ฮีโร่หัวแตงโม! พาแมนยูดับหงส์ พร้อมจารึกสถิติสำคัญ
แฮร์รี่ แม็กไกวร์ กัปตันจอมโขกของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยังคงพิสูจน์ให้เห็นว่าเขาไม่ใช่แค่กองหลังธรรมดา แต่เป็นอาวุธลับในจังหวะลูกตั้งเตะ หลังกลายเป็นฮีโร่โขกประตูชัยดับคู่อริตลอดกาลอย่าง ลิเวอร์พูล ถึงแอนฟิลด์ พร้อมขึ้นทำเนียบ ท็อป 10 กองหลังที่ยิงประตูได้มากที่สุด ของสโมสรนับตั้งแต่ฤดูกาล 1992/93 เป็นต้นมา
นับตั้งแต่ย้ายมาจาก เลสเตอร์ ซิตี้ เมื่อปี 2019 แม็กไกวร์ถูกวิจารณ์ไม่น้อย แต่เจ้าตัวค่อย ๆ พิสูจน์ด้วยผลงานจริง โดยเฉพาะการยืนเกมรับที่แข็งแกร่งและการขึ้นเติมเกมรุกอย่างเฉียบขาดในจังหวะสำคัญ ล่าสุด ประตูในเกมแดงเดือดช่วยให้เขาทำสถิติยิงรวม 17 ประตูในทุกรายการให้กับ “ปีศาจแดง” ได้สำเร็จ
ทำสถิติเทียบตำนาน! ขึ้นแท่นท็อป 10 แบบเต็มภาคภูมิ
หลังโขกประตูดับหงส์แดงที่แอนฟิลด์ จำนวนประตูรวมของ แม็กไกวร์ เท่ากับ สตีฟ บรูซ ตำนานกองหลังยุค 90 ของแมนฯ ยูไนเต็ด ที่ทำไว้ 17 ประตูหลังฤดูกาล 1992 นั่นทำให้เขาก้าวเข้าสู่ 10 อันดับแรกของกองหลังที่ยิงประตูมากที่สุดของสโมสรอย่างเป็นทางการ
แม็กไกวร์มักจะมีจังหวะเติมขึ้นไปลุ้นในกรอบเขตโทษเสมอเมื่อทีมต้องการประตู นอกจากลูกโขกในเกมแดงเดือดแล้ว เขายังเคยทำประตูสำคัญในศึก ยูโรปา ลีก รอบก่อนรองชนะเลิศ นัดสอง ฤดูกาล 2024/25 ที่ช่วยให้ทีมคว้าชัย 5-4 หลังต่อเวลา พร้อมจ่ายหนึ่งแอสซิสต์ในเกมเดียว
ท็อป 10 กองหลังแมนยูที่ยิงประตูมากสุดตั้งแต่ฤดูกาล 1992/93
1. เดนิส เออร์วิน – 33 ประตู
เออร์วินคือตำนานฟูลแบ็กที่ครบเครื่องทั้งเกมรับและลูกนิ่ง โดยเขาทำไปถึง 33 ประตูในช่วงรุ่งเรืองของสโมสร และคว้าแชมป์ร่วมกับทีมเกือบ 20 ถ้วย โดย 29 ประตูเกิดขึ้นหลังปี 1992 ส่งให้เขาครองอันดับหนึ่งเหนือใคร
2. เนมานย่า วิดิช – 21 ประตู
กองหลังจอมโหดจากเซอร์เบีย คือตำนานยุคทองยุคคู่หู ริโอ เฟอร์ดินานด์ เขาไม่ได้แค่เล่นเกมรับดุดันเท่านั้น แต่ยังเป็นตัวจบสกอร์ชั้นยอดจากลูกเตะมุม โดยเฉพาะฤดูกาล 2010/11 ที่ซัดไป 5 ประตู พร้อมพาทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก
3. คริส สมอลลิ่ง – 18 ประตู
สมอลลิ่งลงเล่นให้ทีมไปกว่า 300 นัด และติดทีมชาติอังกฤษ 31 เกม เขาเคยสร้างผลงานสุดจัดในปี 2015 ยิงเบิ้ลสองลูกพาแมนยูคว้าชัยเหนือเบิร์นลี่ย์ 3-1 จนกลายเป็นหนึ่งในแนวรับจอมยิงของยุค
4. สตีฟ บรูซ – 17 ประตู (หลังปี 1992)
บรูซถือเป็นเซ็นเตอร์แบ็กที่มีทักษะการเล่นบอลดีที่สุดคนหนึ่งของสโมสร แม้ส่วนใหญ่ประตูจะเกิดก่อนปี 1992 แต่เขายังทำได้อีก 17 ลูกในช่วงท้ายอาชีพ ซึ่งปัจจุบันถูก แม็กไกวร์ ขยับมาทาบเทียบเท่า
