ข่าวร้ายกลางฤดูกาล เดอ บรอยน์ เจ็บแฮมสตริง พักยาวจบปี
นาโปลี แชมป์เก่าแห่งศึก กัลโช่ เซเรีย อา ต้องพบข่าวร้ายกลางซีซั่น หลัง เควิน เดอ บรอยน์ มิดฟิลด์ตัวเก่งชาวเบลเยียม ได้รับบาดเจ็บกล้ามเนื้อหลังต้นขาในเกมลีกนัดล่าสุด ส่งผลให้มีแนวโน้มสูงที่จะต้องพักรักษาตัวยาวจนจบปี 2025 ซึ่งถือเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ของทีมที่กำลังลุ้นทั้งในประเทศและเวทียุโรป
เกมดังกล่าวเกิดขึ้นในแมตช์ที่นาโปลีเปิดบ้านพบ อินเตอร์ มิลาน เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา เดอ บรอยน์ เป็นคนยิงจุดโทษพาทีมออกนำตั้งแต่นาที 33 ก่อนที่สุดท้ายทีมของ อันโตนิโอ คอนเต้ จะพ่ายไป 1-3 และที่เจ็บยิ่งกว่าคือจอมทัพวัย 34 ปีต้องถูกเปลี่ยนตัวออกเพราะเจ็บแฮมสตริงในช่วงครึ่งแรก
จุดเปลี่ยนสำคัญของเกมและอาการบาดเจ็บ
จังหวะบาดเจ็บเกิดขึ้นไม่นานหลังจากยิงประตูขึ้นนำ เดอ บรอยน์ พยายามเร่งสปีดขึ้นเกมก่อนชะงักกลางสนามและล้มลงทันทีพร้อมจับบริเวณต้นขาด้านหลังขวา ทีมแพทย์รีบลงมาดูอาการและประเมินว่าไม่สามารถเล่นต่อได้ จึงเปลี่ยนตัวส่ง มาติอัส โอลิเวร่า ลงมาแทน ท่ามกลางบรรยากาศเงียบกริบของแฟนบอลในสนาม ดิเอโก้ อาร์มันโด้ มาราโดน่า
สำหรับนักเตะในวัย 34 ปี การบาดเจ็บลักษณะนี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก เนื่องจากกล้ามเนื้อแฮมสตริงต้องใช้เวลาในการฟื้นฟูนาน และมีความเสี่ยงต่อการกลับมาเจ็บซ้ำ หากไม่ฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์
สโมสรยืนยันมีปัญหาแฮมสตริง
ล่าสุดเมื่อวันที่ 27 ตุลาคม สโมสรนาโปลีได้ออกแถลงยืนยันว่า เดอ บรอยน์ มีอาการบาดเจ็บที่กล้ามเนื้อหลังต้นขาข้างขวา หลังเข้ารับการตรวจเช็กอย่างละเอียดที่โรงพยาบาล ปิเนต้า กรานเด้ โดยทีมแพทย์ได้เริ่มกระบวนการฟื้นฟูร่างกายให้เจ้าตัวเป็นที่เรียบร้อย แม้ไม่ได้ระบุระยะเวลาพักรักษาตัวอย่างชัดเจน แต่หลายสื่อในอิตาลีรายงานตรงกันว่าเขาอาจต้องพักจนถึงสิ้นปี 2025
สื่อดังอย่าง La Gazzetta dello Sport และ Corriere dello Sport เชื่อว่า เดอ บรอยน์ อาจกลับมาได้เร็วสุดในเดือนมกราคมปีหน้า หากการฟื้นฟูเป็นไปตามแผน แต่ในกรณีแย่สุดอาจชวดลงสนามตลอดซีซั่น
ผลกระทบต่อทีมและแผนของ คอนเต้
การขาดหายไปของ เดอ บรอยน์ ไม่เพียงส่งผลต่อเกมรุกของนาโปลีเท่านั้น แต่ยังเป็นปัญหาใหญ่สำหรับ อันโตนิโอ คอนเต้ ที่วางเจ้าตัวเป็นหัวใจสำคัญในการสร้างสรรค์เกมและคุมจังหวะในแดนกลาง ความสามารถในการจ่ายบอลทะลุช่อง การเปิดบอลแม่นยำ และความเป็นผู้นำในสนามของเขายากที่จะหาคนทดแทนได้แบบลงตัว
