
จาก : ผลบอลสด พรีเมียร์ลีก 2024 ระหว่าง เอฟเวอร์ตัน 2-2 ลิเวอร์พูล วันนี้ 13/2/68 – บ้านกีฬา
ศึก พรีเมียร์ลีก 2024 ดาร์บี้แมตช์แห่งเมอร์ซีย์ไซด์ที่กูดิสัน พาร์ค กลายเป็นอีกเกมสุดเดือดที่ไม่มีใครยอมใคร เอฟเวอร์ตัน แม้จะเป็นรองแต่สู้สุดใจยันเสมอ ลิเวอร์พูล 2-2 ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ทำให้ “หงส์แดง” ชวดสามแต้มสำคัญในช่วงโค้งสุดท้ายของฤดูกาล
เกมนี้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ โชว์ฟอร์มสุดยอดทั้งยิงและแอสซิสต์ พาลิเวอร์พูลขึ้นนำ 2-1 ในนาทีที่ 73 แต่สุดท้ายถูก เจมส์ ทาร์คอฟสกี โขกประตูตีเสมอให้เอฟเวอร์ตันในช่วงนาที 90+8 ส่งผลให้ลิเวอร์พูลเก็บเพิ่มเพียงแต้มเดียว
ครึ่งแรก – ทอฟฟี่ออกนำก่อน แต่หงส์แดงเอาคืนเร็ว
เกมเปิดฉากมาเพียง 11 นาที เจ้าถิ่น เอฟเวอร์ตัน ได้เฮก่อนเมื่อ เบโต้ ฉวยโอกาสจากจังหวะเตะมุมเข้าทำประตูให้ทีมขึ้นนำ 1-0 เล่นเอาแฟนบอลในกูดิสัน พาร์คกระโดดลั่น
แต่ลิเวอร์พูลไม่ปล่อยให้โดนกดดันนาน นาทีที่ 16 โมฮาเหม็ด ซาลาห์ จ่ายบอลให้ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ ซัดเต็มข้อ บอลพุ่งเสียบเสาไกลสุดงาม ตีเสมอ 1-1 ทำให้เกมกลับมาสูสีกันทันที
ครึ่งแรกดำเนินไปอย่างเข้มข้น เอฟเวอร์ตันใช้เกมรับแน่นหนาและรอสวนกลับ ส่วนลิเวอร์พูลพยายามครองบอลและเปิดเกมรุกเข้าใส่ ช่วงท้ายครึ่งแรกมีจังหวะปะทะหนักหลายครั้งจนผู้ตัดสินต้องแจกใบเหลืองไปหลายใบ ก่อนจบ 45 นาทีแรกที่สกอร์ 1-1
ครึ่งหลัง – ซาลาห์ซัดแซง แต่โดนตีเสมอช่วงทดเจ็บ
ลิเวอร์พูลยังคงเป็นฝ่ายเดินเกมรุกหนักในครึ่งหลัง จนถึงนาทีที่ 73 หงส์แดงก็มาได้ประตูขึ้นนำสำเร็จ ซาลาห์ ตัดเข้าในก่อนซัดเต็มข้อ บอลพุ่งผ่านมือพิคฟอร์ดเข้าประตูไปอย่างเฉียบขาด ทำให้ลิเวอร์พูลนำ 2-1
เกมทำท่าจะจบลงด้วยชัยชนะของลิเวอร์พูล แต่เอฟเวอร์ตันไม่ยอมแพ้ สู้สุดใจจนถึงวินาทีสุดท้าย และมาได้ประตูตีเสมอในช่วงนาทีที่ 90+8 จากลูกเตะมุม ทาร์คอฟสกี เทกตัวโหม่งเต็มศีรษะ ส่งบอลตุงตาข่ายเป็น 2-2
ช่วงท้ายเกมยังมีดราม่าเพิ่มขึ้นเมื่อ อับดูลาย ดูกูเร่ ไปเล่นนอกเกมใส่ผู้เล่นลิเวอร์พูลจนโดนใบแดงไล่ออกไปในนาที 90+12 สุดท้ายเกมจบลงด้วยผลเสมอแบบสุดมันส์
รายชื่อนักเตะตัวจริงและการเปลี่ยนตัว
เอฟเวอร์ตัน (4-2-3-1)
GK: จอร์แดน พิคฟอร์ด
DF: วิตาลี มิโคเลนโก้, จาร์ราด แบรนท์เวท, เจมส์ ทาร์คอฟสกี, แจ็ค โอไบรอัน
MF: อิดริสซ่า เกย์, เจมส์ การ์เนอร์
AMF: แจสเปอร์ ลินด์สตรอม, อับดูลาย ดูกูเร่, อิลิมัน เอ็นดิอาย
FW: เบโต้
🔄 เปลี่ยนตัว:
- แจ็ค แฮร์ริสัน แทน เอ็นดิอาย (25′)
- คาร์ลอส อลาคาราซ แทน ลินด์สตรอม (77′)
- ทิม ไอโรบูนัม แทน อิดริสซ่า เกย์ (77′)
- แอชลีย์ ยัง แทน การ์เนอร์ (87′)
ลิเวอร์พูล (4-2-3-1)
GK: อลิสซอน
DF: แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน, เฟอร์กิล ฟาน ไดจ์ค, อิบราฮิมา โกนาเต้, คอเนอร์ แบรดลีย์
