
จาก : ผลบอลสด ไทยลีก ระหว่าง ชลบุรี เอฟซี 4-2 บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด วันนี้ 9/11/68 – บ้านกีฬา
เกมคู่บิ๊กแมตช์ BYD SEALION 6 ลีกหนึ่ง ฤดูกาล 2025/26 นัดที่ 11 ที่ชลบุรี ไดกิ้น สเตเดียม วันอาทิตย์ที่ 9 พฤศจิกายน 2568 แฟนบอลที่ตามเช็ก ผลบอลสด แทบไม่อยากเชื่อสายตา เมื่อ “ฉลามชล” ชลบุรี เอฟซี ทีมอันดับ 13 ที่มีแค่ 8 แต้มจาก 10 นัด เปิดบ้านล้ม “ปราสาทสายฟ้า” บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด จ่าฝูงไร้พ่ายซึ่งมีถึง 25 แต้มจาก 9 นัด ไปแบบสุดมันส์ 4-2 พร้อมยัดเยียดความพ่ายแพ้นัดแรกของซีซั่นให้จ่าฝูง และคว้าชัยในบ้านตัวเองครั้งแรกของฤดูกาลต่อหน้าแฟนบอลแน่นสนาม
⏱️ ครึ่งแรก – ฉลามชลขึ้นนำ แต่อับโบห์โดนแดง
ต้นเกม บุรีรัมย์ตามสไตล์ทีมใหญ่ ครองบอลไล่บี้เจ้าบ้านอย่างต่อเนื่อง ต่อบอลจากหลังขึ้นหน้าด้วยจังหวะที่เหนือกว่า แต่แล้วนาที 16 เกมก็พลิกไปเข้าทางชลบุรี เมื่อ ปฐมชัย เสือสกุล เก็บบอลกลางสนามก่อนฝากให้ กิตติพงษ์ แสนสนิท เห็นช่องว่างระหว่างเซ็นเตอร์ทีมเยือนแล้ว “งัด” บอลโด่งข้ามแนวรับให้ อูเคอร์ ฟาน ลิงเกน หลุดเดี่ยวไปดวล นีล เอเธอร์ริดจ์ ก่อนดาวยิงดัตช์แปเน้น ๆ ส่งบอลนอนก้นตาข่าย ฉลามชลออกนำ 1-0 เสียงเฮสะเทือนอัฒจันทร์
บุรีรัมย์พยายามเร่งเครื่องทันที ใช้ความละเอียดของ โกรัน เคาซิช กับ พิธิวัตต์ สุขจิตธรรมกุล คุมกลาง ดันวิงแบ็กอย่าง นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม และ ศศลักษณ์ ไหประโคน ขึ้นสูง แต่โอกาสจบสกอร์กลับไม่ชัดเจนเท่าไรนัก
กระทั่งนาที 30 เกมเปลี่ยนขั้วอีกครั้ง เมื่อ เลสลีย์ อับโบห์ ไปย้ำเท้าใส่ โกรัน เคาซิช กลางสนาม ผู้ตัดสินปล่อยให้เกมดำเนินต่อไปก่อนถูกเรียกเช็ก VAR แล้วกลับมาแจกใบแดงโดยตรง มองว่าเป็นการเข้าบอลอันตราย ชลบุรีเหลือผู้เล่นเพียง 10 คนตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงแรก ต้องถอยตั้งบล็อกลึกป้องกันคลื่นบุกของจ่าฝูง
ท้ายครึ่งแรกนาที 40 แฟนเจ้าบ้านเฮเก้อ เมื่อ โจนาธาน โบลิงกิ เกี่ยวบอลลงในเขตโทษแล้วพลิกตัวยิงผ่าน เอเธอร์ริดจ์ เข้าประตูไปแล้ว แต่ผู้ตัดสินเช็ก VAR แล้วกลับคำ ริบสกอร์คืนเนื่องจากมองว่า โบลิงกิ ใช้แรงกระแทกทำฟาวล์ใส่ โรเบิร์ต ซูลจ์ ก่อนยิงประตู จึงยังคงสกอร์ 1-0 เช่นเดิม
