิร์ก – โดนเตือนจากจังหวะโวยผู้ตัดสิน), ยูเลียน นาเกิลส์มันน์ (เยอรมนี)
นักเตะที่มีปัญหา: นาดีม อามิรี (บาดเจ็บ), คาริม อเดเยมี่ (แบน)
🧠 วิเคราะห์บอลการรุกและการรับ
แผนการเล่นของลักเซมเบิร์กคือ 4-1-4-1 เน้นตั้งโซนลึกหน้าเขตโทษ ใช้เปเรย์ร่ายืนหน้าแผงแบ็กโฟร์ คอยบีบช่องว่างระหว่างไลน์ เกมรับของเจ้าถิ่นทำได้ดีในช่วงครึ่งแรก การขยับซ้อนของคาร์ลสันกับโอเลเซนค่อนข้างรัดกุม ปิดพื้นที่ให้โวลเทอมาดหาบอลที่เท้าลำบาก ต้องถ่างออกมารับบอลระหว่างไลน์แทน จุดอ่อนคือฟูลแบ็กทั้งสองฝั่งถูกบีบให้ยืนแคบ ทำให้ริมเส้นเปิดพื้นที่ให้ซาเน่กับนาบรี้ได้เล่นตัวต่อตัวบ่อยครั้ง
ฝั่งเยอรมนีเลือกใช้ 4-3-3 แบบยืดหยุ่น เวิร์ตซ์โยกลงมาต่ำเป็นเพลย์เมกเกอร์คอยเชื่อมต่อเกมตรงกลาง แทนที่จะยืนเป็นตัวรุกฝั่งซ้ายแบบตายตัว ทำให้การหมุนบอลจากแดนกลางไปสู่แนวรุกลื่นไหลมากขึ้น ในเกมรุก อินทรีเหล็กใช้การสลับตำแหน่งระหว่างซาเน่–เวิร์ตซ์–โวลเทอมาดตลอดเวลา เพื่อดึงตัวประกบและเปิดช่องให้แบ็กสองฝั่งอย่างบากูและรอมเติมขึ้นไปครอสบอล ซึ่งกลายเป็นอาวุธหลักในครึ่งหลัง โดยเฉพาะลูก 2-0 ที่มาจากการเติมสูงของบากูและการวิ่งโฉบเสาแรกของโวลเทอมาด
ด้านเกมรับ เยอรมนีเล่นเพรสซิ่งตั้งแต่แดนบน โวลเทอมาดไล่บีบเซ็นเตอร์ลักเซมเบิร์กบังคับให้เตะยาว ขณะที่ปาฟโลวิชกับโกเร็ตซ์ก้าคอยซ้อนเก็บบอลสอง ลูกสวนกลับของลักเซมเบิร์กจึงแทบไม่เป็นชิ้นเป็นอัน แดนกลางโดนตัดตอนก่อนถึงซินานีเกือบตลอดทั้งเกม เมื่อมองภาพรวมในมุมของการ วิเคราะห์บอล เยอรมนีแสดงให้เห็นถึงมาตรฐานทีมระดับท็อปที่ควบคุมทั้งจังหวะรุกและรับได้เหนือกว่าอย่างชัดเจน ส่วนเจ้าถิ่นแม้สู้เต็มที่และอ่านเกมรับได้ดีระยะหนึ่ง แต่เมื่อเสียประตูแรกก็เริ่มเปิดช่องว่างให้ฝ่ายตรงข้ามลงโทษทันที
📊 สถิติการแข่งขัน
ตัวเลขบนกระดานชี้ชัดว่าเยอรมนีครองเกมเหนือกว่าอย่างเบ็ดเสร็จ ทีมเยือนยิงรวม 13 ครั้ง เข้ากรอบ 7 ครั้ง เปลี่ยนเป็น 2 ประตู ขณะที่ลักเซมเบิร์กมีโอกาสยิงเพียง 5 ครั้ง เข้ากรอบแค่ลูกเดียวตลอดทั้งเกม อัตราการครองบอล 61% ต่อ 39% สะท้อนให้เห็นว่าทัพอินทรีเหล็กยึดพื้นที่กลางสนามได้เบ็ดเสร็จ
