กลายเป็นประเด็นที่สร้างความตื่นตระหนกให้กับผู้บริโภคทั่วประเทศ เมื่อผู้ใช้เฟซบุ๊กหญิงรายหนึ่งได้โพสต์ภาพ “ซูชิเรืองแสง” สีฟ้าออกมาอย่างน่ากลัวหลังซื้อกลับจากร้านชื่อดัง เหตุการณ์นี้ไม่เพียงแต่สร้างความสงสัย แต่ยังจุดประกายคำถามสำคัญว่า “ทำไมอาหารถึงเรืองแสงได้?” และ “อันตรายหรือไม่ถ้ากินเข้าไป?” เรื่องนี้ไม่ใช่เพียงความเชื่อ แต่ได้รับการยืนยันทาง วิทยาศาสตร์ แล้วว่าเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นได้จริงจาก “การปนเปื้อนของเชื้อจุลินทรีย์บางชนิด” ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงขั้นเจ็บป่วย
🐟 จุดเริ่มต้นของดราม่า “ซูชิเรืองแสง”
ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Mind Burusskorn ได้โพสต์ภาพและข้อความลงในกลุ่ม “พวกเราคือผู้บริโภค” ระบุว่า
“ซื้อซูชิแบรนด์หนึ่งมา กำลังจะลงรถปิดไฟ แล้วเห็นว่ามันมีแสงสีฟ้าเรืองขึ้นมา ขึ้นแสงสีฟ้าเฉพาะบริเวณซูชิชิ้นนั้นชิ้นเดียว ซึ่งชิ้นนั้นเป็นชิ้นที่สั่งพนักงานทำใหม่เนื่องจากในถาดหมดแล้ว เห็นแบบนี้แล้วไม่กล้ากินเลยค่ะ ตกใจมาก ไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อน”
เพียงไม่กี่ชั่วโมง ภาพซูชิเรืองแสงสีฟ้าก็กลายเป็นไวรัลอย่างรวดเร็ว คนจำนวนมากแชร์ต่อและแสดงความเป็นห่วงเรื่อง ความปลอดภัยของอาหาร โดยเฉพาะอาหารสดอย่างซูชิที่เป็นเมนูยอดฮิตของคนไทยยุคนี้
🧪 นักวิทยาศาสตร์ยืนยัน: อาหารเรืองแสงได้จริง
รศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ออกมาอธิบายอย่างชัดเจนว่า
“ซูชิเรืองแสงได้ น่าจะมีเชื้อจุลินทรีย์ชนิดที่เรืองแสงได้และมักจะเจอในทะเลปนเปื้อนอยู่ และเมื่อเก็บรักษาไม่ดี มันก็เจริญเติบโตมากขึ้น จนเกิดแสงขึ้นมา”
จุลินทรีย์ที่ทำให้เกิดการเรืองแสงในอาหารมักเป็นกลุ่มแบคทีเรีย Photobacterium หรือ Vibrio ซึ่งพบได้บ่อยในอาหารทะเลดิบ เช่น ปลาดิบ กุ้งดิบ หรือวัตถุดิบที่สัมผัสกับของทะเลโดยตรง เชื้อเหล่านี้สามารถผลิตแสงได้จากปฏิกิริยาเคมีภายในเซลล์ เมื่ออยู่ในที่มืดจะเห็นเป็นแสงสีฟ้าเรืองออกมาอย่างชัดเจน
⚠️ ซูชิเรืองแสง = อาหารเน่าเสีย
อ.เจษฎา ย้ำว่า ซูชิที่เรืองแสงไม่ใช่ของพิเศษหรือปลอดภัย แต่เป็นสัญญาณเตือนว่าอาหารนั้นเกิดการปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรียในระดับสูงแล้ว
- หากรับประทานเข้าไปอาจเกิดอาการ อาหารเป็นพิษ ปวดท้อง อาเจียน ท้องเสีย หรือในบางกรณีอาจติดเชื้อรุนแรงโดยเฉพาะในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ
- ผู้บริโภคจึง ไม่ควรรับประทาน ซูชิหรืออาหารทะเลที่มีลักษณะผิดปกติ เช่น เรืองแสง มีกลิ่นเปรี้ยว หรือมีเมือก
- ควรทิ้งทันทีและล้างภาชนะที่สัมผัสกับอาหารนั้นให้สะอาด
🍣 ทำไม “ซูชิ” ถึงเสี่ยงต่อการปนเปื้อน