ช่วงเวลาที่เหลือ บุรีรัมย์บุกเป็นพายุ แต่เจอแนวรับฉลามชลที่บีบพื้นที่แน่นและ เควิน เรย์ เมนโดซ่า ช่วยเซฟสำคัญหลายครั้ง จบครึ่งแรก ชลบุรี เอฟซี ที่เหลือ 10 คนยังนำ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด 1-0
🔁 ครึ่งหลัง – บุรีรัมย์ตีเสมอได้ แต่โดนฟรีคิก–จุดโทษปิดบัญชี
เข้าสู่ครึ่งหลัง มาร์ก แจ็คสัน แก้เกมทันควัน ส่ง มย็องซอก โก ลงแทน โรเบิร์ต บาวเออร์ และถอด พิธิวัตต์ ออกให้ ธีราทร บุญมาทัน ลงมาปั้นเกมรุกหวังตีเสมอ แต่แผนยังไม่ทันเดิน เจ้าบ้านแทงเพิ่มทันที นาที 48 อูเคอร์ ฟาน ลิงเกน รับบอลแล้วไหลต่อให้ โจนาธาน โบลิงกิ หลุดเข้าไปซัดด้วยซ้ายเสียบเสาแรกอย่างเฉียบคม ชลบุรีหนี 2-0 แบบสุดคม
บุรีรัมย์ไม่ถอดใจ นาที 53 นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม เติมสูงมาทางขวา ก่อนแตะไหลทะลุช่องให้ กิลเยร์เม่ บิสโซลี่ หลุดเข้าไปแปโล่ง ๆ ไม่เหลือ เป็นประตูไล่ตาม 1-2 คืนความหวังให้จ่าฝูง
โมเมนตัมยิ่งเทไปทางทีมเยือน ในนาที 61 โรเบิร์ต ซูลจ์ ลองส่องไกลจากนอกเขตโทษ บอลพุ่งไปแฉลบ ณัฐพงษ์ สายริยา เปลี่ยนทางเข้ามุมประตู เมนโดซ่าที่พุ่งไปอีกทางหมดสิทธิ์เซฟ กลายเป็นประตูตีเสมอ 2-2 เกมกลับมาสมดุล แถมความกดดันโยนกลับไปหาชลบุรีเต็ม ๆ
แต่จังหวะสำคัญสุดของเกมมาในช่วงท้าย นาที 85 เจ้าถิ่นได้ฟรีคิกระยะน่าลุ้น สันติภาพ จันทร์หง่อม รับหน้าที่ปั่นด้วยขวาบอลโค้งเช็ดสามเหลี่ยมเสาไกลเข้าไปอย่างสุดสวย ชลบุรีนำอีกครั้ง 3-2 สนามแทบแตก แฟนบอล “ฉลามชล” ลุกขึ้นกระโดดกันทั้งสแตนด์
ช่วงทดเจ็บดราม่ายังไม่หมด เมื่อในนาที 90+12 VAR เรียกผู้ตัดสินไปดูเหตุการณ์ที่ ศศลักษณ์ ไหประโคน พุ่งสไลด์บล็อกลูกยิงของ เกร็ก ฮูล่า แล้วบอลไปโดนมือในกรอบเขตโทษ สุดท้ายเป่าให้จุดโทษ และเป็น เกร็ก ฮูล่า ที่ลุกขึ้นมารับหน้าที่สังหารเอง ซัดเสียบมุมไม่เหลือ ส่ง ชลบุรี เอฟซี ปิดเกมเอาชนะ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด 4-2 แบบสุดมันส์ คว้าชัยนัดแรกในบ้านตัวเองได้สำเร็จ พร้อมยัดเยียดความปราชัยแรกให้จ่าฝูงอย่างจัง

📋 รายชื่อนักเตะตัวจริง–ตัวสำรอง และคะแนน
🦈 ชลบุรี เอฟซี (4-2-3-1)
ผู้จัดการทีม: วิทยา เลาหกุล
ผู้เล่นตัวจริง
- ผู้รักษาประตู: เควิน เรย์ เมนโดซ่า (7.7)
