สมพงษ์ลาออก “เพื่อไทย” สะเทือน! วิเคราะห์แรงสั่นสะเทือน–เกมต่อไป ใครได้ ใครเสีย

ดูบอลสด ดูบอลออนไลน์ฟรี 24 ชั่วโมง

เช้าวันที่ 18 ตุลาคม 2568 วงการเมืองไทยเดือดกว่าดาร์บี้แมตช์ เมื่อ นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ประกาศลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรค ส่งผลให้พ้นสมาชิกภาพ ส.ส.บัญชีรายชื่อโดยอัตโนมัติสะเทือนลั่นถึงฐานที่มั่นภาคเหนือและยุทธศาสตร์เลือกตั้งรอบใหม่ที่กำลังใกล้เข้ามาอย่างเลี่ยงไม่ได้ แกนนำ–นักการเมืองอาวุโสหลายคนออกมาให้ความเห็นต่อเนื่อง สะท้อนปัญหา “ข้างใน” ที่คุกรุ่นมานาน และคำถามใหญ่—เพื่อไทยแตกยับจริงไหม?

ใครคือ “สมพงษ์ อมรวิวัฒน์” ทำไมการลาออกถึงดังสนั่น

อดีตรัฐมนตรีหลายกระทรวง อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และอดีตผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ ผ่านศึกมาแล้วนับไม่ถ้วน เกิดปี 1941 (อายุราว 84 ปีในปี 2568) เป็นหนึ่งใน “เสาหลัก” ทางการเมืองของขั้วไทยรักไทย–เพื่อไทยมานาน การขยับของเขาจึงเทียบได้กับกัปตันทีมประกาศลาทีมก่อนรอบเพลย์ออฟ—สั่นทั้งห้องแต่งตัวและอัฒจันทร์พร้อมกัน

ไทม์ไลน์ 17–18 ต.ค. 2568: ลาออก–แรงสะเทือนทันที

  • 17 ต.ค. สมพงษ์ส่งทีมยื่นหนังสือลาออกจากสมาชิกพรรคเพื่อไทยต่อ กกต. ย้ำเหตุหลักคือปัญหาการบริหารภายใน ถูก “ผู้มีบารมี” ล้วงลูก และชี้ว่าฐานใหญ่ เชียงใหม่–ลำพูน สะท้อนปัญหาพรรคจากผลเลือกตั้งที่ผ่านมา เจ้าตัวปัดข่าว “โดนดูด” ยืนยันตัดสินใจเองล้วน ๆ และไม่เกี่ยวกับการที่พรรคเป็นฝ่ายค้าน
  • 18 ต.ค. กระแสวิจารณ์กระหน่ำ นายเทพไท เสนพงศ์ โพสต์ตั้งคำถาม “เพื่อไทยแตกยับ?” มองว่าหลังยุบสภาอาจมี ส.ส.ทยอยย้ายออกต่ออีก ขณะที่ฝั่งพรรคยอมรับ “เสียดาย” แต่เชื่อว่าไม่ได้ตัดขาดกันทั้งหมด และชี้ปัจจัย “ช่องว่างระหว่างวัย–บทบาทคนเก่า” เป็นแรงเสียดทานสำคัญ
  • นักการเมืองอาวุโสอย่าง จาตุรนต์ ฉายแสง โพสต์ย้ำความผูกพันกับ “พี่พงษ์” และหวังพรรคฟังเสียงคนเก่ามากขึ้น—สัญญาณว่าบรรยากาศในพรรคคง “ไม่เหมือนเดิม” แน่ ๆ

ประเด็นที่สมพงษ์ชี้ปัญหา: “ผู้มากบารมี–การคัดตัวผู้สมัคร–ฐานเหนือสะเทือน”

สมพงษ์ชี้ชัดว่า “การบริหารจัดการภายใน–การวางตัวผู้สมัคร ส.ส.” เป็นชนวนใหญ่ โดยยกกรณี เชียงใหม่–ลำพูน ว่าผลเลือกตั้งที่ผ่านมา “พัง” และความไม่เป็นเอกภาพจากการเมืองท้องถิ่นสะท้อนปัญหากลไกกลางของพรรค พร้อมพาดพิงบทบาท “ผู้มากบารมี” ที่ตัดสินใจแทนพื้นที่ จนเจ้าตัว “อยู่ไม่ไหว” ต้องถอยเองเพื่อรักษาศักดิ์ศรี