ในแง่ความดุดันเกมรับ ทั้งสองทีมทำฟาวล์เท่ากันที่ 11 ครั้ง แต่ลักเซมเบิร์กโดนใบเหลืองถึง 3 ใบ ส่วนเยอรมนีรับไป 2 ใบ แสดงให้เห็นว่ากองหลังเจ้าถิ่นต้องใช้ความแข็งแกร่งหยุดแนวรุกฝ่ายตรงข้ามบ่อยครั้ง ลูกเตะมุมแบ่งกันไปฝั่งละ 4 ครั้ง แปลว่าลักเซมเบิร์กไม่ได้ถูกกดจนหมดรูป ยังมีจังหวะดันขึ้นมาเล่นลูกเซตพีสบางช่วง ทว่าความเฉียบคมในพื้นที่สุดท้ายยังต่างกันหลายระดับ
⏱️ เหตุการณ์สำคัญในเกม
- 🟨 นาที 31 – เลออน โกเร็ตซ์ก้า ทำฟาวล์หนักกลางสนาม รับใบเหลืองใบแรกของเกม
- 🟨 นาที 40 – ฟลอเรียน โบนเนิร์ต ฟาวล์รุนแรงทางริมเส้นฝั่งซ้าย ลักเซมเบิร์กโดนจดชื่อเพิ่ม
- 🔁 นาที 46 – ลักเซมเบิร์กเปลี่ยนตัวแรก ส่งมาร์วิน มาร์ตินส์ลงมาแทนโบนเนิร์ตเพื่อเสริมเกมรับ
- ⚽ นาที 49 – เยอรมนีขึ้นนำ 1-0 เลรอย ซาเน่ หลุดทางซ้ายก่อนเปิดให้ นิค โวลเทอมาด ซัดจ่อ ๆ ไม่เหลือ
- 🔁 นาที 54 – อินทรีเหล็กถอดโกเร็ตซ์ก้าออก ส่งเฟลิกซ์ เอ็นเมชาลงมาคุมจังหวะกลางสนาม
- 🟨 นาที 55 – โยนาธาน ทาห์ ตัดฟาวล์ซินานีหน้ากรอบโทษ รับใบเหลือง
- 🟨 นาที 60 – ซานโดร โคราช ทำฟาวล์นอกเกม ถูกผู้ตัดสินแจกใบเหลืองเพิ่มให้ลักเซมเบิร์ก
- 🔁 นาที 66 – เยอรมนีเปลี่ยนตัวแนวรุก ส่งเควิน ชาเด้ลงแทนนาบรี้
- 🟨 นาที 68 – ดาเนล ซินานี ทำฟาวล์ตัดเกมกลางสนาม โดนใบเหลืองใบที่สามของเจ้าถิ่น
- ⚽ นาที 69 – เยอรมนีหนีเป็น 2-0 ริดเลอ บากู เติมสูงทางขวาก่อนเปิดให้โวลเทอมาดกดหน้าปากประตู ตุงตาข่ายเป็นประตูที่สองของเจ้าตัว
- 🔁 นาที 71 – ลักเซมเบิร์กส่งโทมัส เด ซูซา โมเรยร่า ลงแทนโอลิวิเยร์ ทิลล์เพื่อเพิ่มความสดแดนกลาง
- 🔁 นาที 79 – เจ้าถิ่นเปลี่ยนสองคนรวด อเลสซิโอ เคิร์ชี แทนเปเรย์ร่า และอับดูไล จาบี เอ็มบาโล แทนโอเลเซน
- 🔁 นาที 79 – เยอรมนีเปลี่ยนคู่แนวรับและแนวรุก มาลิค ทิอาว ลงแทนทาห์ ส่วนเจมี่ เลเวลลิง ลงแทนซาเน่
- 🔁 นาที 88 – เซบาสตียง ทิลล์ ได้โอกาสลงสนาม แทนอายูบ ดาร์ดารี
- 🗣️ ระหว่างเกม – กุนซือลักเซมเบิร์ก เจฟฟ์ สตราสเซอร์ มีจังหวะโวยผู้ตัดสินจนโดนผู้ตัดสินเตือนอย่างหนักข้างสนาม
⭐ Player of the Match
รางวัล Man of the Match ในเกมนี้ตกเป็นของ ฟลอเรียน เวิร์ตซ์ มิดฟิลด์ตัวรุกของเยอรมนี ที่โชว์ฟอร์มคุมจังหวะเกมอย่างเหนือชั้น คะแนนจาก Sofascore อยู่ที่ 8.0 สูงสุดในสนาม เวิร์ตซ์รับบอลระหว่างไลน์ได้ตลอดเวลา เป็นตัวเชื่อมระหว่างกลางกับแนวรุก สร้างโอกาสให้เพื่อนหลายครั้ง ทั้งการแทงทะลุช่อง การเคาะบอลหนึ่งจังหวะให้ซาเน่ลากไปเปิด รวมถึงการยิงไกลเองในช่วงครึ่งแรก
