ถ้าพูดถึงคำว่า “เดธเกม” คนดูยุคนี้จะนึกถึง Squid Game แทบจะอัตโนมัติ แต่ปี 2025 นี้ Netflix ขยับหมากอีกครั้ง ส่ง ซีรีส์ญี่ปุ่นสายดิบอย่าง “Last Samurai Standing” ลงสนาม ท่ามกลางคำเปรียบเทียบว่าเป็น “Squid Game x Shogun x Battle Royale” ซึ่งฟังดูเหมือนจะเวอร์ แต่พอดูแล้วต้องยอมรับว่า…ก็ไม่เกินจริงเลย
บ้านกีฬาเลยขอหยิบซีรีส์ Last Samurai Standing มาผ่ากลางดาบ วิเคราะห์กันแบบครบเครื่อง ทั้งพล็อต แอ็กชัน งานภาพ ไปจนถึงมิติประวัติศาสตร์ยุคเมจิและความเป็น “ซามูไรยุคสุดท้าย” ที่ซีรีส์หยิบมาเล่นได้อย่างเข้มข้น พร้อมใส่เนื้อหาย่อยง่ายสำหรับคนที่อาจไม่คุ้นกับประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น แต่ชอบของดุ ดิบ และดราม่าเลือดสาด
นี่ไม่ใช่แค่ซีรีส์ซามูไรธรรมดา แต่มันคือ “สมรภูมิล้างบางชนชั้นนักรบ” ที่ถูกจับโยนลงเดธเกมสุดโหดให้เรานั่งลุ้นแบบหายใจไม่ทั่วท้องตลอด 6 ตอนรวด
Last Samurai Standing คือซีรีส์อะไร? ทำไมคนถึงเรียก Squid Game เวอร์ชันซามูไร
Last Samurai Standing เป็น ซีรีส์แอ็กชัน–ดราม่าประวัติศาสตร์ จากญี่ปุ่น ความยาว 6 ตอน ออริจินัลของ Netflix สร้างจากนิยายและมังงะ “Ikusagami” ผลงานของ Shogo Imamura ที่ถูกยกมาทำเป็นซีรีส์ฟอร์มใหญ่ในปี 2025
เรื่องราวเกิดขึ้นช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ยุค เมจิ (Meiji era) หลังญี่ปุ่นปิดตำนานโชกุนและเข้าสู่โลกสมัยใหม่เต็มตัว ชนชั้นซามูไรถูกปลดอาวุธ ปลดศักดิ์ศรี และโดนสังคมยุคใหม่ทิ้งไว้ข้างหลัง หลายคนต้องดิ้นรนเอาตัวรอดด้วยงานชั้นล่าง บ้างกลายเป็นนักเลงรับจ้าง บ้างค่อย ๆ ถูกลืมตายไปกับความเปลี่ยนแปลงของโลก
แล้วจู่ ๆ มีประกาศปริศนาแขวนไปทั่วประเทศ เชิญชวนเหล่านักรบ นักฆ่า ทหารผ่านศึก และคนสิ้นหวังทั้งแผ่นดินให้มารวมตัวกันที่วัดเท็นเรียวจิในเกียวโต เพื่อร่วม “เกม” ชิงเงินรางวัลระดับเปลี่ยนชีวิต – แลกกับ “ชีวิตจริง” ของพวกเขาเอง
กติกาง่ายแต่โคตรโหด:
- นักรบ 292 คน แต่จะมีแค่ไม่กี่คนที่ไปถึงโตเกียว
- ทุกคนต้องแย่ง ป้ายไม้ (Tag) จากคอของผู้เข้าแข่งขันคนอื่น
- ใครเสียแท็ก = ตาย / ใครหนีเกม = โดนยิงทิ้งทันที
- ระหว่างทางจากเกียวโตสู่โตเกียวต้องผ่านด่านเช็กพอยต์ พร้อมยอดแท็กขั้นต่ำ
- คนที่ไปถึงปลายทาง พร้อมยอดแท็กครบตามโควตา คือผู้ชนะเงินรางวัลมหาศาล
ฟังแล้วนึกถึงอะไร? ใช่ครับ มันคือ โครงสร้างเดธเกมแบบ Battle Royale ผสม Squid Game เพียงแต่ซีรีส์เลือกเปลี่ยนสนามจากโรงเรียน กับสนามเด็กเล่น มาเป็น “ถนนสายโหด Tōkaidō” ที่เต็มไปด้วยดาบ เลือด และควันปืนในยุคเปลี่ยนผ่านญี่ปุ่นสู่ความเป็นมหาอำนาจสมัยใหม่

