การผันตัวจากเส้นทางลูกหนังสู่เวทีการเมืองไม่ใช่เรื่องง่าย แต่สำหรับ “บิ๊ก” ประวีณวัช บุญยงค์ อดีตกองหลังทีมชาติไทย ผู้เคยยืนหยัดปกป้องแนวรับให้กับหลายสโมสรดังในศึกไทยลีก วันนี้เขาตัดสินใจลงสนามครั้งใหม่—สนามการเมือง ในฐานะว่าที่ผู้สมัคร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดกาญจนบุรี เขต 5 ในนาม พรรคภูมิใจไทย

เส้นทางลูกหนังของ “บิ๊ก ประวีณวัช”
ย้อนกลับไปในวันวานชื่อของ ประวีณวัช บุญยงค์ เคยเป็นหนึ่งในแนวรับที่แฟนบอลไทยจำได้ดี ด้วยสไตล์การเล่นแข็งแกร่ง เด็ดขาด และมุ่งมั่น เขาคือหนึ่งในผลผลิตของยุคทองลูกหนังไทย ผ่านการค้าแข้งกับหลายสโมสรชั้นนำ อาทิ บางกอกกล๊าส เอฟซี (บีจี ปทุม ยูไนเต็ด), ชัยนาท ฮอร์นบิล, การท่าเรือ เอฟซี, บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด, ราชบุรี เอฟซี, นครศรี ยูไนเต็ด, และ คัสตอม ยูไนเต็ด
ในนามทีมชาติ “บิ๊ก ประวีณวัช” คือหนึ่งในขุนพลของ “ช้างศึก” ที่พาทีมคว้าแชมป์ เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2014 และ 2016 ยุคของ “ซิโก้ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง” ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาที่ทีมชาติไทยกลับมาผงาดในเวทีอาเซียนอีกครั้ง เขาคือส่วนหนึ่งของแนวรับที่แฟนบอลจดจำได้ในความกล้าและความทุ่มเท

ก้าวใหม่ในชีวิต จากฟุตบอลสู่การเมือง
หลังจากแขวนสตั๊ด “ประวีณวัช” ยังคงอยู่ในวงการลูกหนัง ด้วยการรับบท หัวหน้าโค้ชร่วมทีม พลังกาญจน์ เอฟซี รุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี ร่วมกับ “โค้ชโก้” ศักรินทร์ จันทร์โยธา ในการแข่งขัน PEA U-21 Youngster League 2025 แต่เส้นทางชีวิตของเขายังไม่หยุดเพียงเท่านั้น เพราะในวันนี้ เขาตัดสินใจ “ลงสนามอีกครั้ง” เพียงแต่คราวนี้เป็น สนามการเมือง ที่เดิมพันด้วยอนาคตของประชาชน
โดย “บิ๊ก ประวีณวัช” เปิดตัวเป็นผู้สมัคร ส.ส.กาญจนบุรี เขต 5 ครอบคลุมพื้นที่ อำเภอสังขละบุรี, ทองผาภูมิ, ศรีสวัสดิ์, ไทรโยค และบางส่วนของอำเภอเมืองกาญจนบุรี (ต.บ้านเก่า) ในนาม พรรคภูมิใจไทย (ภท.)
เบื้องหลังความมุ่งมั่นทางการเมืองของเขา ไม่ได้เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน เพราะ “ประวีณวัช” เติบโตมาในครอบครัวที่ทำงานด้านบริหารท้องถิ่นโดยตรง — เขาเป็นลูกชายของ นายประเทศ บุญยงค์ นายกเทศมนตรีตำบลท่าขนุน และยังเป็นพี่ชายของ “สจ.บอส” ฑีฆพงศ์ บุญยงค์ สมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัดกาญจนบุรี เขตอำเภอทองผาภูมิ จึงไม่น่าแปลกที่สายเลือดนักพัฒนาและความตั้งใจรับใช้บ้านเกิดจะหล่อหลอมอยู่ในตัวเขามาตลอด