- กองหลัง: กิตติพงษ์ แสนสนิท (7.1), เอนริเก้ ลินาเรส เฟอร์นันเดซ (6.2), ณัฐพงษ์ สายริยา (5.8 – ทำเข้าประตูตัวเอง), สันติภาพ จันทร์หง่อม (7.7 – ยิงฟรีคิก 3-2)
- กองกลางรับ: ปฐมชัย เสือสกุล (6.9), เลสลีย์ อับโบห์ (5.3 – ใบแดงนาที 30)
- กองกลางตัวรุก: ชาญณรงค์ พรมศรีแก้ว (กัปตัน, 6.8), อดิศักดิ์ ไกรษร (6.7), โจนาธาน โบลิงกิ (7.4 – ยิง 1, มีอีกลูกถูกริบ)
- ศูนย์หน้า: อูเคอร์ ฟาน ลิงเกน (8.4 – ยิง 1 แอสซิสต์ 1)
ตัวสำรองที่ถูกใช้งาน
- เกร็ก ฮูล่า (ลง 63′ แทน อดิศักดิ์ ไกรษร – ยิงจุดโทษ 4-2)
- ชญาธร ทัพสุวรรณ (ลง 64′ แทน ปฐมชัย เสือสกุล)
- ณัฐนันท์ เบี้ยสัมฤทธิ์ (ลง 82′ แทน ชาญณรงค์ พรมศรีแก้ว)
- ศิรภพ วันดี (6.6 – ลง 82′ แทน ฟาน ลิงเกน, โดนใบเหลืองช่วงท้าย)
ตัวสำรองไม่ได้ใช้
นพภัค กัดตูน, ทรงชัย ทองจำ, ธนเสฏฐ์ สุจริต, สุกรรณ บุนตา, ณภัทร ชุมปัญญา, รชตะ มรกษา, อาโบ อีซา, ต้นตะวัน ปัณฑะมณี
🏰 บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด (3-4-2-1)
ผู้จัดการทีม: มาร์ก แจ็คสัน
ผู้เล่นตัวจริง
- ผู้รักษาประตู: นีล เอเธอร์ริดจ์ (6.9)
- กองหลัง: โรเบิร์ต บาวเออร์ (6.5), พรรษา เหมวิบูลย์ (6.0), ศศลักษณ์ ไหประโคน (6.9)
- วิงแบ็ก/มิดฟิลด์ด้านข้าง: นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม (กัปตัน, 6.3 – แอสซิสต์ 1), โรเบิร์ต ซูลจ์ (6.9 – ยิงแฉลบเป็นประตู)
- มิดฟิลด์ตัวกลาง: โกรัน เคาซิช (6.8), เคนเน็ต ดูกอล (6.4 – ใบเหลือง)
- ตัวรุกด้านหลัง: พิธิวัตต์ สุขจิตธรรมกุล (6.2), ศุภชัย ใจเด็ด (6.2 – ใบเหลือง)
- ศูนย์หน้า: กิลเยร์เม่ บิสโซลี่ (6.7 – ยิง 1)
ตัวสำรองที่ถูกใช้งาน
- มย็องซอก โก (ลง 46′ แทน โรเบิร์ต บาวเออร์)
- ธีราทร บุญมาทัน (ลง 46′ แทน พิธิวัตต์ สุขจิตธรรมกุล)
- ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา (ลง 66′ แทน ศุภชัย ใจเด็ด)
- แซนดี้ วอลช์ (6.3 – ลง 86′ แทน นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม)
- เฟซซัล มูลิช (6.4 – ลง 90+2′ แทน พรรษา เหมวิบูลย์)
ตัวสำรองไม่ได้ใช้
ชัชชัย บุตรพรม, ชินภัทร ลีเอาะ, ธนิศร ไพบูลย์กิจเจริญ, รัตนากร ใหม่คามิ, ธนกฤต โชติมาณพักตร์, อาทิต เบิร์ก, อิลฮาน ฟานดี