เพื่อไทย “เลือดไหล” หรือ “รีเซ็ตทีม”? มองเกมยุทธศาสตร์ก่อนทางเลือกยุบสภา

  • ฝั่งวิจารณ์เชื่อว่าพรรคอาจเผชิญ “เลือดไหลไม่หยุด” หากประกาศยุบสภาเมื่อใด ส.ส.บางส่วนอาจย้ายค่ายเพื่อโอกาสทางการเมือง แต่นี่คือมุมมองเชิงคาดการณ์ ต้องจับตากระแสฐานเสียงในพื้นที่และ “ข้อเสนอจากพรรคคู่แข่ง” ในจังหวะคาบเกี่ยวเลือกตั้ง
  • ฝั่งผู้บริหารพรรคส่งสัญญาณ “เสียดายแต่เข้าใจ” และเชื่อว่ายังพอประคองได้ หากดึง “เสียงคนเก่า” เข้ามาร่วมอัปเดตกระบวนการคัดตัวผู้สมัคร สร้างทีมเลือกตั้งแบบผสมรุ่น (ระหว่าง ส.ส.หน้าเดิมกับคนรุ่นใหม่) เพื่อลดแรงเสียดทานเรื่อง Gen Gap ที่ถูกพูดถึง

กติกาเลือกตั้ง–ข้อเท็จจริงสำคัญ (อ่านแล้วใช้งานได้ทุกครั้งที่มี “ย้ายพรรค”)

  1. ลาออกจากพรรค = หลุดเก้าอี้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ
    กฎหมายไทยกำหนดชัดว่า ส.ส.บัญชีรายชื่อที่พ้นสภาพ “สมาชิกพรรค” จะสิ้นสุดสมาชิกภาพ ส.ส.โดยอัตโนมัติ กกต.จะเรียกผู้มีสิทธิตามลำดับบัญชีของพรรคเดิมขึ้นมาทดแทน (หากยังมีรายชื่อเหลือ) ผลคือจำนวนที่นั่งรวมของพรรคเดิม ยังไม่หายไปทันที แต่ภาพลักษณ์–ขวัญกำลังใจอาจสั่นคลอน ซึ่งกระทบต่อศึกเลือกตั้งรอบหน้าโดยตรง (ขั้นตอนปฏิบัติให้ยึดประกาศ/คำชี้แจงจาก กกต. เป็นที่สุด)
  2. ย้ายพรรคของ ส.ส.เขต
    ต่างจากบัญชีรายชื่อ—ส.ส.เขตที่ “ลาออกจากพรรค” มีไทม์ไลน์และเงื่อนไขย้ายสังกัดตามกฎหมายเลือกตั้ง ต้องดูกรอบเวลาหลังยุบสภาและกำหนดสมัครรับเลือกตั้งอย่างเคร่งครัด (เพื่อกันการย้ายแบบ “ปั่นตลาด” ก่อนวันรับสมัคร)
  3. ทำไม “คนดังพรรค” ขยับทีสะเทือน
    ในระบบพรรคการเมืองไทย แบรนด์พรรค + แคนดิเดต “แม่เหล็ก” คือสองขาเดินคู่กัน คนอาวุโสที่สั่งสมเครือข่าย–เครดิตกับฐานชนบท/เมืองใหญ่ เวลาขยับที ก่อแรงสั่นสะเทือนได้ทั้งเรื่อง “ศรัทธา” และ “เครื่องมือหาเสียง”

เสียงสะท้อนจากสนาม: คนเก่าอยากให้พรรคฟังมากขึ้น–สื่อหลักรายงานต่อเนื่อง

  • รายงานสำนักข่าวและทีวีออนไลน์สะท้อนไปในทิศทางเดียวกัน: สมพงษ์ย้ำ “ไม่โดนดูด”, “ปัญหาสะสมภายใน”, “ผู้มากบารมีล้วงลูก”, ขณะที่ฝ่ายบริหารพรรค–เลขาธิการพรรคยอมรับ “เสียดาย” และมองว่ายังไม่ตัดขาดกันเสียทีเดียว
  • นักข่าวการเมืองต่างประเทศในไทยรายงานข่าวเป็นภาษาอังกฤษต่อเนื่อง ชี้ว่าการลาออกเกิดจากความอึดอัดในบทบาทที่ลดลง—สะท้อนภาพ “รีแบรนด์–รีชัฟเฟิล” ภายในพรรคใหญ่ก่อนเลือกตั้งที่ใกล้เข้ามา

เกมหน้าของเพื่อไทย: ต้องแก้อะไร “ด่วนที่สุด”

