เครื่องจักรสังหารหมายเลข 9 แห่งเรือใบสีฟ้า
เออร์ลิง ฮาลันด์ (Erling Haaland) ยังคงเดินหน้าทำลายทุกขีดจำกัดของศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก (UCL) หลังจากระเบิดฟอร์มซัดประตูใส่ทีมเก่า โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ช่วยให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เปิดรัง เอติฮัด สเตเดียม ถล่มคู่แข่งขาดลอย 4-1 เมื่อคืนวันพุธที่ 5 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ส่งผลให้ดาวยิงนอร์วีเจียนรายนี้สร้าง สถิติใหม่ในหน้าประวัติศาสตร์ฟุตบอลยุโรป อย่างยิ่งใหญ่
ศูนย์หน้าร่างยักษ์วัย 25 ปี กลายเป็นนักเตะคนแรกในประวัติศาสตร์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ที่สามารถยิงประตูได้ ติดต่อกันอย่างน้อย 5 นัด ให้กับ 3 สโมสรต่างกัน นับตั้งแต่เปิดตัวบนเวทียุโรปเมื่อปี 2019 และจนถึงวันนี้ ไม่มีใครหยุด “ฮาลันด์” ได้แม้แต่นิดเดียว
เจาะลึกสถิติสุดโหดของ ฮาลันด์ ในเวทียุโรป
ในช่วงเวลาเพียงไม่กี่ปี “เดอะ ไวกิ้งคิลเลอร์” ได้ฝากผลงานอันเหลือเชื่อไว้กับทั้งสามสโมสรที่เขาเคยลงเล่นในศึก UCL
- เร้ดบูลล์ ซัลซ์บวร์ก (Red Bull Salzburg)
▪️ ยิงต่อเนื่อง 5 เกม (กันยายน – พฤศจิกายน 2019)
ฮาลันด์แจ้งเกิดอย่างเต็มตัวกับสโมสรจากออสเตรีย ด้วยผลงานสุดโหด ยิงกระจายตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่มในซีซั่น 2019/20 และทำให้ชื่อของเขากลายเป็นที่รู้จักไปทั่วทั้งยุโรป - โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ (Borussia Dortmund)
▪️ ยิงต่อเนื่อง 6 เกม (ตุลาคม 2020 – มีนาคม 2021)
ที่เมืองเบียร์ เขายกระดับตัวเองเป็นกองหน้าระดับโลกอย่างแท้จริง เกมรุกของดอร์ทมุนด์กลายเป็นฝันร้ายของแนวรับทุกทีมในยุโรป เมื่อฮาลันด์สามารถทำประตูได้อย่างต่อเนื่องราวกับ “เครื่องจักรยิงประตูที่ตั้งเวลาไว้ได้” - แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (Manchester City)
▪️ ยิงต่อเนื่อง 5 เกม (กุมภาพันธ์ – พฤศจิกายน 2025)
ภายใต้การคุมทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ดาวยิงนอร์วีเจียนเข้ากับระบบของซิตี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ กลายเป็นอาวุธหลักในการล่าถ้วยยุโรป และด้วยประตูล่าสุดที่ยิงใส่ดอร์ทมุนด์ ทำให้เขาทำสถิติสุดโหดที่ไม่มีใครเคยทำได้มาก่อน
สถิติรวมในแชมเปี้ยนส์ลีก: ยิงมากกว่านัดที่ลงเล่น!
