เดือดกลางวงลูกหนัง! ปิยะพงษ์ประกาศชัด พร้อมรับผิดชอบหากผลงานไม่ถึงเป้า
ประเด็นร้อนสะเทือนวงการฟุตบอลไทย เมื่อ “เดอะตุ๊ก” ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน อดีตดาวยิงตำนานทีมชาติไทย และหนึ่งในสภากรรมการสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ออกมายอมรับแบบไม่อ้อมค้อมว่า ตนมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ ปลด มาซาทาดะ อิชิอิ พ้นตำแหน่งหัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย พร้อมประกาศอย่างชัดเจนว่า หากทีมชาติไทยไม่สามารถผ่านเข้ารอบสุดท้าย เอเชียน คัพ 2027 ได้ ตนจะลาออกจากตำแหน่งทันที เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญนี้
เบื้องหลังการตัดสินใจที่ไม่ธรรมดา
การปลด โค้ชมาซาทาดะ อิชิอิ ไม่ได้เกิดขึ้นแบบฉับพลัน แต่เป็นผลสืบเนื่องมาจากการประชุมพิจารณาในระดับสภากรรมการของสมาคมฟุตบอลฯ โดย ปิยะพงษ์ เป็นหนึ่งในผู้ให้ความเห็นและมีส่วนร่วมอย่างตรงไปตรงมา ในการเสนอให้เปลี่ยนแปลงตำแหน่งเฮดโค้ชทีมชาติไทย ซึ่งถือเป็นการตัดสินใจเชิงยุทธศาสตร์ที่มีเดิมพันสูง เพราะทีมกำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของเส้นทางสู่รอบสุดท้ายของเอเชียน คัพ
การเปลี่ยนแม่ทัพกลางคันในฟุตบอลระดับชาติไม่ใช่เรื่องเล็ก และครั้งนี้ก็เช่นกัน ความคาดหวังจากทั้งสมาคมฯ และแฟนบอลไทยทั่วประเทศ ถูกกดดันไปที่ผลงานของทีมภายใต้โค้ชคนใหม่ทันที
เปิดใจ “เดอะตุ๊ก” ผ่านรายการยูทูบ
ในการให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ “แตงโมลง ปิยะพงษ์ยิง” ทางช่อง YouTube เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2568 ปิยะพงษ์เปิดเผยว่า การแยกทางกับกุนซือชาวญี่ปุ่นเป็นผลจากการประเมินหลายด้าน ไม่ใช่เพียงอารมณ์หรือความรู้สึกชั่ววูบ แต่เป็นการพิจารณาร่วมของฝ่ายเทคนิคและสภากรรมการ
“เหตุการณ์นี้ต่อเนื่องมาหลายเดือนแล้ว หลัก ๆ น่าจะให้คุมจบ แต่หลังจากทัวร์นาเมนต์คิงส์คัพที่เราไม่ได้แชมป์ ก็เกิดความรู้สึกว่าควรเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ตอนนั้น” ปิยะพงษ์ กล่าว
ฮัดสันเข้ามารับไม้ต่อ – เดิมพันอนาคต “ช้างศึก”
ภายหลังการปลด มาซาทาดะ อิชิอิ สมาคมฟุตบอลฯ ได้แต่งตั้ง แอนโธนี ฮัดสัน เข้ามารับตำแหน่งกุนซือใหญ่คนใหม่ทันที โดยมีภารกิจชัดเจนคือพาทีมผ่านรอบคัดเลือกเอเชียน คัพ 2027 ซึ่งถือเป็นหนึ่งในเป้าหมายสำคัญของทีมชาติไทยในรอบหลายปีที่ผ่านมา
