กรมอุตุนิยมวิทยาออก ประกาศฉบับที่ 2 เตือนภัยพายุไต้ฝุ่น “คัลแมกี (KALMAEGI)” ที่กำลังเคลื่อนตัวเข้าสู่แผ่นดินเวียดนามตอนกลาง และจะส่งผลโดยตรงต่อประเทศไทยในช่วงวันที่ 7–9 พฤศจิกายน 2568 คาดทำให้หลายพื้นที่ทั่วประเทศมี ฝนตกหนักถึงหนักมาก โดยเฉพาะภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และบางส่วนของภาคใต้ ซึ่งเสี่ยงเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และคลื่นลมแรง
🌧️ ศูนย์กลางพายุคัลแมกี เคลื่อนใกล้เข้ามา – ความเร็วลมแรง 130 กม./ชม.
เมื่อเวลา 04.00 น. วันที่ 5 พฤศจิกายน 2568 พายุไต้ฝุ่น “คัลแมกี” มีศูนย์กลางอยู่บริเวณ ทะเลจีนใต้ตอนกลาง ที่ละติจูด 11.1 องศาเหนือ ลองจิจูด 119.4 องศาตะวันออก ความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 130 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกค่อนทางเหนือเล็กน้อย ด้วยความเร็ว 15 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่าจะขึ้นฝั่งบริเวณตอนกลางของประเทศเวียดนามในวันที่ 6–7 พฤศจิกายนนี้ และจะอ่อนกำลังลงเป็นพายุโซนร้อนและพายุดีเปรสชันตามลำดับ
แม้พายุจะไม่เข้าสู่ไทยโดยตรง แต่ “หางพายุ” จะพัดพาความชื้นจากทะเลเข้ามาปกคลุมพื้นที่ตอนบนของประเทศไทย ทำให้เกิด ฝนตกต่อเนื่องหลายวัน โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคอีสาน ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคเหนือ
⚠️ เตือน 7–9 พ.ย. ไทยฝนตกหนักถึงหนักมาก – เสี่ยงน้ำป่าหลาก
กรมอุตุนิยมวิทยาเตือนว่า ในช่วง 7–9 พฤศจิกายน 2568 ประเทศไทยจะได้รับผลกระทบจากพายุคัลแมกีโดยตรง ทำให้มีฝนตกหนักถึงหนักมากในหลายจังหวัด ดังนี้
วันที่ 7 พฤศจิกายน 2568
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (ฝนตกหนักมาก)
มหาสารคาม, ร้อยเอ็ด, ยโสธร, อำนาจเจริญ, นครราชสีมา, บุรีรัมย์, สุรินทร์, ศรีสะเกษ, อุบลราชธานี
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (ฝนตกหนัก)
เลย, หนองคาย, บึงกาฬ, หนองบัวลำภู, อุดรธานี, สกลนคร, นครพนม, กาฬสินธุ์, มุกดาหาร, ขอนแก่น, ชัยภูมิ
ภาคกลางและปริมณฑล
นครสวรรค์, ชัยนาท, ลพบุรี, สระบุรี, สิงห์บุรี, อ่างทอง, พระนครศรีอยุธยา, สุพรรณบุรี, นครปฐม, สมุทรสาคร, กรุงเทพฯ และปริมณฑล
ภาคตะวันออก
นครนายก, ปราจีนบุรี, สระแก้ว, ฉะเชิงเทรา, ชลบุรี, ระยอง, จันทบุรี, ตราด
ภาคใต้
พังงา, ภูเก็ต, กระบี่, ตรัง, สตูล
วันที่ 8 พฤศจิกายน 2568
ภาคเหนือ
แม่ฮ่องสอน, เชียงใหม่, เชียงราย, ลำพูน, ลำปาง, พะเยา, น่าน, แพร่, อุตรดิตถ์, สุโขทัย, กำแพงเพชร, พิจิตร, พิษณุโลก, เพชรบูรณ์, ตาก
ภาคอีสานตอนบน
เลย, หนองคาย, บึงกาฬ, หนองบัวลำภู, อุดรธานี, สกลนคร
ภาคกลาง
นครสวรรค์, อุทัยธานี, ชัยนาท, ลพบุรี, สระบุรี, สิงห์บุรี, อ่างทอง, พระนครศรีอยุธยา, สุพรรณบุรี, กาญจนบุรี, ราชบุรี, นครปฐม, สมุทรสงคราม, สมุทรสาคร, กรุงเทพฯ และปริมณฑล
วันที่ 9 พฤศจิกายน 2568
ภาคเหนือ
แม่ฮ่องสอน, เชียงใหม่, เชียงราย, ลำพูน, ลำปาง, พะเยา, น่าน, แพร่, อุตรดิตถ์, สุโขทัย, กำแพงเพชร, พิจิตร, พิษณุโลก, ตาก
🌊 คลื่นลมแรง-เรือเล็กงดออกฝั่ง
นอกจากฝนตกหนักแล้ว บริเวณ ทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบน จะมีคลื่นลมแรง คลื่นสูง 2–3 เมตร โดยเฉพาะบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง คลื่นอาจสูงมากกว่า 3 เมตร กรมอุตุฯ ขอให้ ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และ เรือเล็กงดออกจากฝั่งในช่วงวันที่ 6–7 พ.ย. เพื่อความปลอดภัย
🧭 ทำไมพายุ “คัลแมกี” ถึงน่ากังวล?