MF: ไรอัน กราเฟนแบร์ก, อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์
AMF: หลุยส์ ดิอาซ, โดมินิค โซบอสซไล, โมฮาเหม็ด ซาลาห์
FW: โคดี้ กัคโป
🔄 เปลี่ยนตัว:
- เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ แทน กราเฟนแบร์ก (61′)
- เคอร์ติส โจนส์ แทน แบรดลีย์ (61′)
- คอนสแตนตินอส ซิมิกาส แทน โรเบิร์ตสัน (69′)
- ดาร์วิน นูนเญซ แทน กัคโป (69′)
- ดิโอโก้ โชต้า แทน หลุยส์ ดิอาซ (88′)
วิเคราะห์บอล – การรุกและการรับ
เอฟเวอร์ตันเล่นด้วยแผน 4-2-3-1 ที่เน้นรับลึกแล้วใช้จังหวะสวนกลับและลูกตั้งเตะเป็นอาวุธ ส่วนลิเวอร์พูลพยายามครองบอลและเดินเกมรุกจากริมเส้น แต่ปัญหาคือจบสกอร์ไม่เฉียบขาดมากพอ ขณะที่เอฟเวอร์ตันอาศัยลูกกลางอากาศสร้างโอกาส และเป็นอาวุธสำคัญที่ช่วยให้พวกเขาตีเสมอได้ในท้ายเกม
สถิติการแข่งขัน
เกมนี้ ลิเวอร์พูล ครองบอลได้มากถึง 64% ขณะที่ เอฟเวอร์ตัน มีเพียง 36% แต่แม้จะครองบอลน้อยกว่า เจ้าบ้านกลับมีโอกาสยิงมากกว่าถึง 10 ครั้ง (เข้ากรอบ 3) เทียบกับลิเวอร์พูลที่มีเพียง 6 ครั้ง (เข้ากรอบ 4) แสดงให้เห็นถึงความอันตรายของเกมสวนกลับของทอฟฟี่สีน้ำเงิน
ลิเวอร์พูลเน้นการต่อบอลและทำเกมรุกผ่านแดนกลาง ทำให้มีอัตราความแม่นยำในการส่งบอลสูงถึง 82% จากการจ่ายบอลทั้งหมด 546 ครั้ง ในขณะที่เอฟเวอร์ตันจ่ายบอลเพียง 307 ครั้ง และมีความแม่นยำในการส่งบอล 70%
เกมนี้มีการเข้าปะทะหนักและฟาวล์เกิดขึ้นมากมาย โดยเอฟเวอร์ตันทำฟาวล์ 9 ครั้ง ขณะที่ลิเวอร์พูลทำฟาวล์มากกว่าถึง 20 ครั้ง นอกจากนี้ยังมีใบเหลืองเกิดขึ้น ทีมละ 2 ใบ และเหตุการณ์สำคัญในช่วงท้ายเกมคือ อับดูลาย ดูกูเร่ ของเอฟเวอร์ตันโดนใบแดงในช่วงนาทีที่ 90+12
แม้ว่าลิเวอร์พูลจะมีความเหนือกว่าด้านการครองบอลและความแม่นยำในการจ่าย แต่เอฟเวอร์ตันสามารถใช้ลูกตั้งเตะและจังหวะสวนกลับสร้างโอกาสอันตราย ซึ่งนำไปสู่ประตูตีเสมอในช่วงทดเจ็บนาทีที่ 90+8 ส่งผลให้ทั้งสองทีมต้องแบ่งแต้มกันไปในศึกเมอร์ซีย์ไซด์ดาร์บี้สุดมันส์ครั้งนี้
เหตุการณ์สำคัญ
- ⚽ นาทีที่ 11 – Beto ยิงให้ เอฟเวอร์ตัน ขึ้นนำ 1-0 จากแอสซิสต์ของ Jarrad Branthwaite
- ⚽ นาทีที่ 25 – Alexis Mac Allister ซัดประตูตีเสมอ 1-1 ให้ ลิเวอร์พูล หลังรับบอลจาก Mohamed Salah
- 🔄 นาทีที่ 25 – เอฟเวอร์ตัน เปลี่ยนตัว Jack Harrison ลงแทน I. Ndiaye
- 🟨 นาทีที่ 27 – Andrew Robertson โดนใบเหลืองจากการถ่วงเวลา
- 🟨 นาทีที่ 35 – Jesper Lindstrøm มีปากเสียงกับผู้ตัดสิน ได้รับใบเหลือง
- 🟨 นาทีที่ 37 – Idrissa Gueye โดนใบเหลืองจากการทำฟาวล์นอกจังหวะบอล
- 🟨 นาทีที่ 45+2 – Conor Bradley ทำฟาวล์ โดนใบเหลือง
- 🟨 นาทีที่ 45+3 – Abdoulaye Doucouré ของเอฟเวอร์ตัน ได้รับใบเหลืองจากการเข้าสกัดหนัก
- 🔄 นาทีที่ 61 – ลิเวอร์พูล เปลี่ยนตัว Ryan Gravenberch ออก และส่ง Trent Alexander-Arnold ลงมาแทน