พล็อตหลัก: ชูจิโร่ ซามูไรที่เหลือแค่ศักดิ์ศรี กับเดิมพันสุดท้ายเพื่อครอบครัว
ตัวดำเนินเรื่องของ Last Samurai Standing คือ ชูจิโร่ ซากะ (Shujiro Saga) รับบทโดย Junichi Okada เทพซามูไรเจ้าของฉายา “The Manslayer” นักฆ่าในสนามรบที่เคยได้รับการว่าจ้างโดยรัฐบาลในยุคสงคราม แต่ยุคเมจิมาถึง เขากลายเป็นแค่คนธรรมดาที่ไม่มีที่ยืนในสังคมใหม่
ชีวิตของชูจิโร่พังยับจาก 3 ด้านพร้อมกัน
- แพ้สงคราม – สูญเสียศักดิ์ศรีซามูไร
- มีบาดแผลทางใจจาก Boshin War และเหตุการณ์รบที่ตราตรึง
- ครอบครัวเจอกับโรคระบาด อหิวาตกโรค (cholera) ลูกสาวเสียชีวิต ภรรยาและลูกชายป่วยหนัก หมู่บ้านกำลังจมลงสู่หายนะ
สิ่งเดียวที่เขายังเหลือคือ “ดาบ” และความสามารถในการฆ่า แต่โลกยุคใหม่กลับไม่ต้องการมันอีกแล้ว
จนวันหนึ่งเขาได้ใบปิดรับสมัครเข้าร่วมเกม Kodoku ที่เกียวโต พร้อมเงินรางวัลมหาศาล เขาตัดสินใจออกเดินทางจากหมู่บ้าน ทิ้งลูกชายไว้ แล้วกระโจนเข้าสู่เกมที่เต็มไปด้วยเลือด เพื่อเดิมพันทุกอย่างครั้งสุดท้ายให้ครอบครัวรอดชีวิต
ในสนามเดธเกม ชูจิโร่ไม่ได้อยู่คนเดียว เขาได้พบกับ
- ฟุตาบะ (Futaba Katsuki) เด็กสาวไร้ทักษะการต่อสู้ แต่ยอมเสี่ยงตายเพื่อหาเงินรักษาแม่ เธอกลายเป็น “หัวใจมนุษย์” ของเรื่อง
- อิโรฮะ คินุกาซะ (Iroha) นักดาบหญิงฝีมือเฉียบจากอดีตโรงฝึกชื่อดัง และยังมีความเกี่ยวพันกับอดีตของชูจิโร่อีกชั้น
- เคียวจิน (Kyojin Tsuge) นักกลยุทธ์สายลื่น ผู้ชอบพูดเรื่องพันธมิตรแต่ก็หายตัวไปเป็นพัก ๆ
- บุโคสึ (Bukotsu) จอมโหดสายเชือดดิบ ที่โผล่มาทุกฉากคือกลิ่นความตายตามมาเสมอ
ทั้งสี่คนต้องพยายามเอาชีวิตรอดบนถนนสายเลือดที่เต็มไปด้วยดักดาน การทรยศ การหักหลัง และเดิมพันทางศีลธรรมที่ถามซ้ำ ๆ ว่า
“เพื่อคนที่เรารัก…เราจะฆ่าไปได้ไกลแค่ไหน?”

โทนเรื่อง: เดธเกมโหด แต่มีหัวใจมากกว่าที่คิด
จุดที่ทำให้ Last Samurai Standing น่าสนใจกว่าการเป็นแค่ “ซีรีส์เลียนแบบ Squid Game” คือโทนเรื่องที่เลือกยืนอยู่บนเส้นบาง ๆ ระหว่าง ความโหด กับ ความหวัง
- เกม Kodoku โหดจริง เลือดสาดจริง ตายกันเป็นเบือ คอแอ็กชันดาบ ฟัน แขน-หัวขาด จะฟินแน่นอน
- แต่ใจกลางเรื่องกลับเป็นสายสัมพันธ์ “เหมือนพ่อ–ลูก” ระหว่างชูจิโร่กับฟุตาบะ ที่ค่อย ๆ เติบโตท่ามกลางสงครามเอาชีวิตรอด
ฟุตาบะคือคนที่คอย “ดึงมนุษย์” ของชูจิโร่กลับมาไม่ให้กลายเป็นสัตว์ล่าเหยื่อเต็มตัว เธอเป็นตัวแทนความเมตตาในโลกที่ทุกคนพร้อมฆ่ากันเพียงเพราะแผ่นไม้หนึ่งชิ้น นั่นทำให้ซีรีส์มีแรงส่งทางอารมณ์ที่หลายคนมองว่า “จับต้องคนดูได้มากกว่า Squid Game ในบางมิติ” ด้วยซ้ำ
แอ็กชันซามูไรระดับเดือด: ของจริงหรือแค่ซีจี?