ชื่อ “คัลแมกี (Kalmaegi)” มาจากภาษามองโกเลีย แปลว่า “นกนางนวล” เป็นชื่อที่องค์การอุตุนิยมวิทยาโลกใช้ตั้งสำหรับพายุหมุนเขตร้อนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พายุลูกนี้เคยปรากฏในปี 2014 และสร้างความเสียหายรุนแรงในฟิลิปปินส์และจีนตอนใต้ จึงทำให้กรมอุตุฯ ต้องจับตาอย่างใกล้ชิดทุกครั้งที่พายุชื่อนี้เกิดขึ้นอีกครั้ง
💡 ความรู้เพิ่มเติม: พายุไต้ฝุ่นต่างจากพายุโซนร้อนอย่างไร
“พายุไต้ฝุ่น (Typhoon)” คือพายุหมุนเขตร้อนที่มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางตั้งแต่ 118 กิโลเมตรต่อชั่วโมงขึ้นไป ส่วน “พายุโซนร้อน (Tropical Storm)” มีความเร็วลมสูงสุดระหว่าง 63–117 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งทั้งสองประเภทนี้สามารถทำให้เกิดฝนตกหนัก ลมกระโชกแรง และคลื่นลมในทะเลสูงได้เช่นเดียวกัน
🌾 ข้อควรปฏิบัติช่วงพายุเข้า
- หลีกเลี่ยงการเดินทางในพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม น้ำป่าไหลหลาก
- ตรวจสอบระบบระบายน้ำภายในบ้าน และเก็บของใช้ไว้ที่สูง
- เตรียมไฟฉาย-อาหารแห้ง-ยาประจำตัว เผื่อกรณีไฟฟ้าดับ
- เกษตรกรควรเร่งเก็บเกี่ยวผลผลิตที่ถึงเวลาเก็บก่อนฝนตกหนัก
- ติดตามข้อมูลจาก กรมอุตุนิยมวิทยา (TMD) ผ่านเว็บไซต์ www.tmd.go.th หรือสายด่วน 1182 ตลอด 24 ชั่วโมง
🗺️ บทวิเคราะห์สถานการณ์
จากโมเดลพยากรณ์ล่าสุดของศูนย์อุตุนิยมวิทยาโลก คาดว่าพายุคัลแมกีจะยังคงส่งผลให้เกิดฝนตกหนักในภาคเหนือและภาคกลางตอนล่างต่อเนื่องถึงวันที่ 9 พฤศจิกายนนี้ ก่อนจะสลายตัวบริเวณลุ่มแม่น้ำโขงตอนกลาง โดยอาจมีฝนตกต่อเนื่องถึงวันที่ 10 พฤศจิกายนในบางพื้นที่ หากมวลอากาศเย็นจากจีนเคลื่อนลงมาปะทะ จะยิ่งทำให้เกิดสภาพอากาศแปรปรวนรุนแรงขึ้น
บ้านกีฬา เตือนประชาชนให้จับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในพื้นที่ที่เคยเกิดน้ำท่วมซ้ำซาก เช่น ลุ่มน้ำชี ลุ่มน้ำมูล และลุ่มเจ้าพระยา รวมถึงกรุงเทพฯ ปริมณฑล ที่มีโอกาสเจอน้ำรอระบายหลายจุด
ขอขอบคุณรูปภาพและคลิปจาก กรมอุตุนิยมวิทยา
ติดตาม ข่าวเด่น ข่าววันนี้ ได้ที่ ข่าวการค้นหาที่มาแรงบ้านกีฬา เพื่อไม่พลาดทุกกระแสสำคัญจากกรมอุตุฯ และสถานการณ์ภัยธรรมชาติทั่วไทย