นับจนถึงตอนนี้ เออร์ลิง ฮาลันด์ ลงสนามในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ไปแล้ว 52 นัด แต่กลับทำได้ถึง 54 ประตู ซึ่งมากกว่าจำนวนแมตช์ที่ลงเล่น ถือเป็นสถิติที่ไม่ธรรมดาอย่างแท้จริง
ตัวเลขดังกล่าวส่งให้เขาขึ้นมาอยู่ในอันดับที่ 9 ของ ดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของถ้วยบิ๊กเอียร์ โดยมีรายชื่อข้างหน้าอย่าง
- คริสเตียโน่ โรนัลโด้ – 140 ประตู
- ลิโอเนล เมสซี่ – 129 ประตู
- โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ – 105 ประตู
- คาริม เบนเซม่า – 90 ประตู
- ราอูล กอนซาเลซ – 71 ประตู
- คีลิยัน เอ็มบัปเป้ – 60 ประตู
- โธมัส มุลเลอร์ – 57 ประตู
- รุด ฟาน นิสเตลรอย – 56 ประตู
และ ฮาลันด์ รั้งอันดับ 9 ด้วยวัยเพียง 25 ปี ซึ่งเป็นสัญญาณชัดว่า หากยังรักษามาตรฐานการยิงได้แบบนี้ เขาอาจพุ่งขึ้นท้าชิงตำแหน่งดาวซัลโวสูงสุดในประวัติศาสตร์ได้ในเวลาไม่กี่ปีข้างหน้า
ฮาลันด์: กองหน้าที่เปลี่ยนวิธีคิดของยุโรป
สิ่งที่ทำให้ฮาลันด์แตกต่างจากกองหน้ารุ่นก่อนหน้าไม่ใช่แค่จำนวนประตู แต่คือ ประสิทธิภาพในการยิง เขาใช้โอกาสไม่มากแต่เฉียบขาดทุกครั้ง การเคลื่อนที่อันชาญฉลาด การจบสกอร์ด้วยเท้าทั้งสองข้างและลูกโหม่งทำให้เขากลายเป็นฝันร้ายของแนวรับยุโรปทุกทีม
อีกหนึ่งสิ่งที่น่าทึ่งคือความต่อเนื่อง — ไม่ว่าจะย้ายไปเล่นที่ไหน ระบบแบบใด ฮาลันด์ก็สามารถปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว และยังคงรักษาสไตล์ “เพชฌฆาตในกรอบเขตโทษ” ไว้อย่างเต็มเปี่ยม
เป๊ป กวาร์ดิโอล่า และระบบที่เกิดมาเพื่อฮาลันด์
ภายใต้การคุมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า แมนฯ ซิตี้ ได้เปลี่ยนจากทีมที่พึ่งพาการต่อบอลเป็นหลัก มาเป็นทีมที่มีจุดหมายในแดนหน้าอย่างชัดเจน ฮาลันด์กลายเป็น “ตัวจบสกอร์สมบูรณ์แบบ” ในแผนของเป๊ป ที่ใช้ความเร็วและพละกำลังเข้าทำลายแนวรับคู่แข่ง
ความสัมพันธ์ระหว่าง “เป๊ป” และ “ฮาลันด์” ถูกมองว่าเป็นการจับคู่ที่สมบูรณ์แบบที่สุดในยุคนี้ — ผู้จัดการทีมที่เน้นแท็กติกละเอียดทุกจังหวะ กับกองหน้าที่พร้อมยิงทุกลูกที่ตกถึงเท้า
เส้นทางต่อจากนี้ของฮาลันด์
ด้วยอัตราการทำประตูระดับนี้ ไม่มีใครสงสัยว่า ฮาลันด์จะกลายเป็น ตำนานแห่งยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก คนต่อไป การที่เขายิงได้มากกว่าจำนวนแมตช์ลงเล่นเป็นเรื่องที่หายากยิ่งในยุคฟุตบอลสมัยใหม่ และแฟนบอลทั่วโลกต่างตั้งคำถามเดียวกันว่า “เขาจะไปหยุดอยู่ที่ตรงไหน?”
หากรักษาสภาพร่างกายและความกระหายได้เช่นนี้อีก 5–6 ปีข้างหน้า สถิติของโรนัลโด้และเมสซี่อาจถูกทำลายโดยเด็กหนุ่มจากนอร์เวย์คนนี้อย่างไม่ต้องสงสัย
แฟนบอลทั่วโลกคงต้องจับตา เพราะทุกครั้งที่เขาลงสนาม มักตามมาด้วย “ประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของลูกหนังยุโรป”
ติดตามข่าวฟุตบอลยุโรป ผลงานนักเตะระดับโลก และสถิติใหม่แห่งยุคได้ที่ ข่าวกีฬาฟุตบอลบ้านกีฬา