คอนเต้อาจต้องหันไปใช้แผนหมุนเวียนผู้เล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์มากขึ้น เช่น พิโอเตอร์ ซีลินสกี้ หรือ อันเดรีย ปาเตญ่า เพื่อถมช่องว่างของซูเปอร์สตาร์รายนี้ และอาจต้องปรับแท็กติกให้ทีมเล่นแบบเน้นความสมดุลมากขึ้น
เดอ บรอยน์ กับบทบาทสำคัญในแคมเปญลุ้นแชมป์
นับตั้งแต่ย้ายจาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มาร่วมทีมนาโปลี เดอ บรอยน์ ได้พิสูจน์ตัวเองว่าเป็นหนึ่งในตัวแปรสำคัญที่ยกระดับเกมของทีม เขาทำแอสซิสต์และมีส่วนร่วมกับการทำประตูของนาโปลีอย่างต่อเนื่อง ทำให้ทีมยึดตำแหน่งจ่าฝูงเซเรีย อา ได้อย่างมั่นคง การหายไปของเขาจึงไม่ใช่เพียงการขาดผู้เล่นคนหนึ่ง แต่คือการเสีย “เครื่องจักรสร้างเกม” ของทีมไปทั้งระบบ
ความท้าทายครั้งใหญ่ของนาโปลี
โปรแกรมของนาโปลีในช่วงปลายปีมีทั้งเกมลีกสำคัญกับ ยูเวนตุส, มิลาน และศึกยุโรปที่ยังต้องลุ้นเข้ารอบต่อไป การไม่มีเดอ บรอยน์อยู่ในสนามอาจทำให้ทีมต้องดิ้นรนหนักเพื่อรักษามาตรฐานเดิม ความกดดันจึงพุ่งตรงไปที่ผู้เล่นตัวรุกและกองกลางที่เหลืออยู่ รวมถึงโค้ชที่จะต้องพิสูจน์ฝีมือในการปรับระบบรับมือสถานการณ์
ประวัติการบาดเจ็บและความแข็งแกร่งของ เดอ บรอยน์
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ เดอ บรอยน์ เผชิญปัญหาอาการบาดเจ็บบริเวณกล้ามเนื้อแฮมสตริง ตลอดอาชีพค้าแข้งเขามักมีช่วงเวลาที่ต้องพักยาวอยู่บ่อยครั้ง แต่เจ้าตัวก็กลับมาโชว์ฟอร์มระดับเวิลด์คลาสได้เสมอ ความเป็นมืออาชีพและวินัยในการดูแลร่างกายเป็นสิ่งที่ทำให้เขายังโลดแล่นในเวทีระดับสูงแม้อายุเข้าใกล้ปลายสามสิบ
แฟนบอลและทีมต้องรวมพลังฝ่ามรสุม
การบาดเจ็บครั้งนี้อาจเป็นจุดท้าทายครั้งใหญ่ของนาโปลี แต่ก็เป็นโอกาสสำคัญในการพิสูจน์ความแข็งแกร่งของทีมในภาพรวม หากสามารถผ่านช่วงเวลานี้ไปได้โดยไม่เสียจังหวะ ทีมจะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นในช่วงโค้งสุดท้ายของฤดูกาล แฟนบอลต่างส่งกำลังใจให้ เดอ บรอยน์ กลับมาเร็วที่สุด เพื่อช่วยทีมในการไล่ล่าความสำเร็จอีกครั้ง
ติดตามความเคลื่อนไหวของนาโปลีได้ที่ บ้านกีฬา
การขาดหายไปของนักเตะระดับโลกย่อมส่งแรงสั่นสะเทือนต่อทีมทั้งในสนามและนอกสนาม แต่ด้วยขุมกำลังที่มีคุณภาพและกุนซือจอมแท็กติกอย่างคอนเต้ นาโปลียังมีศักยภาพมากพอที่จะยืนหยัดในเส้นทางลุ้นแชมป์ต่อไปได้ แฟนบอลทั่วโลกกำลังจับตามองการรับมือครั้งสำคัญนี้ และ ข่าวกีฬาฟุตบอลบ้านกีฬา จะติดตามทุกพัฒนาการอย่างใกล้ชิด