  • คัดตัวผู้สมัครแบบมืออาชีพ ใช้โพลระดับพื้นที่หลายแหล่ง + เวิร์กช็อปนโยบายจุดขายจังหวัดต่อจังหวัด ปิดข้อครหาว่า “ส่วนกลางจิ้มเอง”
  • โครงสร้าง Gen Gap ตั้ง “บอร์ดรุ่นผสม” ที่มีอำนาจจริง ให้รุ่นใหญ่–รุ่นใหม่ยืนบนเวทีเดียวกัน ลดความรู้สึก “ไม่เห็นหัว”
  • รีเซ็ตภาคเหนือ ซ่อมฐาน เชียงใหม่–ลำพูน ด้วยการสื่อสารตรงกับเครือข่ายชุมชน/ผู้นำท้องถิ่น อธิบายบทเรียนที่ผ่านมาและแผนทวงพื้นที่
  • วินัยพรรค–สื่อสารวิกฤติ ตั้ง “วอร์รูมความขัดแย้งภายใน” เคสไหนส่อบานปลาย ให้โฆษกร่วม (รุ่นใหม่+อาวุโส) แถลงเร็ว ป้องกันกระแส “เลือดไหล” ทางจิตวิทยามวลชน

มุมมองคู่แข่ง: “สนามเปิด” ให้พรรคอื่นเสียบพื้นที่ที่เคยแดงจัด

การลาออกของแกนนำรุ่นใหญ่ย่อมสร้าง “หน้าต่างโอกาส” ให้พรรคคู่แข่ง โดยเฉพาะจังหวัดที่เพื่อไทยเคยครองยาว หากรีเซ็ตไม่ทัน ฐานเดิมอาจ “แตกเป็นเกาะ” ในศึกเลือกตั้งหน้า ซึ่งสื่อบางสำนักก็จับสัญญาณการขยับของพรรคคู่แข่งในบางสนามควบคู่กันแล้วด้วย (อ่านร่วมกับข่าวเลือกตั้งซ่อม/ความเคลื่อนไหวพื้นที่เพื่อประเมินแรงกระเพื่อม)

เช็กลิสต์ “อ่านการเมืองให้เป็น” สำหรับผู้อ่านทั่วไป (ใช้ได้ทุกฤดูกาลเลือกตั้ง)

  • แยกข่าว–ความเห็น: ข่าว “ข้อเท็จจริง” ให้ดูแหล่งอ้างอิงชัดเจน ส่วน “คอลัมน์/โพสต์” คือความเห็นที่อาจแรง–เข้มข้นกว่าปกติ
  • ดูฐานคะแนนย้อนหลัง: จังหวัดไหนคือ “บ้านเดิม” ของพรรคไหน เปิดผลเลือกตั้งรอบก่อน ๆ ประกอบ จะเห็นเทรนด์ชัด
  • จับสัญญาณบอร์ดบริหารพรรค: เปลี่ยนหัวหน้า–เลขาฯ–ผู้อำนวยการเลือกตั้ง บ่งชี้ “ยุทธศาสตร์ใหม่”
  • อย่ามองแค่กรุงเทพฯ: เกมจริงตัดสินที่หัวเมือง–ชนบท แคนดิเดตท้องถิ่นคือกุญแจ
  • นโยบายหาเสียงต้องจับต้องได้: เศรษฐกิจปากท้อง–หนี้ครัวเรือน–ราคาพืชผล คือสามเสาหลักที่ชี้เป็นชี้ตายคะแนน

บทสรุปสไตล์บ้านกีฬา

สมพงษ์ลาออกคือ “การ์ดใบใหญ่” ที่โยนลงบนโต๊ะก่อนเสียงนกหวีดเลือกตั้งดังจริง ภาพรวมวันนี้คือ เพื่อไทยต้องรีเซ็ตห้องแต่งตัว เร็วและเนียน—บริหารรอยต่อรุ่นใหญ่–รุ่นใหม่ คัดผู้สมัครด้วยเครื่องมือสมัยใหม่ โปร่งใส และฟังพื้นที่ให้มากขึ้น เพราะในเกมเลือกตั้งไทย ความศรัทธา+ทีมเวิร์กสำคัญไม่แพ้แบรนด์ ถ้าปรับฟอร์มทัน เกมยังกลับมาได้ แต่ถ้าปล่อยให้กระแส “เลือดไหล” ขยายตัว—คู่แข่งพร้อมเสียบทุกช่องว่างแน่นอน

แหล่งข้อมูลที่เกี่ยวข้องและอัปเดต: ไทยรัฐ, มติชน, ไทยโพสต์, ไทยพีบีเอสเวิลด์, ประชาชาติธุรกิจ และโพสต์/ถ้อยแถลงของแกนนำพรรคที่รายงานตรงกับเหตุการณ์ 17–18 ต.ค. 2568 เพื่อใช้ตรวจทานข้อเท็จจริงและท่าทีของแต่ละฝ่ายในมุมที่หลากหลาย.

ติดตาม ข่าวเด่น ข่าววันนี้ ที่ ข่าวการค้นหาที่มาแรงบ้านกีฬา

ตรวจหวย 24 ชั่วโมง หวยลาว หวยฮานอย

แอดไลน์ @Bankeela รับลิ้งดูบอล ทีเด็ด วิเคราะห์บอลจากทางบ้านกีฬา