แฟนบอลแดนไวกิ้งฮือฮา เมื่อสมาคมฟุตบอล สวีเดน ประกาศแต่งตั้ง แกรม พ็อตเตอร์ เข้ารับตำแหน่งเฮดโค้ชชั่วคราวอย่างเป็นทางการ เพื่อภารกิจพาทีมลุ้นตั๋วเข้ารอบสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2026 หลังสถานการณ์ของทีมชาติอยู่ในจุดหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญที่สุดในรอบหลายปี
สวีเดนเด้งโค้ชเก่าหลังผลงานทรุด
จุดเปลี่ยนครั้งใหญ่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 13 ตุลาคมที่ผ่านมา หลังจาก สวีเดน พลาดท่าบุกไปพ่าย โคโซโว แบบเจ็บแสบ 0-1 ทำให้โอกาสเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลกอัตโนมัติหลุดมือทันที ความพ่ายแพ้ดังกล่าวนำไปสู่การปลด ยอน ดาห์ล โทมัสสัน ออกจากตำแหน่งกุนซือภายในเวลาอันรวดเร็ว เพื่อเปิดทางให้คนใหม่เข้ามากอบกู้สถานการณ์ โดยทีมยังเหลือความหวังสุดท้ายในรอบ เพลย์ออฟ ที่จะชี้ชะตาว่าจะได้ตั๋วไปเวทีโลกหรือไม่
เส้นทางฝีมือพ็อตเตอร์กับฟุตบอลสวีเดน
ก่อนจะโด่งดังในพรีเมียร์ลีก แกรม พ็อตเตอร์ เคยสร้างชื่ออย่างยิ่งใหญ่กับสโมสร ออสเตอร์ซุนด์ ทีมเล็กจากดิวิชั่น 4 ของสวีเดน เขาสามารถพาทีมเลื่อนชั้นสู่ลีกสูงสุดได้สำเร็จภายในเวลาเพียงสามปี พร้อมพาเข้าชิงและคว้าแชมป์ฟุตบอลถ้วยสวีเดนปี 2017 จนถูกยกย่องว่าเป็นหนึ่งในกุนซือชาวอังกฤษที่มีแนวทางการทำทีมทันสมัยและเน้นฟุตบอลเชิงรุก
ผลงานในสวีเดนช่วงนั้นคือใบเบิกทางให้เขาไปคุมทีมในอังกฤษ ก่อนจะได้รับโอกาสคุม เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ในเวลาต่อมา ทำให้แฟนบอลแดนไวกิ้งคุ้นเคยกับชื่อของเขาเป็นอย่างดี และมองว่าเป็นหนึ่งในกุนซือที่เข้าใจ DNA ฟุตบอลของประเทศเป็นอย่างแท้จริง
สมาคมฟุตบอลสวีเดนตัดสินใจครั้งใหญ่
แม้ในตอนแรก พ็อตเตอร์จะเคยให้สัมภาษณ์ว่า “ไม่คิดว่าสมาคมฟุตบอลสวีเดนจะทาบทามให้เข้ามาคุมทีม” แต่ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว เมื่อวันที่ 20 ตุลาคมที่ผ่านมา สมาคมฟุตบอลสวีเดนประกาศแต่งตั้งกุนซือวัย 50 ปีเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ พร้อมเซ็นสัญญาระยะสั้นเพื่อภารกิจพาทีมเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลกให้ได้
พ็อตเตอร์เปิดใจหลังเข้ารับตำแหน่ง
“ผมปลาบปลื้มมาก สวีเดนมีนักเตะที่วิเศษซึ่งเล่นอยู่ในลีกชั้นดีของโลกในทุกๆสัปดาห์ งานของผมคือการสร้างทีมขึ้นมาให้เล่นได้อย่างดีที่สุดเพื่อพา สวีเดน เข้ารอบสุดท้าย ฟุตบอลโลก ซัมเมอร์หน้า” พ็อตเตอร์ กล่าว