ถ้าพูดถึงจุดขายใหญ่สุดของ Last Samurai Standing ต้องยกให้ ฉากแอ็กชันซามูไร ที่ดุเดือดไม่แพ้หนังโรงระดับท็อป ทั้งการฟัน ปะทะ ป้องกัน ยิง ฟาด ปลิดชีพ ที่ออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน
จุดสำคัญคือ Junichi Okada ไม่ได้แค่เป็นพระเอก แต่ยังนั่งแท่น Action Choreographer และโปรดิวเซอร์ร่วม ดูแลคิวบู๊ด้วยตัวเอง ทำให้ฉากต่อสู้มี “น้ำหนัก” และความจริงจังแบบที่แฟนหนังซามูไรดั้งเดิมน่าจะยิ้มออก
ไฮไลต์ที่แฟนแอ็กชันไม่ควรพลาด เช่น
- เปิดเรื่องด้วยฉากสงคราม Boshin War ยิงปืนใหญ่-ปะทะดาบอลังการ
- ฉากสังหารหมู่ในวัดเท็นเรียวจิ ที่ดาบ ฟัน คอขาด เลือดพุ่งแบบไม่อ้อมค้อม
- การต่อสู้กลางป่า หมอก เสียงธนูพุ่งผ่านหัว ตัวละครต้องเอาชีวิตรอดทั้งจากศัตรูและภูมิประเทศ
- ฉากดวลดาบท่ามกลางแสงไฟและพลุ ที่ทั้งสวยและโหดจนภาพติดตา
งานภาพเน้นการใช้สโลว์–สปีด เร่ง–หน่วงจังหวะภาพมากกว่าพึ่งซีจีหนัก ๆ ทำให้หลายฉากรู้สึก “จับต้องได้” ราวกับดูนักดาบตัวเป็น ๆ ปะทะกัน ไม่ใช่แค่แอนิเมชันใส่ทับทีหลัง

ประวัติศาสตร์ยุคเมจิ: เมื่อซามูไรกลายเป็น “คนตกยุค”
ถ้าอยากดู Last Samurai Standing ให้สนุกขึ้นอีกระดับ การรู้คร่าว ๆ ว่า “ยุคเมจิ” คืออะไร จะช่วยให้เข้าใจแรงจูงใจของตัวละครได้ดีขึ้นมาก
- หลังสงคราม Boshin และการล่มสลายของโชกุน ญี่ปุ่นเดินหน้าปฏิรูปประเทศอย่างรวดเร็ว
- ระบบชนชั้นซามูไรถูกยกเลิก โดนห้ามพกดาบในที่สาธารณะ ถูกลดบทบาทจากนักรบมีเกียรติ กลายเป็นคนธรรมดา บางคนตกงาน บางคนกลายเป็นโจรหรือทหารรับจ้าง
- ชนชั้นนำใหม่หันไปให้ค่ากับ “ทุน อุตสาหกรรม ทหารสมัยใหม่” มากกว่าศักดิ์ศรีดาบ
ในซีรีส์ เราจึงเห็นเหล่าซามูไรและนักรบยุคเก่าถูกโยนลงสนาม Kodoku เพื่อให้ “ฆ่ากันเอง” ภายใต้สายตาของกลุ่มชนชั้นนำและนายทุนที่คอยดูเกมจากเบื้องหลัง มีทั้งเดิมพันเงินก้อนโตและผลประโยชน์ทางการเมือง เป็นการสะท้อนว่า “ในยุคใหม่ คนที่เคยมีเกียรติ…อาจเหลือแค่คุณค่าตอนเขาถูกใช้เป็นเครื่องเล่นของชนชั้นสูง”
นี่คือมิติที่ทำให้ซีรีส์ไม่ได้มีแค่ดาบกับเลือด แต่ยังจี้ประเด็นเรื่อง
- คนตกยุค
- ชนชั้นที่ถูกทิ้งจากการพัฒนาประเทศ
- ความโหดร้ายของคนมีอำนาจที่มองชีวิตคนเป็นแค่หมากในเกม
ถ้าใครชอบงานอย่าง Shogun, Rurouni Kenshin, หนังซามูไรที่พูดถึงความล่มสลายของยุคเก่า ซีรีส์นี้จะตอบโจทย์แบบจัดเต็ม

จุดเด่นของ Last Samurai Standing
- แอ็กชันจัดเต็ม ดิบ โหด สมชื่อซีรีส์ซามูไร
ใครที่บ่นว่า Shogun แอ็กชันน้อยเกินไป มาดูเรื่องนี้คือหายอยากแน่นอน ฟันกันทุกตอน มีเซ็ตพีซใหญ่แทบทุกเอพ - ความสัมพันธ์ชูจิโร่–ฟุตาบะ คือหัวใจของเรื่อง