“เดอะตุ๊ก” ย้ำชัดว่า หากภายใต้การนำของฮัดสัน ทีมชาติไทยพลาดเป้าตกรอบ เขาจะยื่นใบลาออกทันทีโดยไม่ลังเล
“ถ้าแพ้ศรีลังกา ผมก็จะลาออกแน่นอน ทุกอย่างพิสูจน์กันที่ผลงาน ขอให้แฟนบอลเห็นใจ ผมอยู่กับฟุตบอลไทยมาทั้งชีวิต ไม่เคยทำอะไรเสียหาย”
ชี้ชัดหน้าที่ของ “นายกสมาคม”
ท่ามกลางกระแสวิจารณ์เรื่องการบริหาร ปิยะพงษ์ยังออกโรงปกป้องบทบาทของ นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ โดยระบุว่า หน้าที่หลักของนายกสมาคมคือการบริหารภาพรวม เช่น การแก้ไขปัญหาหนี้สินกว่า 350 ล้านบาท และการหาสปอนเซอร์สนับสนุนไทยลีก ส่วนเรื่องการแต่งตั้งหรือปลดเฮดโค้ช เป็นมติที่ออกมาจากสภากรรมการและฝ่ายเทคนิคโดยตรง ไม่ใช่การตัดสินใจฝ่ายเดียว
เคลียร์ชัด ไม่เคยก้าวก่ายการทำงานของอิชิอิ
ปิยะพงษ์ยืนยันว่า ตลอดช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เขาไม่เคยเข้าไปยุ่งเกี่ยวหรือแทรกแซงการทำงานของ มาซาทาดะ อิชิอิ เลย มีโอกาสพูดคุยเพียงครั้งเดียวในตอนเริ่มงาน หลังจากนั้นโค้ชรายงานตรงต่อนายกสมาคมฟุตบอลฯ โดยไม่มีใครเข้าไปก้าวก่ายงานในสนาม
นี่เป็นการปิดประตูข่าวลือที่เคยเกิดขึ้นในหมู่แฟนบอลว่า “เดอะตุ๊ก” อาจมีบทบาทเบื้องหลังที่ลึกเกินความเหมาะสม
จุดเปลี่ยนสำคัญของฟุตบอลไทย
การเปลี่ยนแปลงกุนซือทีมชาติไทยในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้ อาจเป็นได้ทั้งจุดเริ่มต้นของความสำเร็จใหม่ หรือจุดที่ทำให้ต้องถอยหลังหนึ่งก้าว ทุกสายตาจับจ้องไปที่ผลงานของทีมชาติไทยในศึกเอเชียน คัพ รอบคัดเลือก ที่ไม่เพียงจะเป็นการวัดฝีมือของนักเตะ แต่ยังเป็นบทพิสูจน์ความกล้าของฝ่ายบริหาร
สำหรับปิยะพงษ์ การประกาศ “พร้อมลาออก” ครั้งนี้ไม่ใช่เพียงคำพูด แต่เป็นเดิมพันทางศักดิ์ศรีของคนที่อยู่ในวงการฟุตบอลไทยมาทั้งชีวิต
แฟนบอลจับตาเส้นทาง “ช้างศึก”
เมื่อการตัดสินใจครั้งใหญ่นี้เกิดขึ้น ความคาดหวังจากแฟนบอลไทยย่อมเพิ่มสูงขึ้นเป็นเท่าตัว ว่าทีมชาติไทยจะสามารถก้าวข้ามความกดดัน และกลับมาเป็นทีมที่แฟนบอลภาคภูมิใจได้อีกครั้งหรือไม่ ทุกแมตช์จากนี้จึงมีความหมายเกินกว่าคำว่าชนะหรือแพ้ แต่คือศรัทธาของคนทั้งชาติที่รอคำตอบในสนามจริง
“ผมพร้อมรับผิดชอบทุกอย่าง ถ้าทีมชาติไทยตกรอบคัดเลือก ผมจะลาออกทันที ขอให้แฟนบอลเชื่อว่าทุกการตัดสินใจมาจากความตั้งใจอยากเห็นฟุตบอลไทยพัฒนา”
ติดตามทุกข่าวความเคลื่อนไหวไทยลีกและอาเซียนได้ก่อนใครที่ ข่าวบอลไทยบ้านกีฬา