นักเตะเด่นของเกมนี้ในฝั่งเจ้าบ้านคือ อูเคอร์ ฟาน ลิงเกน, สันติภาพ จันทร์หง่อม และ เมนโดซ่า ส่วนฝั่งบุรีรัมย์แม้แพ้ แต่ นฤบดินทร์, ซูลจ์ และ เคาซิช ก็ยังโชว์มาตรฐานระดับจ่าฝูงได้ดี
🧠 วิเคราะห์บอลการรุกและการรับ
ถ้ามองเชิงแท็กติก เกมนี้คือบทเรียนชั้นดีของทั้งสองทีม และเป็นตัวอย่างคลาสสิกของการเล่นบอล “รองบุกคม” ที่กุนซือหลายคนต้องจดไว้ในสมุด วิเคราะห์บอล
ชลบุรีเริ่มเกมด้วยระบบ 4-2-3-1 เปิดหน้าแลกพอสมควรในช่วง 15 นาทีแรก ใช้ ปฐมชัย คอยเชื่อมจากหลังไปหน้า เลสลีย์ อับโบห์ ยืนเป็นตัวชนแดนกลาง ส่วนแนวรุกสามตัวหลัง อูเคอร์ ฟาน ลิงเกน เคลื่อนที่สลับตำแหน่งตลอด ทำให้แนวรับบุรีรัมย์รับมือยาก พอโดนใบแดงนาที 30 วิทยา เลาหกุล ปรับทันที ถอยโครงสร้างเป็น 4-4-1 และในบางช่วงกลายเป็น 5-3-1 เมื่อฟูลแบ็กทั้งสองข้างยืนลึกมาก เน้นปิดช่องระหว่างไลน์ ไม่ไล่บีบสูง แต่ใช้การยืนป้องกันโซนหน้ากรอบเขตโทษแทน
แผนของชลบุรีคือให้ บุรีรัมย์ ต่อบอลไปเรื่อย ๆ แต่พอแย่งได้จะออกบอลเร็วแบบสอง–สามจังหวะ ให้ ฟาน ลิงเกน หรือ โบลิงกิ ใช้พละกำลังกดดันแนวรับทีมเยือน ทำให้แม้ครองบอลน้อย แต่ทุกครั้งที่สวนมีลุ้นแทบตลอด ลูกที่สอง–สาม–สี่ของเกมเป็นผลผลิตตรงจากแท็กติกนี้แบบเต็ม ๆ
ส่วนบุรีรัมย์ในระบบ 3-4-2-1 ครองพื้นที่ไปแทบทั้งหมด มีตัวปั้นเกมอย่าง เคาซิช, พิธิวัตต์ และ ซูลจ์ ที่คอยเปลี่ยนบอลจากกลางไปริมเส้น ก่อนให้ นฤบดินทร์ กับ ศศลักษณ์ เติมขึ้นมาครอสให้ บิสโซลี่ โหม่ง แต่ปัญหาคือจังหวะเข้าทำบางครั้งเยอะสัมผัสเกินไป ทำให้เปิดช่องสวนกลับ แถมแนวรับสามคนไม่ได้ดันสูงพอที่จะ “ขยี้” ความได้เปรียบเรื่องตัวผู้เล่น กลายเป็นโดนฉลามชลที่ยืนลึกแต่เฉียบคมลงโทษจากลูกนิ่งและโต้กลับ
จุดที่เห็นชัดคือความเด็ดขาดในพื้นที่สุดท้าย ชลบุรียิงไม่เยอะ แต่ทุกโอกาสใหญ่แทบเปลี่ยนเป็นประตู ขณะที่บุรีรัมย์แม้จะล้อมกรอบเขตโทษเจ้าถิ่นอยู่ฝ่ายเดียวหลายช่วง แต่ยิงเปลือง และเสียสมาธิในช่วงท้ายเกมจนมาเสียทั้งฟรีคิกสุดสวยและจุดโทษปิดบัญชี

📊 สถิติการแข่งขันที่บอกเรื่องราวอีกมุม
ตัวเลขหลังเกมสะท้อนภาพชัดว่าบุรีรัมย์ครองเกม แต่ชลบุรีคมกว่าอย่างไร เจ้าถิ่นมีเปอร์เซ็นต์ครองบอลเพียง 18% เท่านั้น ส่วนทีมเยือนทะลุไปถึง 82% ยิงทั้งหมด 20 ครั้ง ขณะที่ชลบุรียิงเพียง 9 ครั้ง แต่ “โอกาสทอง” ของเจ้าบ้านมี 2 ครั้งและเปลี่ยนเป็นประตูได้ ขณะที่บุรีรัมย์มีจังหวะจบแบบเน้น ๆ ไม่มาก
