บรรยากาศหลังเกมสุดเข้มข้นที่แอนฟิลด์
หลังเกมที่ ลิเวอร์พูล เปิดรัง แอนฟิลด์ เฉือนชนะ เรอัล มาดริด 1-0 ในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบลีกเฟส เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายนที่ผ่านมา นอกจากชัยชนะสุดยิ่งใหญ่ของ “หงส์แดง” แล้ว ไฮไลต์อีกอย่างที่แฟนบอลทั่วโลกจับตาคือการพบกันของสองตำนานลูกหนัง เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ กัปตันหงส์ และ เวย์น รูนี่ย์ อดีตดาวยิงทีมชาติอังกฤษ ที่เพิ่งมีดราม่ากันเรื่อง “ผู้นำในสนาม”
ทั้งคู่ได้เจอหน้ากันในห้องสัมภาษณ์หลังเกม โดยรูนี่ย์รับหน้าที่คอมเมนเตเตอร์ให้กับ Amazon Prime พร้อมอดีตแข้งดังอย่าง ร็อบบี้ ฟาวเลอร์, แดเนียล สเตอร์ริดจ์, และ ธีโอ วัลค็อตต์ ขณะที่ฟาน ไดค์ ต้องมาพูดคุยกับทีมงานสื่อเจ้าดังพอดี ทำให้ทั้งสองโคจรมายืนร่วมเฟรมกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
จุดเริ่มดราม่า คำพูดแทงใจจากรูนี่ย์
ย้อนกลับไปก่อนเกมนี้ รูนี่ย์เคยออกมาวิจารณ์ฟาน ไดค์อย่างตรงไปตรงมาว่า “ไม่สมกับการเป็นผู้นำทีม” หลังลิเวอร์พูลฟอร์มหลุดแพ้ติดกัน 4 นัดรวดในลีก ซึ่งสร้างแรงกระเพื่อมอย่างหนักในหมู่แฟนบอล “เดอะ ค็อป” เพราะฟาน ไดค์ถือเป็นเสาหลักแนวรับและผู้นำในห้องแต่งตัว
ฟาน ไดค์ก็ไม่อยู่เฉย ออกมาตอบโต้แบบสุภาพแต่แฝงความเฉียบคมว่า “ฤดูกาลที่แล้วตอนเราทำผลงานได้ยอดเยี่ยม เขา (รูนี่ย์) ไม่เคยพูดอะไรแบบนี้เลย” สื่อจึงนำไปขยายต่อจนกลายเป็นประเด็นร้อนระอุบนโซเชียล
ฟาน ไดค์เคลียร์กลางไลฟ์ สงบ เยือกเย็น แต่เฉียบ
หลังจบเกมชนะมาดริด ฟาน ไดค์ถูกผู้สื่อข่าวถามตรงถึงประเด็นนี้ เขาตอบด้วยท่าทีสงบแต่หนักแน่นว่า
“ในช่วงที่วุ่นวายน่ะคุณต้องใจเย็นเข้าไว้และพยายามมีทัศนคติที่เหมาะสม บางครั้งมันก็มีการพูดจากภายนอกที่เยอะมากๆ”
เมื่อถูกถามว่าเขาหมายถึงใครโดยเฉพาะหรือไม่ ปราการหลังดัตช์ตอบกลับอย่างเฉียบคมว่า
“ไม่เลย แต่ผมคิดว่าการมีทัศนคติที่เหมาะสมมันเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ คุณต้องก้มหน้าก้มตาทำงานของตัวเองและเอาตัวรอดจากสถานการณ์ที่เจอให้ได้ เพราะเรามีคุณภาพที่ดีอยู่แล้ว มันไม่ใช่ปัญหาเลย ผมคิดว่าพวกคุณทุกคน (อดีตนักเตะที่มาเป็นคอมเมนเตเตอร์) รู้ดีอยู่แล้วว่าคุณต้องรับมือกับขุมกำลังที่เต็มไปด้วยนักเตะ 25 คน และทุกคนมีชีวิตที่แตกต่างกัน ดังนั้นสำหรับผมแล้วสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ (หมายถึงฟอร์มที่ย่ำแย่และเสียงวิจารณ์ช่วงที่ทีมฟอร์มไม่ดี) มันไม่ได้มีผลอะไรกับผม แต่ในฐานะกัปตันทีมแล้วนั้นผมต้องรับมือกับนักเตะที่อาจจะได้รับผลกระทบจากมัน”