5. แฮร์รี่ แม็กไกวร์ – 17 ประตู
ฟอร์มของเขาชัดเจนว่าเป็นอาวุธในจังหวะเซตพีซ ทั้งจังหวะโขก การอ่านเกม และความแข็งแกร่งในกรอบเขตโทษคู่แข่ง ไม่เพียงช่วยทีมรักษาคลีนชีต แต่ยังสร้างความหวังในจังหวะได้ประตู
6. จอห์น โอเช – 15 ประตู
โอเชเป็นกองหลังที่มักถูกขยับขึ้นมาทำเกมในช่วงท้าย เขายิงประตูสำคัญหลายลูก หนึ่งในนั้นคือจังหวะชิพบอลข้ามผู้รักษาประตูอาร์เซน่อล ที่เจ้าตัวยกให้เป็นลูกโปรดตลอดกาล
7. แกรี่ พัลลิสเตอร์ – 15 ประตู
พัลลิสเตอร์คือตำนานเกมรับยุค 90 ทำไป 15 ประตู โดย 10 ลูกเกิดขึ้นในช่วงต้นพรีเมียร์ลีก และยิงถึง 4 ลูกในซีซั่น 1994/95 ซึ่งถือว่าเยอะมากสำหรับเซ็นเตอร์แบ็กในยุคนั้น
8. มิกาแอล ซิลแวสตร์ – 10 ประตู
แข้งฝรั่งเศสที่เล่นได้ทั้งเซ็นเตอร์และแบ็กซ้าย ลงเล่นให้ทีม 361 นัด ทำ 10 ประตูและ 23 แอสซิสต์ ถือเป็นกองหลังที่มีส่วนร่วมกับเกมบุกมากที่สุดคนหนึ่งในยุคนั้น
9. ปาทริซ เอวร่า – 10 ประตู
อีกหนึ่งแบ็กซ้ายระดับโลกของแมนยูฯ ที่ยิงไป 10 ประตู โดยเฉพาะฤดูกาล 2013/14 ที่เขากดไปถึง 4 ลูกจากตำแหน่งฟูลแบ็ก
10. รอนนี่ ยอห์นเซ่น – 9 ประตู
แนวรับนอร์เวย์ที่มีส่วนสำคัญในความสำเร็จยุคปลาย 90 ลงสนาม 150 นัด ทำได้ 9 ประตู โดยซีซั่น 1998/99 ยิงไปถึง 3 ลูกจากเพียง 22 เกมลีก
ดาวรุ่งพุ่งแรง! ดาโลต์มีลุ้นขึ้นทำเนียบ
ดิโอโก้ ดาโลต์ คืออีกหนึ่งกองหลังที่แฟนบอลจับตา เพราะตอนนี้เขาทำได้ 9 ประตู เท่ากับ ยอห์นเซ่น และเพิ่งยิงไป 3 ลูกในซีซั่น 2024/25 หากรักษาฟอร์มการเติมเกมบุกได้แบบนี้ มีโอกาสสูงมากที่จะทะยานขึ้นมาอยู่ในทำเนียบท็อป 10 หรืออาจแซงรุ่นพี่หลายคนในอนาคต
กองหลังยุคใหม่ไม่ใช่แค่ “กัน” แต่ต้อง “ยิง”
ฟุตบอลยุคปัจจุบัน กองหลังไม่ได้ทำหน้าที่แค่ป้องกันอีกต่อไป แต่ต้องมีความครบเครื่องทั้งรับและรุก การที่แม็กไกวร์ขึ้นมาทำประตูสำคัญบ่อยครั้งคือภาพสะท้อนของเทรนด์นี้ กองหลังที่จบสกอร์ได้กลายเป็นทรัพย์สินล้ำค่าของทีมระดับท็อป
สำหรับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่กำลังสร้างทีมยุคใหม่ภายใต้การคุมทีมของ รูเบน อโมริม การมีกองหลังที่ยิงได้หลายคนคือจุดแข็งสำคัญที่ช่วยให้ทีมมีมิติในการเล่นมากขึ้น
บ้านกีฬาอยากบอก
แม็กไกวร์ไม่เพียงแค่กลายเป็นฮีโร่ในเกมแดงเดือด แต่ยังจารึกชื่อในประวัติศาสตร์ของสโมสรอย่างเป็นทางการ แฟนผีทั่วโลกต่างหวังว่าเขาจะยังคงระเบิดฟอร์มได้ต่อเนื่อง และพาทีมกลับมาท้าชิงความยิ่งใหญ่บนเวทีพรีเมียร์ลีกอีกครั้ง ติดตามสถิติและข่าวบอลร้อนแรงได้ทุกวันกับ ข่าวกีฬาฟุตบอลบ้านกีฬา