“ซูชิ” เป็นอาหารที่นิยมทั่วโลก รวมถึงในไทยด้วย จุดเด่นคือการใช้วัตถุดิบสด เช่น ปลาดิบ ไข่หวาน หรืออาหารทะเล ซึ่งต้องควบคุมอุณหภูมิอย่างเข้มงวดตั้งแต่ขั้นตอนขนส่ง เก็บรักษา ไปจนถึงกระบวนการเสิร์ฟ ความผิดพลาดเพียงเล็กน้อย เช่น
- การเก็บไว้ที่อุณหภูมิสูงเกินไป
- การสัมผัสอากาศเป็นเวลานาน
- การใช้อุปกรณ์ที่ไม่สะอาด
สามารถเปิดช่องให้เชื้อจุลินทรีย์เติบโตได้อย่างรวดเร็ว จนเกิดการเรืองแสงในที่สุด
โดยเฉพาะเชื้อ Photobacterium phosphoreum ที่พบมากในอาหารทะเล จะเริ่มปล่อยแสงเมื่ออุณหภูมิอยู่ในช่วง 10-20 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นอุณหภูมิที่พบบ่อยในตู้แช่ที่ไม่คงที่
🥢 วิธีสังเกต “อาหารเสี่ยง” สำหรับคนรักซูชิ
- ดูด้วยตา — หากอาหารมีสีแปลก เรืองแสง มีกลิ่นเหม็นเปรี้ยว หรือขึ้นเมือก ให้หยุดกินทันที
- สัมผัส — วัตถุดิบสดที่ดีควรแน่น ไม่เละ ไม่ลื่น ถ้าไม่มั่นใจให้โยนทิ้ง
- เช็กเวลา — ซูชิสดควรกินภายใน 2 ชั่วโมงหลังซื้อ หากแช่เย็น ควรกินภายใน 24 ชั่วโมง
- เลือกแหล่งที่เชื่อถือได้ — ร้านที่มีระบบควบคุมอุณหภูมิที่ดี และผ่านมาตรฐานสุขอนามัย
🧼 วิธีป้องกันการปนเปื้อนในอาหารทะเลที่บ้าน
- เก็บอาหารสดในตู้เย็นอุณหภูมิต่ำกว่า 4°C
- ปิดฝาหรือห่อพลาสติกป้องกันการสัมผัสอากาศ
- แยกวัตถุดิบสดกับของปรุงสุก
- ล้างมือและอุปกรณ์ก่อน-หลังปรุงอาหารเสมอ
- ไม่ควรนำอาหารที่เหลือไว้นานกลับมารับประทาน
🩺 ถ้าเผลอกินอาหารเรืองแสงไปแล้วควรทำอย่างไร
หากมีอาการ คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ท้องเสีย หรือมีไข้ หลังรับประทานอาหารทะเลที่สงสัยว่าเน่าเสีย ให้รีบพบแพทย์ทันที และควรแจ้งข้อมูลให้ชัดว่าเป็นอาหารประเภทใด ซื้อจากที่ไหน และบริโภคเมื่อไร เพื่อช่วยให้แพทย์วินิจฉัยและรักษาได้อย่างรวดเร็ว
🧠 รู้หรือไม่? ทำไมเชื้อบางชนิดถึงเรืองแสงได้
แบคทีเรียบางสายพันธุ์มีความสามารถ “ผลิตแสง” เองได้ เรียกว่า Bioluminescence เป็นปฏิกิริยาเคมีที่เกิดจากเอนไซม์ “ลูซิเฟอเรส” (Luciferase) เมื่อทำปฏิกิริยากับออกซิเจน จะปลดปล่อยพลังงานออกมาในรูปแบบของแสงสีฟ้าอ่อน ๆ ซึ่งในธรรมชาติ เรามักเห็นในสัตว์ทะเล เช่น ปลาหมึกเรืองแสง และแบคทีเรียในทะเลลึก แต่เมื่อมันปนเปื้อนในอาหารที่เราเก็บไม่ถูกวิธี มันจะเติบโตและเรืองแสงเช่นกัน
💡 สรุป : ซูชิเรืองแสงไม่ใช่เรื่องน่าตื่นเต้น แต่เป็นสัญญาณอันตราย
ซูชิเรืองแสงไม่ใช่เมนูแฟนซี แต่คือ “สัญญาณเตือนภัย” ที่บอกว่าอาหารนั้นเกิดการปนเปื้อนเชื้อจุลินทรีย์และ ไม่ควรรับประทานเด็ดขาด เหตุการณ์นี้จึงเป็นอีกหนึ่งบทเรียนสำคัญของผู้บริโภคยุคใหม่ว่า ควรเลือกซื้ออาหารอย่างระมัดระวัง เก็บรักษาอย่างถูกวิธี และใส่ใจสุขอนามัยทุกขั้นตอน
👉 ติดตาม ข่าวเด่น ข่าววันนี้ ได้ที่ ข่าวการค้นหาที่มาแรงบ้านกีฬา เพื่อไม่พลาดทุกกระแสที่คนไทยต้องรู้