ลูกเตะมุม บุรีรัมย์เหนือกว่าชัดเจน 9-2 การผ่านบอลก็ต่างกันคนละโลก ชลบุรีจ่ายบอลแค่ 131 ครั้ง ส่วนบุรีรัมย์ผ่านถึง 592 ครั้ง ซึ่งหมายความว่าจ่าฝูงควบคุมจังหวะเกมแทบทั้งหมด แต่ดันเจาะกำแพงฉลามชลที่ยืนโซนลึกไม่ได้
ฟาวล์ ชลบุรีทำ 8 ครั้ง บุรีรัมย์ 17 ครั้ง เจ้าบ้านได้ฟรีคิก 16 ครั้ง ทีมเยือนได้เพียง 8 ใบเหลืองฝั่งบุรีรัมย์มี เคนเน็ต ดูกอล, ศุภชัย ใจเด็ด และ พรรษา เหมวิบูลย์ ส่วนชลบุรีได้เหลืองเพียง ศิรภพ วันดี แต่มีใบแดงของ เลสลีย์ อับโบห์ เพิ่มสีสันดราม่าให้เกมนี้เต็ม ๆ
📌 เหตุการณ์สำคัญของเกม
- ⚽ 16′ ชลบุรีนำ 1-0 กิตติพงษ์ แสนสนิท งัดบอลข้ามแนวรับให้ อูเคอร์ ฟาน ลิงเกน หลุดเดี่ยวซัดผ่าน นีล เอเธอร์ริดจ์
- 🟥 30′ เลสลีย์ อับโบห์ ย้ำเท้าใส่ โกรัน เคาซิช ผู้ตัดสินเช็ก VAR ก่อนแจกใบแดงโดยตรง ชลบุรีเหลือ 10 คน
- ❌ 40′ โจนาธาน โบลิงกิ ยิงประตูได้ แต่ VAR ริบสกอร์คืน มองว่าทำฟาวล์ โรเบิร์ต ซูลจ์ ก่อนยิง
- ⏱️ HT ชลบุรี เอฟซี (10 คน) นำ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด 1-0
- ⚽ 48′ อูเคอร์ ฟาน ลิงเกน จ่ายให้ โจนาธาน โบลิงกิ ซัดด้วยซ้ายเสียบเสาแรก ชลบุรีหนี 2-0
- ⚽ 53′ นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม ไหลบอลให้ กิลเยร์เม่ บิสโซลี่ แปโล่ง ๆ บุรีรัมย์ไล่มา 1-2
- ⚽ 61′ โรเบิร์ต ซูลจ์ ซัดไกลแฉลบ ณัฐพงษ์ สายริยา เปลี่ยนทางเข้าประตู บุรีรัมย์ตีเสมอ 2-2
- ⚽ 85′ สันติภาพ จันทร์หง่อม ปั่นฟรีคิกสุดสวยเช็ดสามเหลี่ยม ชลบุรีนำอีกครั้ง 3-2
- ✋ 90+12′ VAR ชี้จุดโทษจากจังหวะ ศศลักษณ์ ไหประโคน สไลด์บล็อกลูกยิง เกร็ก ฮูล่า แล้วบอลโดนมือ
- ⚽ 90+12′ เกร็ก ฮูล่า ยิงจุดโทษไม่พลาด ปิดกล่อง ชลบุรี เอฟซี ถล่ม บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด 4-2
⭐ Player of the Match – อูเคอร์ ฟาน ลิงเกน
แม้จะมีหลายคนโชว์ฟอร์มเด่น แต่ “หัวใจเกมบุก” ของชลบุรีในนัดนี้คือ อูเคอร์ ฟาน ลิงเกน ที่วิ่งไม่มีหมด กดดันแนวรับบุรีรัมย์ตลอด 80 กว่านาทีที่อยู่ในสนาม ได้คะแนนสูงสุดของเกมถึง 8.4 จากการยิงหนึ่งและจ่ายหนึ่ง ลูกวิ่งไล่บีบ กดดันการออกบอลจากหลังของคู่แข่งทำให้จ่าฝูงต่อบอลไม่เนียนเท่าที่ควร นี่ยังไม่รวมการพักบอล ชงเกม และดึงจังหวะให้เพื่อนเติมขึ้นมาซ้อน เกมนี้ถ้าไม่มีฟาน ลิงเกน ชลบุรีคงลำบากกว่านี้เยอะ บ้านกีฬา ขอยกให้เป็นผู้เล่นที่เปลี่ยนโฉมผลการแข่งขันแบบเต็มปาก