พ่อที่พยายามไถ่บาปในอดีต กับเด็กสาวที่ยังเชื่อในความดีของมนุษย์ ทำให้ซีรีส์มี “ความนุ่ม” แทรกอยู่ในโลกที่โคตรโหด - งานโปรดักชันจริงจัง–โลเคชันสวย–บรรยากาศแน่น
จากเกียวโตสู่เส้นทาง Tōkaidō ซีรีส์ใช้โลเคชันธรรมชาติ วัด ทางภูเขา เมืองเล็ก ๆ มาเป็นฉากหลังของเดธเกมได้อย่างมีมิติ - ดราม่าแทรกคอมเมนต์สังคม–การเมืองเบา ๆ แต่คม
ไม่ได้จี้ทุนนิยมแบบโต้ง ๆ เหมือน Squid Game แต่พูดเรื่องอำนาจรัฐ นายทุน และการกวาดล้างซามูไรอย่างแหลมคมในเชิงประวัติศาสตร์
จุดที่อาจขัดใจบางคน
- ตัวละครเยอะมาก
มีนักรบเกือบ 300 คน ซีรีส์พยายามหยิบหลายตัวมาเล่าแฟลชแบ็ก บางคนพอเริ่มอินปุ๊บ…ตายปั๊บ ทำให้รู้สึกเสียดายไปบ้าง - ตอนเล่าเหล่าโอลิการ์ช / Zaibatsu อาจช้าลงนิด
ฉากพวกนายทุน–ชนชั้นนำที่ดูเกมจากเบื้องบน ช่วงแรกอาจดูเนิบ แต่พอรู้ว่าพวกเขาโยงกับประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นจริง ๆ ก็จะเห็นภาพกว้างชัดขึ้นมาก - ไม่ใช่ซีรีส์สายเสียดสีแบบ Squid Game เต็มตัว
ใครที่หวังความจิกกัดสังคมหนัก ๆ อาจรู้สึกว่ามันเน้นแอ็กชันและดราม่าเชิงส่วนตัวมากกว่า แต่ถ้าชอบความมันแบบ “ซามูไรเดือดเลือดสาด” จะยิ้มกว้าง

เหมาะกับใคร? ต้องชอบแนวไหนถึงจะอิน
Last Samurai Standing เหมาะกับคุณแน่ ๆ ถ้า
- ชอบ ซีรีส์ญี่ปุ่น โทนเข้มข้น มีทั้งการเมืองและความเป็นมนุษย์
- อินกับบรรยากาศยุค ซามูไรปลายยุค – เมจิรีสโตเรชัน
- ชอบงานแนว Battle Royale, Squid Game, Alice in Borderland
- ต้องการซีรีส์ที่ “จบใน 6 ตอน แต่จุใจ” ดูรวดเดียวจบสุดสัปดาห์ได้สบาย
สรุป: Last Samurai Standing – อีกหนึ่งซีรีส์แอ็กชันที่แฟนเดธเกมห้ามพลาด
ในมุมของบ้านกีฬา Last Samurai Standing คือซีรีส์ที่ทำการบ้านมาดีมาก ทั้งเรื่องแอ็กชัน งานภาพ บรรยากาศ และการเล่า “โศกนาฏกรรมของซามูไรยุคสุดท้าย” ผ่านเดธเกมสุดเดือด
มันอาจไม่ใช่ซีรีส์ที่มาพลิกวงการแบบ Squid Game ในแง่ปรากฏการณ์ แต่ในด้าน “คุณภาพความมัน” และ “หัวใจของเรื่อง” หลายเสียงวิจารณ์ก็เริ่มพูดตรงกันว่า นี่คือหนึ่งใน ซีรีส์แอ็กชันดีที่สุดของปี 2025 บน Netflix เลยทีเดียว
ใครที่พร้อมจะดูซามูไรสู้เพื่อศักดิ์ศรี ความอยู่รอด และคนที่รัก
ลองกดเปิด Last Samurai Standing แล้วเตรียมใจไว้ได้เลยว่า…
ดาบเล่มนี้ไม่ได้ฟันแค่ศัตรู แต่มันจะฟันลงไปถึงคำถามในใจเราด้วยว่า
“ถ้าอยู่ในโลกแบบนี้ เราจะเลือกมีชีวิตอยู่ยังไง?”

และถ้าอยากตามต่อทั้ง รีวิวซีรีส์, กระแสหนัง, วงการบันเทิง และข่าวกีฬาเดือด ๆ
อย่าลืมติดตาม ข่าวเด่น ข่าววันนี้ ที่ ข่าวการค้นหาที่มาแรงบ้านกีฬา แล้วคุณจะไม่หลุดวงโคจรของทุกกระแสฮอตทั้งในและนอกจอ