แม้ชื่อบนสกอร์บอร์ดจะเป็นของนิค โวลเทอมาดที่เหมาสองประตู แต่เบื้องหลังจังหวะบุกส่วนใหญ่มีเวิร์ตซ์เป็นคนเริ่มต้น ทุกครั้งที่ลักเซมเบิร์กพยายามดันไลน์ขึ้นสูง เขาจะถอยต่ำลงมารับบอลแล้วหมุนเปลี่ยนแกนอย่างรวดเร็ว ทำให้กองหลังเจ้าถิ่นตามประกบไม่ทัน จึงไม่แปลกที่หลายสื่อจะให้เวิร์ตซ์คือหัวใจของอินทรีเหล็กในค่ำคืนนี้
📈 สถานการณ์ในตารางคะแนนฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก โซนยุโรป กลุ่ม A
ชัยชนะเกมนี้ทำให้เยอรมนีลงเล่น 5 นัด ชนะ 4 เสมอ 1 ยังไม่แพ้ใคร ยิงได้ 10 เสียเพียง 3 ประตู เก็บเพิ่มเป็น 12 คะแนน เท่ากับสโลวาเกีย แต่ประตูได้เสียของอินทรีเหล็กดีกว่า +7 ขณะที่สโลวาเกียอยู่ที่ +4 ทำให้เยอรมนียึดตำแหน่งจ่าฝูงกลุ่ม A อย่างเหนียวแน่น และกดดันให้สโลวาเกียต้องเก็บชัยชนะในเกมที่เหลือหากหวังลุ้นแซง
ด้านลักเซมเบิร์ก สถานการณ์เข้าขั้นโคม่า เตะครบ 5 นัด แพ้รวด ยิงได้เพียง 1 ลูก เสียไปถึง 12 ประตู ผลต่าง -11 ยังไม่มีแม้แต่คะแนนเดียว รั้งบ๊วยของกลุ่มแบบเต็มตัว โอกาสลุ้นตั๋วไปฟุตบอลโลกแทบเลือนลาง เหลือเพียงเป้าหมายรักษาศักดิ์ศรีในเกมที่เหลือไม่ให้จบด้วยสถิติแพ้รวดเท่านั้น
📅 ตารางบอลฟุตบอลโลก 2026 รอบคัดเลือก กลุ่ม A นัดถัดไป
โปรแกรมในกลุ่ม A ยังเข้มข้นต่อเนื่อง จากภาพรวม ตารางบอล ที่อัปเดตล่าสุด เกมสำคัญนัดถัดไป เยอรมนีจะกลับไปเล่นในบ้านพบสโลวาเกีย ซึ่งถือเป็นศึกแย่งตำแหน่งจ่าฝูงโดยตรง ส่วนลักเซมเบิร์กมีคิวบุกไปเยือนไอร์แลนด์เหนือ แม้จะเป็นงานหนัก แต่ถ้าหากเก็บแต้มได้ก็จะช่วยปลุกความมั่นใจและตัดคำวิจารณ์เรื่องฟอร์มบ๊วยของกลุ่มลงได้บ้าง
สำหรับแฟนบอลที่ตามเชียร์อินทรีเหล็ก นี่คือจุดเริ่มต้นของช่วงโปรแกรมโหดที่จะตัดสินอนาคตในรอบคัดเลือก ผลงานวันนี้บอกชัดว่าทีมเริ่มเข้าที่แล้ว หากรักษามาตรฐานนี้ได้ เกมใหญ่กับสโลวาเกียมีโอกาสกลายเป็นนัดชี้ชะตาคว้าตั๋วไปเล่นรอบสุดท้ายอย่างเป็นทางการ
📺 ติดตาม บ้านผลบอล และความเคลื่อนไหวได้ที่ บ้านกีฬา
ใครที่อยากเกาะติดทุกจังหวะของศึกคัดบอลโลก ไม่ว่าจะเป็นสกอร์สด รายชื่อนักเตะก่อนแข่ง ฟอร์มล่าสุด สถิติเกมรับ–เกมรุก หรือมุมมองเชิงลึกแบบเจาะใจเซียน แนะนำให้ตามเช็ก บ้านผลบอล และข่าวบอลอัปเดตทุกวันได้ที่ บ้านกีฬา เราจะเก็บทุกไฮไลต์ของอินทรีเหล็กและทุกชาติในยุโรปมาเล่าให้ฟังแบบมันส์ ๆ ภาษาคนดูบอลตัวจริง