ภารกิจหนักบนเส้นทางฟุตบอลโลก 2026
เส้นทางของ ทีมชาติสวีเดน ไม่ง่าย เพราะต้องผ่านด่านเพลย์ออฟที่เต็มไปด้วยทีมแกร่งจากยุโรป พ็อตเตอร์จำเป็นต้องเร่งปรับสไตล์การเล่น ปลุกขวัญนักเตะ และจัดระบบแท็กติกที่เฉียบขาดภายในเวลาจำกัด ซึ่งถือเป็นบททดสอบสำคัญที่อาจเปลี่ยนชะตาของทั้งทีมชาติและตัวเขาเอง
สำหรับฟุตบอลโลก 2026 จะจัดขึ้นที่ สหรัฐอเมริกา, แคนาดา และ เม็กซิโก โดยโควต้าทีมจากยุโรปเพิ่มขึ้น ทำให้สวีเดนยังมีโอกาสลุ้นอย่างเป็นรูปธรรม หากสามารถกลับมารวมพลังได้ทันเวลา
มิติทางประวัติศาสตร์ของทีมชาติสวีเดน
ย้อนกลับไป ทีมชาติสวีเดนเคยสร้างชื่อบนเวทีโลกมาแล้วหลายครั้ง เช่น การเป็นเจ้าภาพและคว้ารองแชมป์ปี 1958, การเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายปี 1994 และรอบ 16 ทีมในปี 2018 การกลับไปสู่เวทีนี้อีกครั้งจึงเป็นความหวังสำคัญของแฟนบอลทั้งประเทศ เพราะฟุตบอลโลกไม่ใช่เพียงเกมการแข่งขัน แต่เป็นสัญลักษณ์ของศักดิ์ศรีและความภาคภูมิใจของชาติ
ความคาดหวังจากแฟนบอลและอนาคตของพ็อตเตอร์
การมาของพ็อตเตอร์ไม่ได้เป็นเพียงการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเท่านั้น แต่ยังถูกมองว่าเป็นโอกาสในการวางรากฐานฟุตบอลสวีเดนยุคใหม่ ด้วยแนวคิดการทำทีมที่ทันสมัย เน้นระบบทีมเวิร์กและเกมรุกแบบมีแบบแผน แฟนบอลจำนวนมากต่างจับตาดูว่าเขาจะสามารถสร้างปรากฏการณ์ได้เหมือนเมื่อครั้งอยู่กับออสเตอร์ซุนด์หรือไม่
หากเขาพาทีมเข้าสู่รอบสุดท้ายฟุตบอลโลกได้สำเร็จ นี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นของยุคทองลูกหนังสวีเดนอีกครั้ง และเป็นการเปิดประตูสู่สัญญาระยะยาวของเจ้าตัว
สรุปสถานการณ์และสิ่งที่ต้องจับตา
ภารกิจของพ็อตเตอร์คือการเปลี่ยนความผิดหวังให้กลายเป็นพลังบวกของทั้งทีมชาติและแฟนบอล เขาต้องทำงานอย่างเร่งด่วนในช่วงเวลาสั้นๆ ก่อนศึกเพลย์ออฟที่จะเป็นเกมชี้ชะตา หากเขาทำได้ตามเป้าหมาย สวีเดนอาจกลับมาโลดแล่นบนเวทีฟุตบอลโลกได้อีกครั้งอย่างยิ่งใหญ่
แฟนบอลชาวไทยที่ติดตามฟุตบอลยุโรปอย่าพลาดความเคลื่อนไหวนี้ เพราะเส้นทางของสวีเดนในรอบเพลย์ออฟกำลังจะกลายเป็นหนึ่งในไฮไลต์สำคัญของการคัดเลือกบอลโลกปีนี้ ติดตามข่าวสารลูกหนังแบบสดใหม่และเข้มข้นได้ที่ ข่าวกีฬาฟุตบอลบ้านกีฬา