พรรคภูมิใจไทยเปิดศึกการเมือง ดึงอดีตนักฟุตบอลร่วมขบวน
ในวันเดียวกัน (10 พฤศจิกายน 2568) นายโสภณ ซารัมย์ รองนายกรัฐมนตรีและแกนนำพรรคภูมิใจไทย ได้เปิดตัวผู้สมัคร ส.ส. ชุดใหญ่ในหลายพื้นที่ ทั้งภาคอีสานและภาคกลาง โดยมีบุคคลดังเข้าร่วมจำนวนมาก เช่น ธนชัย สินธุไพร, นิรันดร์ นาเมืองรักษ์, และ ศักดา คงเพชร รวมถึง “ประวีณวัช บุญยงค์” ที่ถือเป็นอดีตนักกีฬาคนสำคัญที่เข้ามาเติมพลังให้กับพรรค
นายโสภณกล่าวว่า พรรคภูมิใจไทยกำลังได้รับการตอบรับอย่างดีจากประชาชน ด้วยแนวทางการทำงานเชิงปฏิบัติ มากกว่าวาทกรรมทางการเมือง พร้อมย้ำว่า แม้พรรคจะเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยในปัจจุบัน แต่ 4 เดือนต่อจากนี้คือช่วงเวลาพิสูจน์ผลงาน โดยมีโครงการสำคัญอย่าง “คนละครึ่งพลัส” และการผลักดันนโยบายแก้ปัญหายาเสพติด เป็นจุดแข็งที่ช่วยสร้างความเชื่อมั่นว่าพรรคจะกลับมาเป็นรัฐบาลเต็มตัวอีกครั้ง

จากนักเตะสู่ผู้แทน “ใจเดียวกันคือการอุทิศเพื่อทีม”
สำหรับ “ประวีณวัช บุญยงค์” การเข้าสู่สนามการเมืองอาจไม่ต่างจากการลงสนามฟุตบอลในอดีต เพราะสิ่งที่เขาเชื่อมั่นเสมอคือ “การเล่นเป็นทีม” และ “การเสียสละเพื่อส่วนรวม” ในสนามฟุตบอลเขาคือผู้ป้องกันแนวรับให้เพื่อนร่วมทีม วันนี้เขากำลังเปลี่ยนบทบาทเพื่อปกป้องและผลักดันความเป็นอยู่ของคนในพื้นที่บ้านเกิดอย่างกาญจนบุรี
เขาเผยความตั้งใจว่าอยากใช้ประสบการณ์จากวงการกีฬา สร้างแรงบันดาลใจให้เยาวชนในพื้นที่ มองเห็นอนาคตที่กว้างไกล ทั้งในด้านกีฬา การศึกษา และอาชีพ พร้อมผลักดันให้ “กาญจนบุรี” กลับมาเป็นศูนย์กลางกีฬาระดับภูมิภาคอีกครั้ง
![]()
มุมมองที่กว้างกว่าเกมฟุตบอล
การที่อดีตนักกีฬาหันมาทำงานการเมืองไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่สิ่งที่แตกต่างคือ “มุมมองของคนที่เคยลงสนามจริง” เพราะนักฟุตบอลเข้าใจคำว่า “ทีมเวิร์ก” “ความรับผิดชอบ” และ “การทำเพื่อแฟนบอล” ซึ่งไม่ต่างจากการทำงานเพื่อประชาชน หากสามารถนำวินัยและความมุ่งมั่นจากสนามหญ้ามาใช้ในสนามการเมืองได้ นี่อาจเป็นอีกบทบาทที่เขาจะทำได้อย่างโดดเด่น
“ประวีณวัช บุญยงค์” คือภาพสะท้อนของคนรุ่นใหม่ที่ไม่หยุดแค่คำว่า “อดีตนักกีฬา” แต่พร้อมเดินหน้าสู่การสร้างความเปลี่ยนแปลงในระดับประเทศ เป็นอีกหนึ่งแรงขับเคลื่อนที่น่าจับตาในศึกเลือกตั้งครั้งใหม่ของไทย
บ้านกีฬา ขอเอาใจช่วยอดีตกองหลังทีมชาติไทยคนนี้บนเส้นทางใหม่ และจะติดตามความเคลื่อนไหวของ “บิ๊ก ประวีณวัช” อย่างใกล้ชิด
ขอขอบคุณรูปภาพจาก พรรคภูมิใจไทย
ติดตาม ข่าวเด่น ข่าววันนี้ ที่ ข่าวการค้นหาที่มาแรงบ้านกีฬา เพื่อไม่พลาดทุกความเคลื่อนไหวจากทั้งสนามกีฬาและสนามการเมืองของไทย

