ฮัสเซลเบงค์สวนกระแส ชี้แมนยูยังเล่นเหมือนเดิม ไม่มีพัฒนาการอย่างที่หลายคนคิด
แม้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะไม่แพ้ในลีกมา 5 นัดติด แต่สำหรับสายตาของ จิมมี่ ฟลอยด์ ฮัสเซลเบงค์ อดีตดาวยิงเชลซีสุดดุดัน นั่นไม่ใช่สัญญาณบ่งบอกว่า “ปีศาจแดงดีขึ้น” ตรงกันข้ามเขามองว่าฟอร์มการเล่นของแมนยู “ยังแย่เหมือนเดิม และไม่มีส่วนไหนพัฒนาอย่างเป็นรูปธรรม”
คำวิจารณ์นี้สร้างแรงกระเพื่อมไม่น้อยในหมู่แฟนบอล เพราะช่วงหลังมีเสียงชื่นชมว่าทีมกำลังกลับเข้าสู่เส้นทางที่ถูกต้อง แต่ฮัสเซลเบงค์กลับเห็นต่างอย่างชัดเจน พร้อมระบุว่าแมนยูยังห่างไกลจากทีมลุ้นท็อปโฟร์ในแบบที่เคยเป็นยุคเฟอร์กูสัน
ผลงานไม่แพ้ 5 เกม แต่ “คุณภาพเกม” ยังไม่ขยับ
แมนยูเก็บได้ 18 คะแนน รั้งอันดับ 7 ของตาราง และตามหลัง ซันเดอร์แลนด์ ทีมอันดับ 4 แค่แต้มเดียว ทำให้บางส่วนเชื่อว่าทีมกำลังกลับมาคึกคัก แต่ฮัสเซลเบงค์กลับตั้งคำถามว่า “แล้วตรงไหนกันที่ดีขึ้น?”
เขาชี้ชัดว่าแมนยูไม่ได้ยิงมากขึ้น ไม่ได้เสียประตูน้อยลง และยังไม่มีความชัดเจนทั้งในระบบการเล่นและความสามารถในการปิดเกม นี่คือเหตุผลที่เขามองว่าผลงานไร้พ่ายช่วงหลังอาจเป็นเพียง “ภาพลวงตา”
อดีตศูนย์หน้าร่างบึกเผยความเห็นตรงๆ ว่า
“ผมขอโทษด้วยที่ต้องพูดแบบนี้ แต่ผมไม่คิดว่าพวกเขาทำได้ดีขึ้นเลย ตรงไหนเหรอที่พวกเขาปรับปรุงได้ดีขึ้น ? พวกเขาไม่ได้ทำประตูได้มากกว่าเดิมสักหน่อย, ไม่ได้เสียประตูน้อยลง และไม่ได้แชมป์อะไรเลยด้วย”
ย้อนมองซีซั่นก่อน – เข้าชิงแต่แพ้ให้ทีมที่ไม่ควรแพ้
ฮัสเซลเบงค์ยังย้อนความว่าแม้ฤดูกาลก่อน แมนยูจะหลุดไปถึงนัดชิงฟุตบอลยุโรป แต่สุดท้ายก็พ่ายให้กับทีมที่เขามองว่า “ไม่ได้พิเศษอะไร” จนกลายเป็นภาพสะท้อนว่าคุณภาพทีมยังไม่ถึงระดับที่ควรเป็น
เขายังชี้ไปยังรูเบน อาโมริม ผู้จัดการทีมคนปัจจุบัน ว่ายังต้องเร่งงานหนักอีกมาก เพราะทีมยัง “ขาดความสร้างสรรค์แบบที่แมนยูยุคเก่ามี” ไม่ว่าจะการขึ้นเกม การเจาะพื้นที่แคบ หรือการพึ่งพาผู้เล่นคนเดียวแก้สถานการณ์
ฮัสเซลเบงค์กล่าวต่อว่า
“จริงอยู่ว่าฤดูกาลก่อนพวกเขาเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศของฟุตบอลถ้วยยุโรปได้ แต่พวกเขาก็แพ้ให้กับทีมที่แย่ ใช่ ท็อตแน่ม ชุดฤดูกาลก่อนเป็นทีมที่แย่ ผมมองว่าเขา (รูเบน อโมริม) ยังมีงานต้องทำอีกเยอะมากๆ ผมไม่คิดว่าพวกเขามีความสร้างสรรค์ในการเล่นมากพอ มันไม่เหมือนกับที่พวกเขาเคยเป็น”
วิเคราะห์จากมุมแท็กติก – ปัญหาเก่ายังอยู่เหมือนเดิม
เมื่อมองรายละเอียดเชิงแท็กติก แมนยูยังเจอปัญหาเดิม ๆ ไม่ว่าจะเป็น
– เกมรุกที่ขาดจินตนาการ
– การเข้าทำที่ไม่เฉียบคม
– การยืนตำแหน่งของแดนกลางที่ผิดจังหวะ
– แนวรับที่ยังมีรอยรั่วให้เห็นทุกนัด
แม้จะไม่แพ้ 5 นัดติด แต่หลายเกมคือการเสมอแบบไร้แรงขับเคลื่อน ไม่ได้แสดงให้เห็นว่าทีมยกระดับหรือมีพัฒนาการที่ชัดเจน ทำให้เสียงวิจารณ์เริ่มดังขึ้นตามความคาดหวังที่ยังคงสูงลิ่ว
สถานการณ์นี้ชี้ให้เห็นความจริงของฟุตบอลยุคใหม่
ในฟุตบอลยุคปัจจุบัน การไม่แพ้ต่อเนื่องไม่ได้เท่ากับว่าทีมกำลังดีขึ้น หากไม่มีรูปแบบการเล่นที่ชัดเจน ไม่มีคาแรกเตอร์ของทีม การเดินหน้าล่าแชมป์ก็แทบเป็นไปไม่ได้ ความสม่ำเสมอทั้งเกมรับ-เกมรุกคือหัวใจที่ทีมระดับท็อปต้องมี และนี่คือสิ่งที่แมนยายังขาดอย่างชัดเจนในตอนนี้
แฟนบอลหลายคนอาจยังมองโลกในแง่ดี แต่คำเตือนของฮัสเซลเบงค์สะท้อนความเป็นจริงว่าทีมยังต้องพัฒนาอีกมาก หากหวังกลับไปเป็นทีมที่คู่แข่งหวั่นเกรงเหมือนเมื่อก่อน
ปีศาจแดงต้องหาความเฉียบคมใหม่ หากหวังกลับสู่จุดสูงสุด
แม้เสียงวิจารณ์จะหนัก แต่ก็เป็นจังหวะที่แมนยูควรกลั่นกรองทุกคำพูด เพราะนี่คือเวลาที่ทีมต้องตัดสินใจว่าจะเดินหน้าแบบเดิม หรือจะเปลี่ยนแปลงแนวทางเพื่อกลับไปสู่ความเป็น “แมนยูในแบบดั้งเดิม” ที่เต็มไปด้วยความดุดันและความสร้างสรรค์ในทุกจังหวะ
ทุกความเคลื่อนไหวของทีมดังเมืองแมนเชสเตอร์ยังมีให้ติดตามต่อเนื่องที่ ข่าวกีฬาฟุตบอลบ้านกีฬา
