
จาก : ผลบอลสด พรีเมียร์ลีก ระหว่าง ลิเวอร์พูล 1-2 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด วันนี้ 19/10/68 – บ้านกีฬา
บิ๊กแมตช์ศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ที่สนามแอนฟิลด์จบลงแบบสุดเดือด เมื่อ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด บุกมาคว้าชัยเหนือ ลิเวอร์พูล 2-1 จากลูกยิงของ ไบรอัน เอ็มเบวโม ตั้งแต่ต้นเกม และ แฮร์รี แม็กไกวร์ โหม่งประตูชัยในช่วงท้ายเกม ส่งผลให้สถานการณ์ในตาราง บ้านผลบอล สั่นสะเทือนทันที ส่วนเจ้าถิ่นต้องกลืนความพ่ายแพ้ในบ้านแบบเจ็บลึก แม้รูปเกมจะเหนือกว่าตลอด 90 นาที แต่ความเฉียบคมคือสิ่งที่หงส์แดงขาดไปในค่ำคืนนี้ บ้านกีฬา เกาะติดทุกวินาทีของแมตช์นี้พร้อมรายงาน ผลบอลสด แบบถึงใจแฟนบอล
🕐 ครึ่งแรก – แมนยูเปิดฉากบุกไว หงส์ยังตั้งหลักไม่ทัน
เปิดเกมมาเพียง 2 นาที แฟนหงส์ยังไม่ทันได้อุ่นที่นั่งก็ต้องช็อก เมื่อ เอ็มเบวโม หลุดขึ้นทางขวาก่อนจ่ายให้ อามัด ดิยัลโล่ เปิดเข้ากลางให้เจ้าตัวซัดเต็มเท้า ส่งบอลพุ่งเสียบตาข่ายให้ แมนยู ขึ้นนำเร็ว 1-0 หลังจากนั้น ลิเวอร์พูลพยายามตั้งเกมบุกคุมจังหวะได้มากกว่าโดยมีทั้ง ซอบอลซไล, มัก อัลลิสเตอร์, และ ซาลาห์ คอยขยับหาช่อง แต่แนวรับปีศาจแดงที่มี แม็กไกวร์ กับ เดอ ลิกต์ ยืนคุมเหนียวแน่น จบครึ่งแรก ลิเวอร์พูลยังตามหลังอยู่ 0-1
⚡ ครึ่งหลัง – หงส์ไล่เจ๊าแต่ไม่รอดโดนทีเด็ดโหม่งแม็กไกวร์
กลับมาครึ่งหลัง ลิเวอร์พูลเดินหน้าบุกเต็มสูบ ก่อนจะมาได้ประตูตีเสมอนาที 78 จากจังหวะที่ เฟเดริโก้ เคียซ่า ครอสให้ โคดี้ กั๊กโป วิ่งเข้ามาชาร์จจ่อ ๆ เป็น 1-1 เกมเหมือนจะพลิกโมเมนตัมให้เจ้าบ้าน แต่แล้วนาที 84 บรูโน่ แฟร์นันด์ส เปิดฟรีคิกโค้งไปที่เสาสองให้ แฮร์รี แม็กไกวร์ เทกตัวโขกเต็มศีรษะเสียบเสาอย่างเด็ดขาด พาแมนยูขึ้นนำ 2-1 จนจบเกม หงส์แดงแม้ครองบอลได้ถึง 64% และมีโอกาสยิงถึง 19 ครั้ง แต่ไม่สามารถเปลี่ยนเป็นประตูได้อีก

👥 รายชื่อนักเตะตัวจริงและการเปลี่ยนตัว
ลิเวอร์พูล (4-2-3-1)
ผู้รักษาประตู: จอร์จี้ มามาร์ดาชวิลี่ (6.4)
กองหลัง: คอนเนอร์ แบรดลีย์ (6.5), อิบราฮิมา โกนาเต้ (7.0), เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ (7.3), มิลอส เคอร์เกซ (6.2)
กองกลาง: ไรอัน กราเวนเบิร์ช (6.7), อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ (6.4), โดมินิค ซอบอลซไล (7.6)
แนวรุก: โมฮาเหม็ด ซาลาห์ (6.4), โคดี้ กั๊กโป (6.5), อเล็กซานเดอร์ อิซัค (6.5)
เปลี่ยนตัว:
- 62’ เคอร์ติส โจนส์ ⏩ กราเวนเบิร์ช
- 62’ ฟลอเรียน เวิร์ตซ์ ⏩ แบรดลีย์
- 62’ ฮูโก้ เอคีติเก้ ⏩ แม็ค อัลลิสเตอร์
- 72’ เฟเดริโก้ เคียซ่า ⏩ อิซัค
- 85’ เยเรมี ฟริมปง ⏩ ซาลาห์
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (3-4-2-1)
ผู้รักษาประตู: สตีเฟ่น ลัมเมนส์ (6.9)
กองหลัง: ดิโอโก้ ดาโลต์ (6.8), แฮร์รี แม็กไกวร์ (7.5), มัทไธส์ เดอ ลิกต์ (6.4)
กองกลาง: ลุค ชอว์ (6.6), คาเซมิโร่ (7.0), บรูโน่ แฟร์นันด์ส (7.1), เมสัน เมาท์ (6.3)
แนวรุก: ไบรอัน เอ็มเบวโม (7.6), อามัด ดิยัลโล่ (7.0), มาเธอุส คุนญ่า (6.7)
เปลี่ยนตัว:
- 58’ มานูเอล อูการ์เต้ ⏩ คาเซมิโร่
- 59’ แพทริก ดอร์กู ⏩ ดิยัลโล่
- 61’ เบนจามิน เซสโก้ ⏩ เมาท์
- 85’ เลนี่ โยโร่ ⏩ ชอว์
- 85’ ค็อบบี้ เมนู ⏩ แฟร์นันด์ส
🔍 วิเคราะห์บอลการรุกและการรับ
รูปเกมของทั้งสองทีมมีความแตกต่างชัดเจน ลิเวอร์พูลของ อาร์เน่ สลอต เน้นครองบอลและต่อเกมจากแดนกลางโดยใช้ ซอบอลซไล เป็นตัวขับเคลื่อน ส่วนฝั่ง แมนยู ของ รูเบน อาโมริม เล่นเกมรับรัดกุม เน้นสวนกลับเร็วผ่านแนวริมเส้นโดยเฉพาะฝั่ง เอ็มเบวโม ที่สร้างความปั่นป่วนให้แนวรับเจ้าถิ่นตลอดทั้งเกม การจัดระบบ 3-4-2-1 ของแมนยูทำได้ยอดเยี่ยมในการปิดพื้นที่ในกรอบเขตโทษ ขณะที่ลิเวอร์พูลแม้มีการบุกต่อเนื่องแต่ขาดความเฉียบขาดในจังหวะสุดท้าย การวิเคราะห์บอลเกมนี้ชี้ชัดว่าความต่างของสองทีมอยู่ที่การจบสกอร์และการเล่นลูกเซตพีซที่แม่นยำกว่า

