“เที่ยวดีมีคืน 2568” เปิดแคมเปญใหญ่ ลดหย่อนภาษีสูงสุด 30,000 บาท! เที่ยวไทยกระตุ้นเศรษฐกิจ ปักหมุด 55 เมืองรองทั่วประเทศ

ดูบอลสด ดูบอลออนไลน์ฟรี 24 ชั่วโมง

รัฐบาลเดินหน้าเขย่าเศรษฐกิจปลายปีด้วยมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยวครั้งใหญ่ “เที่ยวดีมีคืน ปี 2568” เปิดโอกาสให้ประชาชนและภาคธุรกิจร่วมฟื้นการท่องเที่ยวในประเทศ พร้อมรับสิทธิประโยชน์ทางภาษีสูงสุด 30,000 บาท เริ่มตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคม – 15 ธันวาคม 2568 ช่วงเวลาไฮซีซั่นพอดี เพื่ออัดฉีดเม็ดเงินสู่ท้องถิ่นและกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากทั่วประเทศ

จุดประสงค์หลักของโครงการ “เที่ยวดีมีคืน 2568”

มาตรการนี้ออกแบบมาเพื่อ กระตุ้นการเดินทางในประเทศ เพิ่มรายได้ให้ผู้ประกอบการโรงแรม ร้านอาหาร และธุรกิจท่องเที่ยว รวมถึงกระจายรายได้ไปยัง เมืองรอง 55 จังหวัด ที่มีศักยภาพแต่ยังขาดนักท่องเที่ยว โดยเปิดให้ใช้สิทธิลดหย่อนภาษีสำหรับค่าที่พัก ร้านอาหาร และการจัดสัมมนาภายในประเทศ

บุคคลธรรมดา เที่ยวเมืองรองลดหย่อนได้สูงสุด 30,000 บาท

ประชาชนทั่วไปที่มีรายได้สามารถนำค่าใช้จ่ายท่องเที่ยวมาลดหย่อนภาษีได้ โดยแบ่งเป็น 2 กรณีหลัก ได้แก่

  • เที่ยวเมืองหลัก: ลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง สูงสุด 20,000 บาท (1 เท่า)
  • เที่ยวเมืองรอง: รับสิทธิพิเศษ ลดหย่อนได้ 1.5 เท่า ของยอดใช้จ่ายจริง สูงสุด 30,000 บาท (จากการใช้จริงไม่เกิน 20,000 บาท)

รายการค่าใช้จ่ายที่ใช้ลดหย่อนได้ ได้แก่

  • ค่าที่พักในโรงแรม หรือโฮมสเตย์ที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม
  • ค่าบริการร้านอาหารที่จดทะเบียน VAT

หลักฐานสำคัญที่ต้องมี:

  • วงเงินไม่เกิน 10,000 บาท ใช้ใบกำกับภาษีแบบกระดาษได้
  • วงเงินเกิน 10,000 บาท ต้องใช้ e-Tax Invoice & e-Receipt เท่านั้น

ดังนั้น ใครที่วางแผนใช้สิทธิเต็มจำนวน ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าร้านและที่พักออกใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ได้

ภาคธุรกิจร่วมเที่ยวได้! จัดสัมมนา “หักรายจ่าย 2 เท่า”

สำหรับบริษัท ห้างหุ้นส่วน หรือนิติบุคคลที่จัดสัมมนาในประเทศช่วง 29 ต.ค. – 15 ธ.ค. 2568 สามารถนำค่าใช้จ่ายมาหักรายจ่ายทางภาษีได้มากขึ้น

  • จัดในเมืองหลัก: หักรายจ่ายได้ 1.5 เท่า
  • จัดในเมืองรอง: หักรายจ่ายได้ถึง 2 เท่า

รายการค่าใช้จ่ายที่ใช้ได้ เช่น ค่าห้องประชุม, ที่พัก, การเดินทาง และค่าอาหาร โดยต้องมี e-Tax Invoice & e-Receipt เป็นหลักฐานทั้งหมด

นอกจากนี้ ยังมีมาตรการเสริมให้ผู้ประกอบการโรงแรมสามารถนำค่าใช้จ่ายในการปรับปรุง ซ่อมแซม หรือต่อเติมอาคารโรงแรม หักเป็นรายจ่ายได้ 2 เท่า จนถึงวันที่ 31 มีนาคม 2569 เพื่อกระตุ้นการยกระดับคุณภาพบริการ

รายชื่อ 55 เมืองรองทั่วไทยที่ใช้สิทธิได้

กระทรวงการคลังได้กำหนด 55 จังหวัดเมืองรองทั่วประเทศที่ได้รับสิทธิ ลดหย่อนภาษี 1.5 เท่า แบ่งตามภูมิภาคดังนี้

ภาคเหนือ (16 จังหวัด)
เชียงราย, น่าน, ลำปาง, ลำพูน, แพร่, แม่ฮ่องสอน, เพชรบูรณ์, พิจิตร, พิษณุโลก, พะเยา, สุโขทัย, อุตรดิตถ์, อุทัยธานี, กำแพงเพชร, นครสวรรค์, ตาก