📈 สถานการณ์ในตารางคะแนน BYD SEALION 6 ลีกหนึ่ง
ก่อนเริ่มเกม ชลบุรี เอฟซี รั้งอันดับ 13 มีเพียง 8 คะแนนจาก 10 นัด เสี่ยงหล่นไปใกล้โซนตกชั้น ส่วน บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เป็นจ่าฝูงฟอร์มโหด เก็บ 25 คะแนนจาก 9 เกม ยังไม่แพ้ใคร
ชัยชนะนัดนี้ทำให้ฉลามชลเพิ่มเป็น 11 คะแนนจาก 11 นัด ขยับขึ้นมาโซนกลางตาราง เลื่อนอันดับขึ้นมาหายใจโล่งขึ้น และที่สำคัญคือเรียกความมั่นใจกลับสู่ทีมได้เต็ม ๆ
ด้านบุรีรัมย์แม้ยังยึดตำแหน่งจ่าฝูงไว้ได้ด้วยแต้ม 25 แต่การแพ้นัดแรกแบบโดนยิงถึง 4 ประตู ทำให้คู่แข่งไล่จี้ระยะห่างบนหัว บ้านผลบอล ตารางลดลงทันที และส่งสัญญาณให้รู้ว่าในซีซันนี้ไม่มีนัดไหนง่ายสำหรับพวกเขาอีกต่อไป
📅 ตารางบอลนัดถัดไป – โปรแกรมหนักทั้งสองทีม
มองไปข้างหน้า ตามหน้า ตารางบอล และโปรแกรมอย่างเป็นทางการ ชลบุรี เอฟซี มีภารกิจลงเล่นเกมเยือนสองนัดติด เริ่มจากบุกถ้ำค้างคาวไฟ พบ สุโขทัย เอฟซี วันที่ 23 พฤศจิกายน เวลา 18.30 น. ก่อนจะไปเยือน ระยอง เอฟซี วันที่ 29 พฤศจิกายน เวลา 19.00 น. ถ้าลูกทีมของวิทยาเก็บแต้มต่อเนื่องได้ มีโอกาสขยับขึ้นครึ่งบนของตารางทันที
ส่วน บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ต้องเจอโปรแกรมโหดทั้งในประเทศและเอเชีย เริ่มจากบุกไปเยือน เมืองทอง ยูไนเต็ด ในศึก BYD SEALION 6 ลีกหนึ่ง วันที่ 22 พฤศจิกายน เวลา 19.00 น. เกมที่มีศักดิ์ศรีและแรงกดดันสูง ก่อนจะออกไปเยือน อุลซาน ฮุนได ในศึก AFC Champions League Elite วันที่ 26 พฤศจิกายน เวลา 17.00 น. โปรแกรมถี่แบบนี้บีบให้จ่าฝูงต้องบริหารขุมกำลังอย่างรอบคอบ มิฉะนั้นอาจกระทบฟอร์มในลีกยาว ๆ ได้เหมือนกัน
📣 ติดตาม บ้านผลบอล และเกมเดือดได้ที่ บ้านกีฬา
ใครที่อยากตามเช็กสกอร์สด ไฮไลต์มันส์ ๆ และข่าวเจาะลึกหลังเกมแบบนี้ต่อเนื่อง แวะมาหา บ้านกีฬา ได้ทุกวัน เราจะอัปเดตทั้งสรุป บ้านผลบอล แบบละเอียดยิบ พร้อมมุมมองสไตล์นักข่าวลูกหนังตัวจริง ให้คอบอลไทย–เทศไม่พลาดทุกจังหวะสำคัญของฤดูกาล