📊 สถิติการแข่งขัน
เกมนี้ลิเวอร์พูลครองบอลเหนือกว่าชัดเจนถึง 64% เทียบกับ 36% ของแมนยู ยิงทั้งหมด 19 ครั้ง เข้ากรอบ 6 ครั้ง ส่วนแมนยูยิงเพียง 12 ครั้ง เข้ากรอบ 4 ครั้ง การส่งบอลของเจ้าถิ่นสูงถึง 480 ครั้งด้วยความแม่นยำ 85% ในขณะที่ทีมเยือนส่งบอล 294 ครั้ง ความแม่นยำอยู่ที่ 68% ฝั่งลิเวอร์พูลไม่มีใบเหลือง ส่วนแมนยูโดน 2 ใบจาก คาเซมิโร่ และ ดิยัลโล่ สะท้อนถึงเกมที่พวกเขาต้องใช้แท็กติกตัดเกมกลางสนามเพื่อหยุดจังหวะเร็วของเจ้าถิ่น
🕒 เหตุการณ์สำคัญ
⏱ 2’ ⚽ แมนยูขึ้นนำ 1-0 จากเอ็มเบวโมจ่ายให้ดิยัลโล่ยิงจ่อ ๆ
🟨 52’ อามัด ดิยัลโล่ โดนใบเหลือง
🟨 57’ คาเซมิโร่ โดนใบเหลือง
🔁 58’ แมนยูเปลี่ยนตัว อูการ์เต้ แทน คาเซมิโร่
🔁 59’ แมนยูส่ง ดอร์กู ลงแทน ดิยัลโล่
🔁 61’ แมนยูเปลี่ยน เซสโก้ แทน เมาท์
🔁 62’ ลิเวอร์พูลเปลี่ยน โจนส์, เวิร์ตซ์, เอคีติเก้ ลงพร้อมกัน
⚽ 78’ ลิเวอร์พูลตีเสมอ 1-1 จากจังหวะกั๊กโปยิงหลังได้บอลจากเคียซ่า
⚽ 84’ แมนยูแซงนำ 2-1 จากลูกโหม่งของ แม็กไกวร์
🔁 85’ ลิเวอร์พูลส่ง ฟริมปง แทน ซาลาห์ / แมนยูส่ง เมนู และ โยโร่ ลงแทน แฟร์นันด์ส และ ชอว์
🥇 Player of the Match
เคอร์ติส โจนส์ (Liverpool) — แม้ทีมจะแพ้แต่ โจนส์ คือแสงสว่างในแดนกลางของหงส์แดง ลงมาสร้างความแตกต่างด้วยพลังขับเคลื่อนและความแม่นยำในการจ่ายบอล ได้คะแนนสูงสุดในสนาม 7.8 จาก Sofascore

📈 สถานการณ์ในตารางคะแนน
ความพ่ายแพ้ของลิเวอร์พูลทำให้ทีมมี 15 คะแนนจาก 8 นัด รั้งอันดับ 4 ของตาราง ขณะที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ขยับขึ้นมามี 13 คะแนน อยู่อันดับ 9 หลังคว้าชัย 4 จาก 8 นัดล่าสุด การปลดล็อกชัยชนะนัดนี้ช่วยเรียกขวัญกำลังใจให้กับทีมปีศาจแดงก่อนโปรแกรมหนักในสัปดาห์หน้า
📅 โปรแกรมนัดถัดไป
จาก ตารางบอล พรีเมียร์ลีก ลิเวอร์พูลต้องยกทัพไปเยือน แฟรงค์เฟิร์ต ในศึกยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก วันที่ 23 ตุลาคม ก่อนบุกเยือน เบรนท์ฟอร์ด ในวันที่ 26 ตุลาคม ส่วน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะเปิดบ้านรับมือ ไบรท์ตัน ในวันที่ 25 ตุลาคม ก่อนออกไปเยือน ฟอเรสต์ วันที่ 1 พฤศจิกายน
📢 ติดตาม บ้านผลบอล ได้ที่ บ้านกีฬา
อย่าพลาดทุกความเคลื่อนไหวจากศึก พรีเมียร์ลีก และลีกดังทั่วโลก อัปเดตผล บ้านผลบอล, โปรแกรมบอล, ตารางคะแนน และ ผลบอลสด ครบทุกคู่ ได้ที่ บ้านกีฬา เจาะลึกทุกเกมใหญ่แบบถึงอารมณ์แฟนบอลตัวจริง