คำตอบนี้ถูกมองว่าเป็นการส่งสารตรงถึงรูนี่ย์อย่างมีชั้นเชิง และยังสะท้อนความเป็นผู้นำของกัปตันหงส์ที่เลือกใช้คำพูดสร้างสรรค์มากกว่าการโต้กลับด้วยอารมณ์
รูนี่ย์ไม่ถอย ยืนยันคำพูดมีเหตุผล
หลังจบการให้สัมภาษณ์ รูนี่ย์ถูกถามถึงคำพูดของฟาน ไดค์ และตอบอย่างไม่หลีกเลี่ยงว่า
“เมื่อคุณเคยได้แชมป์ พรีเมียร์ลีก ผมคิดว่าคำพูดของผมมันเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล คุณไม่คาดหวังว่าทีมอย่าง ลิเวอร์พูล จะเคยแพ้ 4 เกมติดอยู่แล้ว ซึ่งในขณะเดียวกันผมคิดว่า เฟอร์จิล กับทีมของเขาตอบสนองต่อฟอร์มที่ย่ำแย่ก่อนหน้านี้ได้ดี”
การตอบโต้ของรูนี่ย์ถูกมองว่าเป็นการรักษาจุดยืนของตนเองแต่ก็ให้เกียรติฟาน ไดค์ในเวลาเดียวกัน สื่ออังกฤษหลายสำนักมองว่านี่คือการ “ปิดฉากดราม่าแบบผู้ใหญ่ในวงการฟุตบอล” เพราะทั้งคู่ไม่เลือกใช้ถ้อยคำรุนแรงแต่สื่อสารด้วยความเข้าใจ
ลิเวอร์พูลตอบแทนกัปตันในสนาม
ชัยชนะเหนือเรอัล มาดริด 1-0 ไม่ได้เป็นแค่การล้างแค้นในเชิงสัญลักษณ์ แต่ยังเป็นเครื่องยืนยันว่า ลิเวอร์พูล ภายใต้การนำของฟาน ไดค์ยังคงมีพลังและความมุ่งมั่นเต็มร้อย แนวรับของทีมกลับมาแข็งแกร่งอีกครั้ง ขณะที่บรรยากาศในห้องแต่งตัวก็ดูสงบลงหลังผ่านช่วงฟอร์มตก
กัปตันดัตช์คนนี้ยังคงเป็นศูนย์กลางของทีมทั้งในและนอกสนาม ไม่เพียงเพราะทักษะเกมรับ แต่เพราะความเยือกเย็นในการรับมือกับแรงกดดันและคำวิจารณ์
เส้นทางของสองตำนาน
แม้ทั้ง ฟาน ไดค์ และ รูนี่ย์ จะอยู่กันคนละเส้นทางในปัจจุบัน แต่ทั้งคู่ต่างมีจุดร่วมเดียวกัน — คือความเป็นผู้นำที่ไม่ยอมแพ้ต่อเสียงรอบข้าง ฟาน ไดค์ยังคงพาหงส์แดงไล่ล่าความสำเร็จในยุโรป ส่วนรูนี่ย์กำลังก่อร่างสร้างทางอาชีพโค้ชด้วยมุมมองใหม่ที่เฉียบคม
นี่คืออีกหนึ่งภาพจำของวงการลูกหนัง ที่แสดงให้เห็นว่าความเคารพและมืออาชีพยังคงอยู่เหนือทุกคำพูด
แฟนบอลทั่วโลกต่างชื่นชมที่ทั้งสองตำนานสามารถ “เคลียร์ใจกันด้วยรอยยิ้ม” มากกว่าจะปล่อยให้คำพูดกลายเป็นไฟบานปลาย ติดตามข่าวฟุตบอลยุโรปสุดเข้มข้น และทุกดราม่าร้อนของวงการลูกหนังได้ที่ ข่าวกีฬาฟุตบอลบ้านกีฬา