- 🟨 นาทีที่ 69 – Curtis Jones โดนใบเหลืองจากการทำฟาวล์
- 🔄 นาทีที่ 69 – ลิเวอร์พูล เปลี่ยนตัว Andy Robertson ออก และส่ง Kostas Tsimikas ลงสนาม
- 🔄 นาทีที่ 69 – ลิเวอร์พูล เปลี่ยนตัว Cody Gakpo ออก และส่ง Darwin Núñez ลงแทน
- ⚽ นาทีที่ 73 – Mohamed Salah ยิงประตูให้ ลิเวอร์พูล พลิกขึ้นนำ 2-1
- 🔄 นาทีที่ 77 – เอฟเวอร์ตัน เปลี่ยนตัว Idrissa Gueye ออก และส่ง Tim Iroegbunam ลงสนาม
- 🔄 นาทีที่ 77 – เอฟเวอร์ตัน เปลี่ยนตัว Jesper Lindstrøm ออก และส่ง Carlos Alcaraz ลงแทน
- 🔄 นาทีที่ 87 – เอฟเวอร์ตัน เปลี่ยนตัว James Garner ออก และส่ง Ashley Young ลงสนาม
- 🔄 นาทีที่ 88 – ลิเวอร์พูล เปลี่ยนตัว Luis Díaz ออก และส่ง Diogo Jota ลงมาแทน
- 🟥 นาทีที่ 90+12 – Abdoulaye Doucouré มีปัญหากับผู้ตัดสินและนักเตะฝ่ายตรงข้าม ได้รับใบแดงโดยตรง
- 🟨 นาทีที่ 90+12 – Curtis Jones โดนใบเหลืองจากการมีปากเสียง
- ⚽ นาทีที่ 90+18 – James Tarkowski ยิงประตูตีเสมอ 2-2 ให้ เอฟเวอร์ตัน จากการแอสซิสต์ของ Tim Iroegbunam
- 🔚 จบเกม – เอฟเวอร์ตัน เสมอ ลิเวอร์พูล 2-2 ในศึก พรีเมียร์ลีก 2024
- 🟥 หลังจบเกม – Arne Slot ผู้จัดการทีม ลิเวอร์พูล มีปัญหากับผู้ตัดสินหลังสิ้นเสียงนกหวีดสุดท้าย ส่งผลให้ได้รับ ใบแดง เช่นกัน โดยเป็นการลงโทษจากการประท้วงคำตัดสินอย่างรุนแรง
⭐ Player of the Match
🏆 โมฮาเหม็ด ซาลาห์ – 8.5 คะแนน
- ยิง 1 ประตู
- แอสซิสต์ 1
- คุมจังหวะเกมรุกของลิเวอร์พูล
ตารางคะแนนอัปเดต
ลิเวอร์พูลยังนำเป็นจ่าฝูงมี 57 คะแนน ส่วนเอฟเวอร์ตันอยู่ที่ อันดับ 15 มี 27 คะแนน ยังต้องสู้ต่อเพื่อลุ้นหนีโซนตกชั้น
โปรแกรมนัดถัดไป
หลังจากศึก เมอร์ซีย์ไซด์ดาร์บี้ ที่เต็มไปด้วยความเข้มข้น เอฟเวอร์ตันและลิเวอร์พูลต่างต้องเตรียมความพร้อมสำหรับเกมพรีเมียร์ลีก 2024 นัดถัดไป ซึ่งเป็นโปรแกรมสำคัญที่มีผลต่ออันดับของทั้งสองทีม
เอฟเวอร์ตัน
ทัพ “ทอฟฟี่สีน้ำเงิน” ต้องรีบฟื้นตัวจากเกมหนักกับลิเวอร์พูล เพราะนัดถัดไปพวกเขาต้องบุกเยือน คริสตัล พาเลซ ในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ เวลา 00:30 น. เกมนี้จะเป็นบททดสอบสำคัญของเอฟเวอร์ตันในการเก็บแต้มเพื่อลุ้นหนีโซนตกชั้นและรักษาฟอร์มที่ดีขึ้นในช่วงหลัง
ลิเวอร์พูล
ด้าน “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ที่กำลังลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีก ต้องกลับไปเล่นในแอนฟิลด์เพื่อต้อนรับการมาเยือนของ วูล์ฟแฮมป์ตัน ในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ เวลา 21:00 น. นี่เป็นโอกาสดีที่พวกเขาจะคว้าสามแต้มสำคัญเพื่อกดดันทีมลุ้นแชมป์รายอื่น และรักษาความได้เปรียบในตารางคะแนน
ติดตาม บ้านผลบอล และ ผลบอลสด โปรแกรมการแข่งขันทั้งหมดได้ที่ ตารางบอล บ้านกีฬา เพื่อไม่ให้พลาดทุกความเคลื่อนไหวของพรีเมียร์ลีก 2024