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (18 จังหวัด)
เลย, ร้อยเอ็ด, ยโสธร, สกลนคร, มุกดาหาร, บุรีรัมย์, สุรินทร์, อุบลราชธานี, ศรีสะเกษ, หนองคาย, หนองบัวลำภู, อุดรธานี, ชัยภูมิ, กาฬสินธุ์, นครพนม, มหาสารคาม, อำนาจเจริญ, บึงกาฬ

ภาคกลาง (7 จังหวัด)
ชัยนาท, ลพบุรี, สิงห์บุรี, อ่างทอง, สุพรรณบุรี, สมุทรสงคราม, ราชบุรี

ภาคตะวันออก (5 จังหวัด)
จันทบุรี, ตราด, นครนายก, ปราจีนบุรี, สระแก้ว

ภาคใต้ (9 จังหวัด)
ชุมพร, ระนอง, ตรัง, พัทลุง, สตูล, นครศรีธรรมราช, ยะลา, ปัตตานี, นราธิวาส

เมืองเหล่านี้คือหัวใจสำคัญของโครงการ “เที่ยวดีมีคืน” เพราะเป็นพื้นที่ที่ยังมีเสน่ห์ทางธรรมชาติ วัฒนธรรม และอาหารพื้นถิ่นที่รอการค้นพบ เหมาะกับการปักหมุดเที่ยวแบบคุ้มค่าและได้สิทธิลดหย่อนภาษีเต็มๆ

ทำไมโครงการ “เที่ยวดีมีคืน” ถึงสำคัญต่อเศรษฐกิจไทย

โครงการนี้เป็นหนึ่งใน มาตรการฟื้นเศรษฐกิจระยะเร่งด่วนของรัฐบาล ที่มุ่งให้เม็ดเงินหมุนเวียนในประเทศ ทั้งจากนักท่องเที่ยวชาวไทยและภาคธุรกิจ
การเดินทางสู่เมืองรองช่วยให้รายได้กระจายสู่ชุมชนท้องถิ่น เกิดการจ้างงาน โรงแรม โฮมสเตย์ ร้านอาหาร และธุรกิจขนาดเล็กได้รับผลดีโดยตรง

นอกจากนี้ ยังสอดคล้องกับแนวคิด “เที่ยวไทยเท่ ช่วยชาติได้” ที่รัฐบาลต้องการให้คนไทยเห็นคุณค่าการท่องเที่ยวภายในประเทศมากกว่าการเดินทางไปต่างประเทศ

เคล็ดลับวางแผนใช้สิทธิ “เที่ยวดีมีคืน” ให้คุ้มที่สุด

  1. เลือกจองที่พักและร้านอาหารที่จดทะเบียน VAT เท่านั้น
  2. ขอใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice) ตั้งแต่ต้น เพื่อป้องกันปัญหาการยื่นลดหย่อนภาษี
  3. เก็บหลักฐานทุกใบเสร็จไว้ครบถ้วน
  4. วางแผนเส้นทางเที่ยวเมืองรอง ให้ได้หลายจังหวัดในทริปเดียว เพื่อใช้สิทธิให้คุ้มสุด
  5. รีบจองก่อนสิทธิเขตเต็ม เพราะโครงการนี้เปิดในช่วงปลายปีซึ่งเป็นฤดูท่องเที่ยวหลัก

ผลลัพธ์ที่คาดหวังจากโครงการ

รัฐบาลคาดว่า “เที่ยวดีมีคืน 2568” จะช่วยให้ เศรษฐกิจไทยขยายตัวเพิ่มขึ้นในปี 2568–2569 โดยมีเม็ดเงินสะพัดหลายหมื่นล้านบาท สร้างรายได้ใหม่ให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยว ธุรกิจบริการ และชุมชนท้องถิ่นทั่วประเทศ

สำหรับประชาชนทั่วไป ถือเป็นโอกาสทองในการท่องเที่ยวแบบ “เที่ยวคุ้ม ได้คืนจริง” ทั้งได้พักผ่อน เติมพลังชีวิต และช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน

สรุป

“เที่ยวดีมีคืน 2568” ไม่ใช่แค่โครงการลดหย่อนภาษี แต่เป็นการเชื่อมโยงการท่องเที่ยวกับการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนทั่วไทย ใครที่ยังไม่วางแผนท่องเที่ยวช่วงปลายปี รีบเก็บกระเป๋าเตรียมออกเดินทางกันได้เลย เพราะนอกจากจะได้เที่ยวคุ้ม ยังได้ “เงินคืนภาษี” กลับบ้านแบบสมศักดิ์ศรีคนทำงาน

ติดตาม ข่าวเด่น ข่าววันนี้ ที่ ข่าวการค้นหาที่มาแรงบ้านกีฬา

ตรวจหวย 24 ชั่วโมง หวยลาว หวยฮานอย

แอดไลน์ @Bankeela รับลิ้งดูบอล ทีเด็ด วิเคราะห์บอลจากทางบ้านกีฬา